“อั้ม” โต้ข่าวเอารองเท้าปาหัว "ต๊อด" ยันถูกใส่ร้าย รู้ตัวคนปล่อยข่าวแล้ว แช่งกลับขอให้โดนรองเท้าจริงๆ บอกทำดีได้ดี ทำชั่วก็ขอให้รับกรรมไปเต็มๆ เจ้าตัวกราดเกรี้ยว เรื่องนี้เล่นเอาเสียบรรยากาศ เพราะนานทีจะได้เจออดีตแฟนหนุ่ม
ปกติแล้วไม่เคยยอมร่วมเฟลมกับดาราคนไหน แต่ล่าสุด “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ก็รับงานฉลองครบรอบ 14 ปีของฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ประชั่นอึ๋มกับ “ชมพู่ อารยา เอฮาร์เก็ต” งานนี้ทั้งคู่ออกมาเต้นในลีลาเซ็กซี่เกิร์ล โดยอั้มอยู่ในชุดนางฟ้าที่ดูปิดมิดชิดผิดปกติ ต่างกับชมพู่ท่วันนี้มาในชุดคอเซทสีดำแนบเนื้อ ทำเอาช่างภาพรัวชัตเตอร์มาที่ชมพู่ชนิดที่อั้มได้แต่มองตาปริบๆ
ซึ่งงานนี้อั้มก็ยอมรับแต่โดยดีว่าอึ๋มน้อยลงเพราะกำลังลดน้ำหนัก พร้อมกับเคลียร์ข่าวเรื่องเอารองเท้าปาใส่หัว “ต๊อด ศิณะ อุ่นทรพันธุ์” แฟนเก่า
“ก็ได้ซ้อมมาก่อนหน้านี้แป๊บนึ่ง การเพิ่งซ้อมวันนี้แต่งหน้าก็ขึ้นโชว์เลย มันก็ไม่ค่อยยากเท่าไรนิดเดียวเป็นช่วงสั้นๆ มากกว่า ซ้อมแค่ 5 นาทีเอง มีเวลาแค่นั้น (เล่นเอาคนตะลึงทั้งงานกับท่าเทแชมเปญ) ก็เพราะว่าถ้ายืนเทแล้วจะไม่สุภาพ ถ้าเทลงมาเราก็ต้องนั่งเทก้มลงมา ปกติไม่ได้เทท่านี้ มีคนเทให้ค่ะ คือเมื่อกี้ก็ยังแซวทีมงานเลยว่าจะให้เทอะไรเพราะไม่มีอะไรให้เทเลยวันนี้”(หัวเราะ)
เป็นที่สังเกตว่าวันนี้ “อั้ม พัชราภา” ไม่ค่อยตู้มต้ามเมื่อแต่ก่อน งานนี้ก็เลยโดนชมพู่อกตูมข่มรัศมี
“วันนี้ดูน้อยๆ เพราะช่วงนี้กำลังลดน้ำหนัก ผมลงนิดนึงเมื่ออาทิตย์ก่อนยังพอดี วันนี้ต้องเก็บเป็นนิ้วเลยค่ะน้ำหนักลง คืออยากลดน้ำหนัก ไม่มีอะไรฮือฮาแน่นอนค่ะ พอลดน้ำหนักแล้ว อะไรๆ มันก็ลดลงตาม แต่เดี๋ยวมันก็มาเพราะอ้วนง่าย เดี๋ยวลดมันก็ลงเร็ว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หมดความมั่นใจลงนะ ไม่เลยค่ะปกติดี”
โต้ข่าวเอารองเท้าปาหัว “ต๊อด” ยันถูกใส่ร้าย
“ไม่จริงเลย อันนี้ยืนยันว่าไม่จริงเลย ก็อึดอัดและเครียดกับข่าวนี้มาก ในช่วงวันแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยเท่าไรแต่พอมีเพื่อนมาบอกมีคนโทรมาถามก็เลยรู้สึกว่าเครียด เพราะอั้มกับต๊อดไม่เคยใช้กำลังอะไรกันเลยและค่อนข้างที่จะพูดกันแบบสุภาพ เห็นต๊อดเป็นคนเซอร์ๆ ดิบๆ อย่างนั้นแต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนพูดเพราะมาก เพราะฉะนั้นเราเองก็ต้องพูดกับเขาเพราะๆ ด้วย”
“ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแหล่งข่าวออกมาให้ข่าวเพื่ออะไร คนกำลังคุยกันดีๆ อยู่ กลับมาให้ข่าวอย่างนี้ ยืนยัน 100 เปอร์เซนต์ไม่มีความเป็นจริงเลย แต่อั้มไม่ทราบว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว อั้มว่านักข่าวเล่มนั้นคงจะทราบว่าใครเป็นคนให้ข่าว และก็อยากจะบอกว่าให้ระวังไว้เถอะคนนี้คงคบไม่ได้หรอกค่ะ”
“ส่วนที่มีข่าวว่าคนทางบ้านส่งเอสเอ็มเอสมาในรายการหนึ่งแล้วบอกว่าเป็นคนวงใน ว่าอั้มไม่ได้เอารองเท้าฟาดหัวต๊อด แต่เป็นกระเป๋า อันนี้ก็ไม่จริงเลยค่ะ คนไม่หวังดีแล้วละค่ะอั้มว่า ทำดีก็ได้ดีทำชั่วก็ขอให้ได้ชั่วเต็มๆ กลับไปเลยละกัน(เน้นเสียง) ระวังจะโดนของจริงเป็นรองเท้า คือวันนั้นก็ไม่มียอกเล่นอะไรเลย ไม่มีเลย แตะเนื้อแตะตัวก็ไม่มี นั่งอยู่ด้วยกันตลอดยังคุยเล่นกันอยู่เลย มีแต่ถ่ายรูปเล่นกัน จะเอาอะไรอย่างอื่นมากระทบแทนก็ไม่มี ไม่มีเลยค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันคนกำลังดีๆ อยู่ ไม่เข้าใจ”
เจ้าตัวรู้สึกเคืองกับนิตยสารดาราเล่มหนึ่งที่ลงข่าวไม่เป็นความจริง บอกยิ่งตัวเองออกมาให้สัมภาษณ์ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายตอบโต้ ท้าสื่อไม่เชื่อจับตาดู แถมแช่งคนต้นเรื่องขอให้เจอรองเท้าเบอร์ 6 ครึ่ง
“ไอ้เรื่องทะเลาะก็ทะเลาะกันเป็นปกติแต่ไม่เคยใช้กำลังเลยค่ะ ไม่มีค่ะ อั้มกับต๊อดได้คุยกันว่าเขาเป็นใครใช่คนเดิมหรือเปล่า เพราะว่าเล่มนี้คือสยามดาราได้ลงข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่เป็นความจริงว่า มีแหล่งข่าวบอกว่า ต๊อดไปคบหากับนักแสดงหน้าใหม่รุ่นน้องคนนึง ซึ่งต๊อดออกมาบอกแล้วว่าไม่เป็นความจริงเลย แล้วข่าวนี้ก็ไม่มีความเป็นจริงเลย ก็ต๊อดได้ออกมาพูดในสยามบันเทิงถ้าได้อ่านเล่มที่แล้ว เขาออกมาพูดแล้ว แล้วรูปที่ส่งมาก็เป็นรูปในเฟสบุ๊คค่ะ เป็นรูปที่ระบุวันที่ในเฟสบุ๊ค ต้องเป็นเพื่อนเท่านั้นที่จะเปิดดูได้เท่านั้นเอง ที่แหล่งข่าวออกมายืนยันก็ไม่เป็นความจริง 100 เปอร์เซนต์ อั้มยืนยันเลยค่ะ”
“สำหรับหนังสือเล่มนั้น อั้มจะไม่โทรไม่ถามสักคำ จะไม่ถามสักคำต่อไป (ถ้าเขามาขอโทษ) คงไม่มีทางมาขอโทษหรอกค่ะ ยิ่งอั้มออกมาพูดในวันนี้คนที่เป็นแหล่งข่าวก็จะต้องยิ่งเคืองกันไปใหญ่ ก็จะยิ่งมีต่อ คอยดูเถอะค่ะว่าไม่ช้าก็เร็วนี้จะต้องมีอีกซึ่งไม่เป็นความจริงอีก ขอให้เจอเบอร์ 6 ครึ่งนะ ก็โกธรอ่ะ(หัวเราะ) เพราะมันไม่เป็นความจริงคนกำลังดีๆ เข้าใจไหม อุตส่าห์อาทิตย์นี้เจอกันตั้งหลายรอบนะ เออมาทำลายบรรยากาศขอบคุณมาก”
“ก็ไม่หรอกค่ะจริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยแค้นอะไรใคร เป็นคนลืมง่าย ถ้าถามเมื่อวานซืนก็คงจะเครียดกว่านี้ แต่วันนี้ก็ดีขึ้นแล้ว คงไม่แบนหนังสือเล่มนี้หรอก จริงๆ ชอบหนังสือเล่มนี้เขาอยู่แล้วนะ และก็รู้จักกับพี่คนหนึ่งอยู่แล้ว แต่พี่เขาไม่ได้เขียนหรอกอั้มรู้นะ ก็ไม่มีอะไร อยากจะฝากบอกแหล่งข่าวดีกว่า เพราะว่านักข่าวก็มีหน้าที่เขียนข่าวตามที่แหล่งข่าวบอก ไม่รู้จะพูดอะไรดีไม่อยากด่าหรอก ตัวต่อตัวหรือเปล่า!(หัวเราะ) เอาเบอร์อะไร เบอร์ 9 ของพ่อ เบอร์ 6 ของแม่ เบอร์ 6 ครึ่งของลูก เบอร์ 8 ของต๊อด(หัวเราะ) ไม่มีหรอกค่ะแซวๆ เล่นนะคะ ก็ไม่มีอะไรหรอกไม่เครียดแล้วค่ะ”
“ ถามว่าจะฟ้องไหมก็คงไม่ฟ้อง ก็เป็นครั้งที่สองแล้วของเรื่องนี้ คือมันเสียความรู้สึกเพราะจริงๆ รู้จักเป็นพี่ที่สนิทกันด้วยนะ รู้จักกันก็เออ...แล้วมาบอกว่าโทรติดต่ออั้ม ติดต่อต๊อดไม่ได้ อั้มไม่มีเบอร์คนอื่นโทรเข้ามา ส่วนต๊อดก็ไม่เคยให้เบอร์ต๊อดจริงๆ ให้แต่เบอร์เพื่อนแล้วก็มีผู้หญิงรับซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับต๊อด เป็นน้องสาวของผู้ชายเจ้าของเครื่อง ต๊อดไม่เคยให้เบอร์กับนักข่าวคนไหนด้วย”
“คนที่พูดอั้มไม่ทราบหรอกค่ะว่าเป็นใคร ต้องถามพี่เอ เห็นพี่เอบอกว่าก็พอทราบมาบ้าง แต่พี่เอไม่อยู่ตอนนี้ แต่ก็ไม่เอาเรื่องนะอั้มคิดว่าอั้มไม่เอาเรื่องซึ่งมันก็เป็นปกติอยู่แล้ว ช่วงหลังๆ ข่าวไม่เป็นความจริงไม่จริงแม้แต่นิดเดียวเลยก็ไม่เอาเรื่อง แต่ค่อนข้างเครียดนะ เพราะว่าเป็นผู้หญิงเอารองเท้าไปตีหัวเขา คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแล้วละ ”
“ถ้าเจอตัวแหล่งข่าวก็คงไม่ทำอะไร และก็ไม่อยากให้เขารู้ด้วยว่าเรารู้ อยากจะดูเขาต่อไปว่าเขาจะทำอะไร ถ้ามันถึงที่สุด บางคนก็บอกว่าคนนี้เป็นเพื่อนของผู้สื่อข่าวคนหนึ่ง บางคนก็บอกว่าคนนี้เป็นคนที่เคยให้ข่าวไม่ดีก่อนหน้านี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อว่าเป็นคนไหนดี ถ้าเจอก็คงไม่ถามอะไรนะ เขาไม่หยุดหรอก ยิ่งอั้มออกมาพูดอย่างนี้แล้วเขายิ่งไม่หยุด พูดก็พูดไปเถอะ เพราะคนเขาก็คงไม่เชื่อเท่าไรแล้ว คืออั้มไม่อยากออกมาพูด อั้มกับต๊อดไม่อยากออกมาพูดแก้ข่าวอะไรอีกแล้ว เกรงใจต๊อดเขาด้วย ตอนนี้ต๊อดก็หายเครียดแล้วเขาเป็นห่วงอั้มมากกว่า ความจริงวันนี้ต๊อดจะมาช่วยพูดเราก็บอกว่าไม่เป็นไร ก็คงไม่ได้หรอกเดี๋ยวคงสนุกเพลินกันเลยสิค่ะ”
ด้านพ่อแม่ทั้งคู่เข้าใจ ไม่มีทางเป็นแบบนั้น เพราะแม่ต๊อดอยู่ในเหตุการณ์
“คือจริงๆ เหตุการณ์วันนั้นมันมี 2 เหตุการณ์ ช่วงนี้อั้มเจอต๊อดบ่อย เมื่อวันที่ต๊อดเปิดร้านช่วงวันที่ 9 เขาเปิดร้าน อั้มอยู่บนชั้น 2 จริง แต่คุณพ่อคุณแม่เขาอยู่ด้วย ก็นั่งอยู่ด้วยกันตลอดไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอวันที่12 ก็วันเกิดของเป๊ก ก็ไปอยู่ประมาณ 40-45นาที ไม่เกินนี้ ก็มีข่าวทั้งๆ ที่เราก็นั่งอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ออกมาส่งกันที่หน้าร้านยังดีด้วยกันตลอดเวลาไม่มีอะไรเลย ยิ้มให้กันตลอดเวลา เราเองก็เกรงใจคนที่บ้านต๊อดด้วย แต่ดีว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจ เพราะคุยกันตลอดเลยค่ะ เราเครียดเรื่องนี้มาก คุณแม่อยู่ในเหตุการณ์นั่งโต๊ะเดียวกันตลอด คุณแม่ต๊อดก็ไม่ว่าอะไร คุณแม่ก็ค่อนข้างเครียดพอสมควร คงเป็นห่วงทั้งอั้มทั้งต๊อดด้วย ก็แคร์มากกว่า ส่วนพ่อแม่อั้มก็ไม่ว่าอะไรเลย ไม่กล้าถามเห็นลูกเครียดๆ คงไม่กล้าถาม”
ส่วนเรื่องภาพหลุดนั่งรถเบนซ์หรูกับหนุ่ม “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” ไปปัญญาวิลเลจ รวมทั้งดอดสวีทไกลถึงต่างประเทศ เป็นความจริง แต่ไปนานแล้ว เจ้าตัวยันไม่ได้จับปลาสองมือ พูดเป็นนัยรู้ว่าหัวใจตัวเองอยู่ที่ไหน
“รถเบนซ์คันนั้นเป็นของอั้มเองค่ะ ไปงานของพี่ต๊อบ(ปริญญา ควรตระกูล) พี่ต๊อบเขาชวนไปหมดแหละค่ะ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ก็ได้เจอโน้ตบ้าง ก็ยังเป็นเพื่อนนะๆ ก็ถ้าเป็นเพื่อนก็ยังไปไหนด้วยกันได้ โน้ตเขาไม่ว่าอะไรเลยกับเรื่องนี้เพราะยังไม่ได้คุยกับข่าวนี้เลย เพราะมันยังใหม่เพิ่ง 2-3 วันนี้เอง(ไปต่างประเทศกับโน้ต)ไปค่ะแต่นานมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรในกอไผ่จริง อั้มรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่และรู้ว่าใจตัวเองอยู่ที่ไหนดีกว่า(หัวเราะ)ใจอยู่ที่บ้านค่ะ ใครดีกับเรา เราก็อยากจะดีด้วย ใครทำให้เราเสียใจเราก็ขอพัก แต่ถ้าดีก็ดีด้วยเนอะ”