xs
xsm
sm
md
lg

“เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ทุ่ม 20 ล้านจัดคอนเสิร์ต หุบปากงานนี้ไม่แขวะใครอีกแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ทุ่ม 20 ล้านจัดคอนเสิร์ตพร้อมเปิดบริษัทของตัวเอง ลั่นงานนี้ไม่ล่วงเกินใครแล้ว มุกต่างๆ จะมีการเตี๊ยมกันกับแขกรับเชิญ ได้ โต้ข่าวทะเลาะ “เจ๊ฉอด“ จนต้องแยกตัวออกมาทำธุรกิจ

ร้องเพลงมาเป็น 10 ปีก็ไม่ดังเปรี้ยงปร้างแต่พอ “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ณ เอไทม์จับมาปั้นใหม่กลับดังเป็นพลุแตก แต่ร่วมงานกันได้ไม่กี่ปีเจนนิเฟอร์ คิ้มก็ตัดสินใจเปิดบริษัทล้ำเส้น จำกัด เพื่อจัดคอนเสิร์ตต่างๆ โดยประเดิมงานแรกด้วยคอนเสิร์ตของตัวเอง MY NAME IS KIM ซึ่งได้มีการแถลงข่าวไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันก่อน ซึ่งงานนี้เจ้าตัวเรียกเสียงฮือฮาด้วยการนำเพชรมูลค่ากว่า 300 ล้านมาประดับไมโครโฟน และสร้อยเพชรชุดใหญ่ที่คอ

การแยกตัวจากเอไทม์มาตั้งบริษัทของตัวเองครั้งนี้ถึงจะเป็นอีกก้าวหนึ่งของการทำงาน แต่ก็เป็นที่เมาท์กันกระหึ่มว่า เบื้องหลังของการโบกมือลาเจ๊ฉอดครั้งนี้เกิดจากการขัดคอกัน งานนี้เจ้าตัวเลยขอเปิดใจเคลียร์พร้อมกับแถลงคอนเสิร์ตใหญ่ซะเลย

ไม่เคยมีปัญหากับทางเอไทม์เลย แต่ภาพลักษณ์ที่มันออกไปหรืออะไรก็แล้วแต่ เจ้านายในชีวิตที่ดีที่สุดมีสองคน คือพี่ต้น ลาวัณ กัณนชาติ ของเจเอสแอล กับพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ที่เอไทม์ เราอยู่ตรงนี้ยืนอยู่ตรงนี้ทำอะไรก็แล้วแต่ต้องปรึกษาผู้ใหญ่ ก่อนหน้าที่จะเปิดบริษัทก็ไปปรึกษาผู้ใหญ่ เราอยู่ตรงนี้ได้ด้วยความเอ็นดูแล้วก็การให้อภัยของผู้ใหญ่ทั้งนั้นเลย มันเหมือนกับความมีพระคุณของพี่ๆ ที่ดูแลเราอยู่ จนถึงตอนนี้ผู้ใหญ่เหล่านั้นก็ยังดูแลเราอยู่ ไม่อย่างนั้นก็คงยืนไม่ได้ตรงนี้ ตอนที่เข้าไปบอกพี่ฉอดว่าจะเปิดบริษัท พี่ฉอดก็บอกว่าจะทำอะไรก็ดูดีๆ นะ ถ้ามีอะไรก็โทรมา”

“ยังร่วมงานกับเอไทม์ได้เสมอค่ะ คือถ้าผู้ใหญ่เรียกใช้มา ยังไงก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ทางนั้นเป็นผู้ใหญ่ของเราเสมอ เป็นเจ้านายเสมอ ถ้าผู้ใหญ่เรียกไปเลย ถ้าคิวมันไม่ได้ชนกับสิ่งที่มีอยู่ ชนอยู่หรืองานอีเว้นท์ เพราะงานอีเว้นท์คือมันจะล็อคคิวไว้เลย”

“แต่ถ้าคนจะมองว่าเปิดบริษัทมาแข่งกัน ภาพมันก็ประมาณนั้นจริงๆ ปฏิเสธไม่ได้ แต่ในตัวของเราเองอย่างที่บอกว่าเราเกิดมากับอะไรที่มันไม่มั่นคงเลยสักเรื่องนึง การที่ได้เป็นนักร้องอย่างเก่งได้ทำคอนเสิร์ตให้ตัวเองปีละหนหรือ 2-3 ปีหน แต่ถ้าเราตั้งบริษัทขึ้นมาเองแล้วเราสั่งสมประสบการณ์จากที่เรามีอยู่ อีกหน่อยตัวเราเองไม่ได้ทำงานแล้ว คือหมายถึงว่าตัวเราเองไม่ดังแล้ว ไม่มีชื่อเสียงแล้ว เรายังสามารถสร้างงานให้คนอื่นได้ แล้วเราก็เก็บกินในส่วนตรงนั้น คิดว่ามันเหมือนกับนักแสดงลุกขึ้นมาเป็นผู้จัด ถามว่าเป็นคู่แข่งกับต้นสังกัดที่เคยปั้นเขามารึเปล่า ถ้าเรามองในแง่ของการทำมาหากิน การอยู่รอด มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำได้”

สำหรับคอนเสิร์ต MY NAME IS KIM ทุ่มงบในการจัดงานถึง 20 ล้านบาทเลยทีเดียว
“คอนเสิร์ตนี้ลงทุนไป 20 ล้านค่ะ ไม่รวมเพชรนะ เพชรนั้นมัน 300 ล้าน(หัวเราะ) ถามว่าจะต่างจากคอนเสิร์ตที่ผ่านๆ มายังไง คือว่าคอนเสิร์ตที่เคยผ่านมาก็ว่าดีแล้วนะ คือหมายถึงว่าทำมันดีที่สุดแล้ว ใครจะว่ายังไงไม่รู้แต่ฉันทำได้ดีที่สุดเท่านั้นแล้วทั้งสองครั้งที่ผ่านมา แต่พอมาถึงตรงนี้คาดหวังว่าจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนดู แต่ก็ไม่รู้ว่าในการประเมินค่าของคนดู หลังจากดูจบแล้วคนดูเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ามันดีที่สุดจริงรึเปล่า”

ลั่นจะไม่พูดจาไม่ดีหรือล่วงเกินใครอีก เพราะคอนเซ็ปต์ในการทำงานเปลี่ยนไปจะไปเล่นแบบนั้นกับ “เคน ธีรเดช” กับ “บีม กวี” ซึ่งเป็นแขกรับเชิญไม่ได้
เรื่องคำพูดที่ไม่ได้เอาประเด็นตรงนั้นในการซักฟอกงานของเรา แต่ตอนนี้คอนเซ็ปต์มันเปลี่ยนทุกอย่างมันจะถูกลืมไปหมด ถ้าจะพูดอะไรทะลึ่งตึงตังจะพูดถึงตัวเองขำๆ ไป แต่จะไม่ไปล้วงล้ำก้ำเกินแขกรับเชิญ เพราะว่าทุกคนที่เข้ามาเป็นเพื่อนเราหมดเลย อย่างน้องเคน(ธีรเดช วงศ์พัวพันธุ์) น้องบีม(กวี ตันจรารักษ์) เขาก็น่ารัก อุตส่าห์มาให้”

“เรื่องของเรื่องคือคอนเซ็ปต์มันเปลี่ยน แล้วคนที่ขึ้นมาก็เปลี่ยนอีก บีม เคนอย่างเนี่ย คุณเล่นอย่างนั้นไม่ได้ คุณต้องหาเรื่องเล่นอย่างอื่น แต่ก็จะมีการเตี๊ยมกันไว้ก่อนว่าเดี๋ยวจะแซวแล้วนะ ประมาณนี้นะ อย่าโกรธนะ คือจะออกแนวขำมากกว่า”

ยันยันว่าเหตุผลที่เลือกหนุ่ม “เคน” กับนักร้องหนุ่ม “บีม” มาร่วมเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ใช่เพราะตัวเองเรียกร้องแต่วัดจากกระแสมากกว่า
“คือในคอนเสิร์ตนี้เราไม่ทำให้คนดูจับทางเราถูกแน่ๆ เราต้องพลิกมาอีกด้านนึง อย่างบีมเราเห็นว่ามันมีส่วนที่เขาพัฒนาเรียบร้อยแล้วในการร้องเพลง บางทีเพลงที่เขาร้องออกไปมันออกจะเอาตลาดมันก็อาจจะไม่ได้ขุดเอาความเป็นนักร้องในตัวของเขาออกมาจริงๆ เยอะๆ ก็คิดว่าเดี๋ยวมันจะต้องเจอโจทย์ที่คนจะได้พิสูจน์กันเลยว่าบีมเป็นนักร้องจริงๆ นะ หรืออย่างเคนเราก็บอกว่าเราจะต้องพลิกหาอะไรที่คนดูจะต้องคิดไม่ถึง ชอบให้คนรู้สึกแบบนั้นมากกว่าที่จะไม่แบบว่าถ้าไม่อย่างนั้นแล้วจะอย่างนี้ได้ยังไง คือคนเขาก็จะรู้ว่าเคนไม่ร้องเพลง แล้วยังไงต่อล่ะ”

“แต่จะบอกว่าที่เลือกแขกรับเชิญไม่ว่าจะเป็นใครเนี่ย เป็นเพราะระบบงานมากกว่า เพราะอย่างเคนก็ได้ทางพี่ก้อง(ปิยะ เศวตพิกุล) ติดต่อมา เพราะถ้าทางคอนเนคชั่นเราคงไม่แข็งแรงขนาดรู้จักหรือคุ้นเคยกันขนาดที่ทำให้เคนยอมมาง่ายๆ หรือบีมก็เหมือนกัน แต่คือมันมาจากคอนเซ็ปต์ก่อนว่าเราอยากได้อะไร เราจะถามตัวเองก่อนว่าอะไรที่มันไม่เคยมีจากที่เคยผ่านมา แล้วอะไรที่มันจะแปลกกว่าที่คนเขาคาดถึงเรา ดังนั้นอย่างความหล่อที่มันได้มามันก็กลายเป็นเรื่องถูกที่ถูกเวลามากกว่า มันไม่ได้ตั้งใจหรอกว่าฉันจะต้องขึ้นกับคนหล่อ”

“จริงๆ ก็อยากจะขึ้นกับน้องชะนีทั้งหมดที่เรารู้จักมา แต่ว่าน้องชะนีแต่ละคนคือขึ้นมาสวยกว่า คนดูก็จะรู้สึกว่าอีนี่มันกล้าดี มันไม่กลัวตาย เพราะตายก่อนไปแล้ว ตายตั้งแต่ยังไม่ขึ้นอยู่แล้ว คืออะไรก็ตามแต่มันเข้ามาถูกเวลานั้นจริงๆ น่ะค่ะ ถ้าไม่ได้มีที่ปรึกษาเป็นพี่ก้อง ปิยะก็คงไม่ได้สองคนนี้มา การคุยการคิดอะไรเราไม่เคยคิดก่อนเลยว่าแขกรับเชิญต้องหล่อเราไม่คิดอย่างนั้น แต่คิดว่าแขกรับเชิญคนไหนมา”

“ก็จะเปิดจองบัตรวันที่ 26 นี้นะคะ ยังไงก็ต้องฝากเลยนะคะเพราะลุกขึ้นมาทำเอง อย่างแขกรับเชิญก็ได้ตามที่คาดคะเนกัน และมีที่คาดไม่ถึงอย่างสองคนนี้นะคะ เราก็ทำเต็มที่แล้วเราก็คิดว่ามันอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ของการไม่ซ้ำซาก มันจะต้องออกมาแปลกๆ ใหม่ๆ แน่ๆ ในทุกๆ อย่าง ก็ฝากทุกๆ คนให้โอกาสและเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ”


กำลังโหลดความคิดเห็น