“ปู” รับเลิกแฟนฝรั่ง “ทิม” อุบเงียบไม่บอกสาเหตุ อึกอักได้เพื่อนเก่า “ขุนพล” ดามใจ แจงภาพหวานแค่กอดไม่ใช่ฟัด เผยรู้จักกันมา 7 ปี ไม่อยากรีบร้อนเป็นแฟน เพราะหวั่นเสียเพื่อน ปัดเปลี่ยนผู้ชายบ่อย บอกขอตั้งใจเรียนก่อน เรื่องความรักค่อยมาทีหลัง
เป็นดาราสาวลูกครึ่งไฟแรงสูง ที่เปลี่ยนแฟนใหม่เป็นว่าเล่นสำหรับสาว “ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก” เพราะวัยแค่ย่างเข้าปีที่ 20 แต่เธอกวาดหนุ่มๆ มีแฟนมาแล้วทุกแบบทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มตี๋แร็พ “โจอี้ บอย” ต่อด้วยไฮโซมาดเซอร์ “นัท ณัฐพล สารสาส” ถัดมาเป็นหนุ่มใหญ่ไฮโซสุดเนี๊ยบ “แพท ประกาสิทธิ์ พรประภา” พอไปเรียนเมืองนอกก็สอยฝรั่งตาน้ำข้าวอย่าง “ทิมโมธี่” มาเป็นแฟน โชว์ภาพสวีทจูจุ๊บในงานปาร์ตี้จนกลายเป็นข่าวครึกโครม
แต่หลังจากที่สาวปูกลับมาเมืองไทยเพื่อถ่ายละคร แถมคุยฟุ้งไปทั่วว่า ขากลับอังกฤษราวปลายเดือนส.ค.นี้ แฟนฝรั่งจะบินมารับถึงที่ ไม่ทันไรมีข่าวลือว่าปูได้สลัดรักฝรั่งตาน้ำข้าว แล้วหันมาสนใจไฮโซรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง “ขุนพล อิสสระ” ที่มีดีกรีเป็นทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้าน และเป็นนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทยซะแล้ว ซึ่งตรงกับคำทำนายของหมอดูคอนเฟิร์มว่า เธอจะเลิกรากับ “ทิมโมธี่” ไม่เกินเดือนก.พ.ปีหน้า งานนี้สาวปูได้อุบปากเงียบไม่ขอตอบถึงสาเหตุเลิกแฟนฝรั่ง พร้อมแจงภาพปาปารัซซี่กับหนุ่มขุนพล แค่กอดไม่ใช่ฟัดอย่างที่พาดหัวข่าวซะใหญ่โต
“ละครจะออนแอร์แล้วขอไม่เป็นข่าวได้ไหม (หัวเราะ) ปูไม่ได้คบกับเขาแล้วค่ะ ปูเลิกกับเขามาได้สักพักนึงแล้ว แต่ปูไม่ขอเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ได้ไหม ปูขอร้อง คือปูไม่อยากจะพูดเพราะถ้าอีกฝ่ายนึงอ่านมันก็จะไม่ดี แต่ไม่มีใครมาแทนที่ใคร ช่วงนี้มันก็ไม่แปลกเพราะเราอยู่คนละประเทศ มันก็ย่อมมีอะไรที่บกพร่องบ้าง แต่ปูไม่ได้เปลี่ยนแฟนบ่อย ไม่อยากให้คนอื่นเอาไปพาดข่าวกันอย่างนั้น ณ เวลานี้ปูก็คุยอยู่กับขุนพลคนเดียว”
“ในภาพที่ออกมาปูไม่เข้าใจว่าฟัดตรงไหน ภาพมันเป็นแค่กอด ซึ่งตอนถ่ายละครมันก็ต้องมีกอดกับเพื่อนบ้าง และนี่ก็กอดมาจากข้างหลัง มันไม่มีอะไร กับขุนพลเนี่ยเรารู้จักกันมานานแล้ว เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ปูอยู่ม.2 เราคุยกันมา 7 ปีแล้วสนิทกันมานาน แต่ด้วยจังหวะของปู คือเขาเคยขอเบอร์ปูจากเพื่อนตั้งแต่ตอนอายุ12-13 แล้วเขาก็โทรมาคุยกับปูบ้าง ปูก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้มันเหมือนปูว่างด้วย แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่”
อุบสัมพันธ์กับ “ขุนพล” แจงความรักครั้งนี้ไม่อยากรีบร้อนเพราะกลัวเสียเพื่อน ไม่หวั่นรักแท้แพ้ระยะทาง ฟุ้งต่างคนต่างเจอพ่อแม่ของอีกฝ่ายแล้ว
“ก็ยอมรับว่าเราคุยๆกันอยู่จริง คือความเป็นเพื่อนระหว่างเรามันมีค่อนข้างสูง เพราะรู้จักกันมานานแล้ว เขาเห็นปูตั้งแต่ปูยังตัวดำๆ ดัดฟัน ตอนนี้เขาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ดังนั้นจะเรียกว่าเขาเป็นกิ๊กปูก็ไม่ใช่ เขาไม่ใช่กิ๊ก เรียกว่าดูๆกันอยู่ดีกว่า เรียกแบบนั้นมันดูไม่ดี แล้วปูก็คุยกับเขาอยู่คนเดียว”
“ครั้งนี้ปูไม่อยากรีบ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เดี๋ยวความเป็นเพื่อนที่เราคุยกันมา 7 ปีมันจะหายไป เอาเป็นว่าคุยกันแบบเพื่อนดีแล้ว ยิ่งตอนนี้ปูเรียนหนังสือ มันยังไม่มีอะไรที่จะมามั่นคง ต้องใช้เวลากันดีกว่ายังไม่ต้องรีบ อีกอย่างปูกับเขาก็วัยเดียวกันด้วย ปูก็อยากให้เขาตั้งใจเรียน ให้เขาทำของเขาให้ดี ปูเองก็เล่นละคร ตั้งใจเรียนไปไม่ซีเรียส ถ้าเกิดไม่มีใครเรียนหนังสือมันก็คบกันไม่ได้อยู่ดี คือเราต้องทำหน้าที่ของเราให้เสร็จก่อน ให้ต่างคนต่างเรียนจบแล้วค่อยมาพูดกันอีกที”
“เดี๋ยวปูต้องไปเรียนต่อ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวโทรหา ก็คุยโทรศัพท์กัน ปูไม่กลัวเรื่องระยะทาง เพราะเขาเองก็เรียนอยู่ที่อเมริกา นี่เขาก็บินกลับไปเรียนแล้ว และบอกว่าเดี๋ยวจะแวะบินไปหาปูที่อังกฤษ ที่ผ่านมาปูมีโอกาสได้เจอพ่อแม่เขาแล้ว แล้วเขาเองก็มีโอกาสได้เจอพ่อแม่ปู"
"อย่างที่บอกเรารู้จักกันมานาน แม่ปูรู้จักกับเขาตั้งแต่เขายังเด็กๆ แม่ก็บอกว่าขุนพลนิสัยดีไม่มีอะไร แม่ของขุนพลเองก็น่ารักกับปู พ่อแม่ปูไม่ได้ว่าอะไรกับเรื่องนี้เลย เขาห่วงอย่างเดียวคือขอให้ปูเรียนให้จบ เรื่องอื่นอยากจะทำอะไรเขาก็ให้ปูทำ ขอให้มันอย่าไปขัดจังหวะกับเรื่องเรียนเขาก็โอเคแล้ว”
ปัดเปลี่ยนแฟนบ่อย พร้อมยันไม่เกี่ยวกับกระแสข่าว เลยทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของความรัก ตอนนี้ขอตั้งใจเรียนก่อน เรื่องรักค่อยมาทีหลัง
“ไม่ใช่ว่าเลิกปุ๊บมีปั๊บ ปูไม่ได้เปลี่ยนแฟนบ่อยนะ พูดตรงๆเวลาปูคบใครปูคบนานนะ แต่ปูเข้าวงการมาหลายปีแล้ว คนก็จับตามองเรื่องความรักของปูมาก ปูขยับตัวไม่ได้เลย มันเลยดูเหมือนว่าปูมีหลายคน แต่จริงๆแล้วบางคนที่พี่ๆถ่ายรูปกันไปมันไม่ใช่ เหมือนไปเดินห้างบางครั้งปูก็ไปเดินกับเพื่อน แล้วกับภาพล่าสุดที่เดินกอดคอกันจะบอกว่าปูกอดคอกับเพื่อนปูทุกคน อย่างพี่วิน (ธาวิน) ถ่ายละครด้วยกันทุกวันปูก็กอดคอ ไม่ได้ไปหอมแก้มเขาหรือว่าทำอะไรเลย”
“แล้วมันไม่เกี่ยวเลยกับเรื่องที่ว่าปูโดนกระแสเยอะ แล้วจะทำให้รักปูไม่ประสบความสำเร็จ มันไม่เกี่ยวกับข่าวไม่เกี่ยวกับใคร คนเราคบกันมันอยู่ที่คนสองคน แต่ต้องมองความเป็นไปได้ อย่างแค่1-2ปี จะให้ปูไปทุ่มเทมันก็ไม่ใช่ สู้ปูเอาเวลาไปทุ่มเทกับงานหรือเรื่องเรียนไม่ดีกว่าเหรอ การที่เราหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความรัก มันไม่ใช่อะไรที่ดีที่ควรจะมาหมกมุ่น เราเอาเวลาไปเรียนหนังสือไปทำงานดีกว่า ปูว่าเรื่องนั้นก็เอาเป็นเรื่อยๆละกัน”
