“ไอซ์” ผวาฝรั่งตามตื้อจีบ วิ่งไล่แถมตะโกนเรียก “ฮันนี่” กลางห้าง คาดน่าจะเป็นโรคจิต ส่วนความสัมพันธ์กับทายาทนักการเมือง“หลวง” ขอเบรกแค่เพื่อน เพราะนิสัยเหมือนกันมากเกินไป เชื่อไม่รอดแน่หากคบเป็นแฟน
เพราะเลือกมากจึงปล่อยให้หัวใจไร้รักอยู่นาน สำหรับดาราสาว “ไอซ์ อภิษฎา เครือคงคา” ที่มีข่าวคบหาดูใจอยู่กับทายาทนักการเมืองดัง “หลวง พสุ ลิปตพัลลภ” แต่เจ้าตัวอึกอักไม่ฟันธงเรียกว่าแฟนสักที และด้วยความที่เป็นสาวโสดเนื้อหอมเซ็กซี่ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่หนุ่มไทยเท่านั้นที่แห่กันมาขายขนมจีบ
แต่ความสวยของสาวไอซ์ยังไปเตะตาหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าว ถึงขนาดตามตื้อขอเบอร์สาวไอซ์ โดยทำทีเป็นโมเดลลิ่ง ทำเอาเจ้าตัวออกอาการผวา เพราะคิดว่าเจอโรคจิตวิ่งตาม
“อย่าว่ามาจีบเลยน่ากลัวมาก คือไอซ์เคยเจอเขาที่สนามบินสุวรรณภูมิครั้งนึง ไอซ์ไปถ่ายแบบมาแล้วเดินเข้ามาหาอะไรทาน เขาก็เข้ามาชมก่อนว่าเสื้อเราสวยนะ คือวันนั้นเราก็แต่งตัวไปธรรมดามากเลย เขาก็ถามว่าซื้อที่ไหน แล้วเขาก็ให้นามบัตรแนะนำตัวว่า เป็นคนสเปน เขาสนใจเรื่องแฟชั่น"
"แต่พอดูนามบัตรจะมีทั้งออกแบบ แล้วก็เรื่องของแฟชั่นอีกเยอะแยะมากมายก็เลยงง ไอซ์เลยให้เบอร์ผู้จัดการส่วนตัวของไอซ์ไป จากนั้นเขาก็ส่งข้อความมาเรื่อยๆ แล้วโทรเข้ามา แต่ผู้จัดการไอซ์บอกว่า คุณโทรมาผิดแล้ว เบอร์นี้ไม่ใช่”
“มีอยู่วันนึงไอซ์เดินอยู่ที่เซ็นทรัลเวิล์ด พอหันมาก็ดันมาเจอเขา เขาก็เข้ามาทักไอซ์ แต่ตอนนั้นไอซ์จำไม่ได้ว่า เขาเป็นใคร ไอซ์เลยส่ายหัวแล้วเดินหนีไปเลย แต่เขาดันวิ่งตาม แล้วตะโกนเรียกไอซ์ว่าฮันนี่ๆๆๆ ไอซ์ก็ไม่รู้จะทำไง เลยบอกซอรี่ๆแล้วก็วิ่งหนีไปเลย เขาก็ยังวิ่งตามอีก คนแถวนั้นก็งงว่าไอซ์วิ่งหนีทำไม คือมันเหมือนสามีภรรยาทะเลาะกันกลางห้าง(หัวเราะ) ไอซ์คิดว่าเขาคงเป็นคนโรคจิต เพราะถ้าไม่ใช่โรคจิตคงไม่เรียกเราว่าฮันนี่ เขาเองคงไม่รู้ด้วยมั้งว่าเราเป็นดารา”
เผยสัมพันธ์กับหนุ่ม “หลวง” ไม่เลื่อนขั้นเป็นแฟน ขอเป็นเพื่อนกันตลอดไป เพราะนิสัยเหมือนกันมากเกินไป
“ความสัมพันธ์ไม่มีเลื่อนขั้น มีแต่ถอยหลัง ความสัมพันธ์ก็เหมือนเดิม ณ ตอนนี้เราอยู่กันคนละประเทศด้วย อีกอย่างตอนนี้เขาก็ทำงานแล้ว แต่ไอซ์ว่าเราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ดีกว่า เรารู้จักเขามานานหลายปีพอสมควร ซึ่งความสัมพันธ์นี้มันคงไม่หายไป ถ้าเรายังเป็นแบบนี้กันอยู่ แต่ถ้าเราเป็นแฟนกันแล้วต้องเลิกกัน ไอซ์รู้สึกเสียดายความสัมพันธ์นี้ คือเราทั้งคู่นิสัยเหมือนกันมากเกินไป ไอซ์เลยคิดว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า”
