xs
xsm
sm
md
lg

นาธาน โอร์มาน : พูดจริงง่ายกว่า(มั้ย?)/อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

รอบเดือนที่ผ่านมาในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ คงจะไม่มีข่าวบันเทิงข่าวใดที่ร้อนและแรงไปกว่าเรื่องของหนุ่ม "นาธาน โอร์มาน" อย่างแน่นอน

เรื่องของเรื่องเกิดเป็นข่าวขึ้นมาก็เพราะการที่เขาได้ติดต่อขอให้สัมภาษณ์ผ่านทีมข่าวซูเปอร์บันเทิงเกี่ยวกับความคืบหน้าจากการที่เมื่อปลายปีที่แล้วที่เขาเคยให้ข่าวกับสื่อฯ ว่าได้มีโอกาสไปแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศ ประกบกับนักแสดงดังอย่าง บรูซ วิลลิส รับค่าตัวกว่า 40 ล้านบาท (และอาจจะถึง 100 ล้านบาทหากแสดงครบทั้ง 3 ภาค) กระทั่งกลายเป็นข่าวโด่งดัง

เว็บไซต์หลายเว็บฯ หนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างลงเรื่องของเขา มีทีวีเชิญไปออกรายการ ขณะที่หลายคนต่างชื่นชมในความสามารถ

สำหรับในการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของหนุ่มนาธานนั้นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบรรยากาศทั่วไปในกองถ่าย และความยากลำบากในการทำงานต่างๆ แต่คราวนี้ปฏิกิริยาที่ตามมาจากสังคมกลับตรงกันข้าม

เพราะหลังจากบทสัมภาษณ์ที่ว่าได้ถูกนำเสนอผ่านออกไป ก็ได้มีนักเล่นอินเทอร์เน็ตบางส่วนตั้งเป็นกระทู้ด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่เจ้าตัวบอกกล่าวออกมานั้นจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด?

พร้อมกับหาข้อมูลต่างๆ มายืนยันความเป็นไปได้ถึงความเป็นไปได้ที่หนุ่มนาธานจะได้ไปแสดงหนังที่ฮอลลีวูดจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริษัทผู้สร้าง ชื่อภาพยนตร์ สถานที่ถ่ายทำ ดาราที่ร่วมแสดง ซึ่งแทบจะหารายละเอียดไม่ได้ ขณะที่ทางหนุ่มนาธานเองก็ชี้แจงได้แต่เพียงว่า ตนเล่นหนังจริงๆ ทว่าไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ได้ เพราะเป็นความลับของบริษัท รอให้หนังออกฉายก่อนดีกว่า แล้วจะได้รู้ว่าใครพูดจริงไม่จริง

ทั้งนี้ในขณะที่อดีตนักร้องจากค่ายอาร์เอสกำลังถูกเคลือบแคลงสงสัยต่อกรณีการไปเล่นหนังที่ฮอลลีวูดนั้น ก็ให้เป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาต้องมาถูกดีเจหญิงคนหนึ่งออกมาประกาศจะเอาเรื่อง โดยอ้างว่าถูกหนุ่มนาธานโกงเงินในการทำร้านฯ ร่วมกัน ก่อนจะเผยต่อไปถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัยของเขาต่างๆ นานา เช่น หลอกลวงเรื่องอายุ-ปีเกิด, หลอกนักข่าวว่าเป็นน้องชายนาธาน, พูดโทรศัพท์โดยเลียนเสียงเป็นผู้หญิง ฯ

นั่นเองที่ทำให้เกิดข้อสงสัยถึง "ความจริง" ของตัวชายหนุ่มคนนี้ว่าที่ผ่านมาจะมี "ความเท็จ" ปะปนมากน้อยเพียงใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับ "ประวัติ" ของเขา ซึ่งจากข้อมูลต่างๆ ที่ออกมาระบุว่าเขามีพ่อ-แม่เป็นคนไทยแท้ เกิดและโตอยู่ในประเทศไทยหาใช่เป็นลูกครึ่งไทยเนปาล เกิดและใช้ชีวิตหลังเขาหิมาลัยเหมือนกับที่เจ้าตัวเคยบันทึกไว้ด้วยวาจาและตัวอักษรแต่อย่างใด

ผมเองก็คงจะเหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่รู้จักชื่อของนาธาน โอร์มาน ในบทบาทของการเป็นนักร้องค่ายอาร์เอสฯ กับเพลงที่ชื่อว่าสิ่งที่เรียกว่าหัวใจ พร้อมด้วยประวัติคร่าวๆ ของเขาที่ว่าเป็นลูกครึ่งไทย-เนปาล หนีออกจากบ้าน รักการท่องเที่ยว ชอบผจญภัย สู้ชีวิต เก่งเรื่องงานศิลปะ รวมถึงเป็นคนหนึ่งที่ตกเป็นข่าวรอดตายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2547 พร้อมกับหนุ่มอ้น(สราวุฒิ)หลังจากที่ทั้งสองไปเที่ยวที่หมู่บ้านมอแกนด้วยกัน

จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีหลายประเด็นทีเดียวครับที่ทั้งคนทำข่าวเอง และทั้งคนเสพข่าวน่าจะนำไปขบคิด

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการทำงานของสื่อๆ ที่ระยะหลังๆ เราจะพบว่ามีคนบางส่วน บางกลุ่มได้เข้ามาใช้พื้นที่บริเวณนี้สร้าง(ผล)ประโยชน์ให้กับตนเอง ทั้งในเรื่องของการจุดประเด็นโจมตีคนอื่น หรือทำให้ตัวเองดูเป็นคนมีมูลค่า-มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งต้องยอมรับว่า ในหลายๆ ครั้งนักข่าวบางส่วนก็พร้อมที่จะตกเป็นเครื่องมือ(โดยมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรซึ่งกันและกัน) ขณะที่บางส่วนเองก็ทำไปเพราะไม่ทันเฉลียวใจ คิดไม่รอบด้าน กลัวตกข่าว อยากได้ประเด็นหวือ ฯ

ฟากทางคนเสพข่าวเองก็อาจจะไม่ทันคิด เพราะรู้สึกว่าความเป็นข่าว(แม้จะข่าวบันเทิง) อย่างน้อยๆ ก็ต้องถูกนักข่าวกลั่นกรองมาแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มิได้จะหมายความว่า จากนี้ไปเราจะต้องจ้องไปจับผิดกับคนทุกคน-ข่าวทุกข่าวนะครับ เพียงแต่ว่าหลังการเสพเนื้อหา-ข้อมูลใดๆ ก็ตาม เราน่าจะหัดตั้งคำถามต่อตัวเองบ้าง เช่น เรื่องนี้มันมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด? น่าเชื่อถือขนาดไหน?, มีใครได้หรือเสียผลประโยชน์?, ตัวตนคนพูดมีพื้นฐาน-นิสัยอย่างไร? ตลอดจนไปที่ว่าเป็นไปได้มั้ยที่เราจะลองไปหาข้อมูลจากที่อื่นๆ มาประกอบการพิจารณา

อย่างเรื่องของหนุ่มนาธาน ผมเองเชื่อโดยส่วนตัวนะครับว่าคนที่ออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเล่นหนังของเขาจากเว็บไซต์พันทิปนั้นมิได้เกิดขึ้นมาจากความมีอคติหรือความอิจฉาริษยาแต่อย่างใด?

เพียงแต่เขา(หรือเธอ)อาจจะสงสัยว่ามันเป็นไปได้เชียวหรือที่ว่าแสดงหนังฟอร์มใหญ่ขนาดนี้แต่กลับไม่มีข่าว ไม่มีข้อมูลรายละเอียดใดๆ ออกมาจากแหล่งอื่นๆ เลย

และต่อให้ท้ายที่สุด หากหนุ่มนาธานได้แสดงหนังดังกล่าวจริงๆ ก็ใช่ว่าคนที่ตั้งข้อสงสัยต่างๆ ขึ้นมาจะต้องหน้าแตก หรือถูกประนามแต่อย่างใดนะครับ ตรงกันข้ามต้องชื่นชมด้วยซ้ำกับการทำหน้าที่ในบทบาทของสื่อมวลชนซึ่งทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวบันเทิงที่มักจะขึ้นต้นประโยคที่ว่า เม้าท์กระจาย ลือกันสนั่น ฯ (ทว่าบางเรื่องกลับมีหลายๆ คนพากันเชื่ออย่างเป็นตุเป็นตะ คิดอย่างเป็นจริงเป็นจัง)

ประเด็นที่สองเกี่ยวกับอดีตต้นสังกัดของหนุ่มนาธาน อย่างอาร์เอส ที่ล่าสุดทางคุณแหม่ม พัชริดา วัฒนา เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายพัฒนาศิลปิน ของอาร์เอสฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่า ณ ปัจจุบันตนยังเชื่อในคำพูดของอดีตลูกศิษย์(ฝึกร้องเพลง)คนนี้อยู่

เรื่องนี้น่าสนใจทีเดียวครับ

เพราะคุณแหม่มเองให้เหตุผลว่าที่ตัดสินใจจะเชื่อเช่นนี้ก็เนื่องจากว่ายังไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะมายืนยันว่าอีกฝ่ายนั้นพูดไม่จริง

เนื่องจากข้อมูลในส่วนที่เป็นเรื่องตรงกันข้าม(อาทิ คำสัมภาษณ์ของยายของหนุ่มนาธานที่บอกว่าหลานตนเป็นไทยแท้ ไม่ได้เป็นลูกครึ่งเนปาล รวมทั้งอื่นๆ นั้นเธอรับทราบในรูปแบบของ "ข่าว" ขณะที่ตัวเธอเองได้พูดคุย ได้เห็นบัตรประชาชน ได้สัมผัสตัวตนของหนุ่มนาธานโดยตรงมาแล้ว

เป็นเรื่องธรรมดาครับ ใครหลายคนก็อาจจะรู้สึกอย่างนี้เช่นเดียวกัน แต่ที่น่าสนใจก็คือความคิดของคุณแหม่มเอง

เพราะในขณะที่เธอเลือกที่จะปฏิเสธที่จะเชื่อข่าว ทว่าเธอกลับชื่นชมกับชีวิตที่โลดโผนของหนุ่มนาธาน จากหนังสือชื่อ "Not A Lonely Planet โลกนี้ไม่เหงาแล้ว" จนต้องเขียนคำนิยมให้(หนึ่งในหลายๆ คนที่เขียนคำนิยมมีคุณสุวัฒน์ เชษฐโชติศักดิ์รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทอาร์เอสฯ อยู่ด้วย)

ทั้งๆ ที่หลายต่อหลายเรื่อง เช่น เขาต้องเดินผ่านป่าหิมพานต์(สถานที่พ่อแม่มาพบรักกัน)ทุกวัน ไปเจอต้นมัคนารีผล ด้วยความเป็นเด็กก็เลยเอาหินขว้างจนมัคนารีผลตกใจร้องเสียงลั่นป่า, ตอนอายุ 12 เคยไปหาพี่สาวซึ่งเป็นนักโบราณคดีอยู่ที่ไคโร ตอนนั้นพี่สาวไปสำรวจพีระมิดอยู่ ช่วงที่ไปรอพี่สาวก็ไปทำงานของพี่สาวเสีย ถูกดุ เลยงอนไปนอนในโลงศพมัมมี่จนโดนงูเห่ากัด, อายุ 14-15 หนีไปกับกองคาราวานเพื่อไปหาพี่สาวที่เมืองจีน ไปเจอโจรทะเลทราย ถูกทิ้งไว้ที่ทะเลทรายกับเพื่อน 2 วันเต็มๆ โชคดีที่ขบวนพระลามะที่กำลังจะไปทิเบตผ่านมาเจอ ฯ

...เหล่านี้จริงหรือไม่จริงไม่รู้ละครับ แต่ถ้าอ่านแล้วไม่อุทานหรือสงสัยเอาเสียเลยว่า เฮ้ย...เรื่องจริงเหรอ ผมก็ว่าบ้าแล้วละครับ

แน่นอนครับว่า ผมเองก็ไม่ทราบหรอกว่าจริงๆ แล้วอาร์เอสฯ เองรู้-เห็น หรือไม่รู้-ไม่เห็นอะไรมากน้อยเพียงใด เพียงแต่ถ้าจะบอกว่าอาร์เอสฯ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาออกความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าอีกฝ่ายนั้นหมดสัญญาไปนานแล้วก็คงจะไม่ได้เสียเลย เพราะอย่าลืมนะครับว่าคนส่วนใหญ่รู้จักชื่อของนาธานได้ทราบประวัติของเขาก็โดยผ่านการเป็นนักร้องสังกัดค่ายอาร์เอสฯ นี้

และก็เป็นอาร์เอสฯ เองมิใช่หรือครับที่สนใจตัวเขาก็เพราะประวัติ(ตามที่คุณแหม่มให้สัมภาษณ์)กระทั่งดึงมาเป็นนักร้อง และก็เอาจุดนี้มาขายไปพร้อมๆ กับตัวผลงานเพลงสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัท

ว่ากันว่าธรรมชาติโดยทั่วไปของมนุษย์นั้นหากรักใครมากๆ แล้ววันหนึ่งความรักนั้นได้ถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นความชังมันย่อมจะเพิ่มทวีความรุนแรงเป็นสองเท่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวแปรที่ว่านั้นมาจากการรู้สึกว่าตนเองเป็นคนโง่ที่ถูกอีกฝ่ายโกหกหลอกลวง

ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าแท้จริงแล้วที่ผ่านๆ มาสิ่งที่นาธาน โอร์มาน พูดนั้นมีความเท็จ-จริงอยู่มากน้อยเพียงใด นอกจากตัวของเขาเอง

เพียงแต่ที่ผมรู้สึกก็คือ การพูดความจริงนั้นง่ายกว่าการพูดโกหกเยอะ

นาธาน เองก็เคยพูดเช่นนี้มาแล้วครับ...


เพลงพูดจริงง่ายกว่า
ศิลปินนาธาน โอร์มาน

เพียงแค่ครั้งเดียว กับหนึ่งคำที่โกหก เธอต้องพูดมาอีก หมื่นคำที่ไม่จริง เธอต้องซ่อนมัน ด้วยการยิ่งทำผิด แต่เธอจะปิดบังได้ถึงไหน

คำที่ไม่จริงมันก็คล้ายเชือกเส้นหนึ่ง เพียงเธอพูดมัน ก็ผูกมัดเธอ เธอยิ่งดิ้นรน ปิดบังก็ยิ่งเจอ อย่าฝืนทำอีกเลย เหนื่อยหรือยัง

*อย่าหลอกกันอีกเลย ถ้าหากเธอรักใคร ถ้าอยากจากฉันไป ก็บอกมาสักที ไม่อยากทนเห็นเธอ เหน็ดเหนื่อย หนักใจยิ่งกว่านี้ บอกความจริง ง่ายกว่าต้องคอยหนี คำเดียวก็เข้าใจ ฉันนั้นเป็นไง เธอเข้าใจและรู้ดี ยอมให้ทุกที เธอลืมไปหรือไง ฉันนั้นรักเธอ อะไรก็ยอมได้ สิ่งไหนเธอสุขใจ จะให้เธอ

กำลังโหลดความคิดเห็น