ความประพฤติสวนทางรางวัลที่ได้รับ แต่ “คุณแม่ปราณี” ช่วยการันตีลูกสาว “ขวัญ” เหมาะสมรางวัลลูกกตัญญู 3 ปีซ้อน แจงได้เพราะทำกิจกรรมช่วยสังคมตั้งแต่เด็ก ปัดทำเพื่อสร้างภาพหวังรางวัล ยัวะโดนเม้าท์ยัดเงินซื้อรางวัลให้ลูก พร้อมโต้เป็นคุณแม่จอมบงการ บอกภูมิใจในสิ่งที่ลูกสาวเป็นอยู่ทุกวันนี้
ถึงจะเป็นนางเอกสาวที่มีข่าวฉาวรายวันตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ในทางตรงกันข้าม “ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์” กลับเป็นนางเอกประจำวิกหมอชิต ที่มีรางวัลและประกาศนียบัตรด้านส่งเสริมพุทธศาสนา และความเป็นลูกกตัญญูมากมาย มาการันตีความประพฤติอีกด้านที่ยากใครสัมผัส
ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และคอยผลักดันชี้นำให้ขวัญเดินบนเส้นทางที่ดี จนได้รับรางวัลต่างๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ “คุณแม่ปราณี พูลเกิด” และเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ “คุณแม่ปราณี” ก็ได้มาเปิดใจถึงวิธีเลี้ยงลูกให้ฟังว่า สอนและเลี้ยงดูขวัญด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นทั้งเพื่อน พี่ พ่อและแม่ และคอยตามติดดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงเมื่อตอนอายุ 3 ขวบ
“เราแม่ลูกจะดูแลกันแบบธรรมชาติ เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ที่คอยให้คำปรึกษา เป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขาเคารพ สิ่งที่เน้นและสอนกับเขาเสมอคือให้เขาพูดความจริง มีอะไรก็แนะนำกันไป เวลาลูกมีอะไรก็จะไม่ปิดเรา อันไหนดีอันไหนไม่ดีเราก็สั่งสอน คุณธรรมจริยธรรมมันต้องมีด้วย”
“น้องเข้ามาทำงานในวงการตั้งแต่อายุ 3 ขวบ แม่ก็เป็นคนดูแลเขามาตลอด อย่างกองละครแม่ก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง เราอาจจะไปอยู่กับเขาครึ่งวัน พอเขาเริ่มเข้าฉากเราก็อาจจะหลบมาทำธุระบ้าง ส่วนเรื่องเรียนแม่ก็ทำตารางคิวการเรียนของน้องให้กับทางกองละคร ให้เขาได้จัดสรรเวลาการถ่ายทำและการเรียนให้เหมาะสมกับน้อง”
“จริงๆ เราก็ไม่ได้ให้ลูกเลือกงานเป็นหลักเลยซะทีเดียว มันจะเป็นช่วงๆ สลับกันไป น้องอาจจะไม่ได้ทำงานเต็มที่ทั้งวัน หรือได้เรียนเต็มที่ทั้งวันเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เขาจะมีเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ มีอาจารย์ที่ช่วยเหลือ เพราะเขารู้ว่าถึงเวลาที่น้องต้องเรียน เขาก็ทำเต็มที่”
การันตีขวัญเหมาะสมได้รับรางวัล “ลูกกตัญญู” จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย 3 ปีซ้อน เนื่องจากเข้าร่วมกิจกรรม และทำประโยชน์เพื่อสังคมมาตั้งแต่เด็ก ปัดเส้นใหญ่ใช้เงินยัดทำให้ลูกได้รางวัล
“แม่จะเป็นคนผลักดันให้ขวัญทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็กๆ แม่จะพาน้องไปทำกิจกรรมต่างๆ ตามห้าง แต่ที่เขามายืนตรงนี้ได้แม่ว่าเป็นเพราะดวงของเขามากกว่า ขวัญมีผู้ใหญ่สนับสนุน เป็นดวงเป็นวาสนาของขวัญ เพราะเขาก็ช่วยเหลือทำประโยชน์เยอะ แม่แค่คอยส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษาให้ลูกได้ทำในสิ่งที่เขารัก เขาชอบ”
“เราเองก็เป็นแค่ชาวบ้านคนนึง แม่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่หรูหราเลิศเลออะไร ที่จะไปผลักดันหรือว่าเอาลูกไปฝากกับใครได้ ผู้ใหญ่เขาก็ขอร้องมาว่า อยากให้น้องไปช่วยงาน เราก็เห็นว่ามันเป็นกิจกรรมที่ดี น่าสนับสนุนส่งเสริมเราก็ยินดี ซึ่งมันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องตั้งแต่ขวัญเขายังเป็นเด็กๆ แล้ว ไม่ใช่ว่ากิจกรรมทุกอย่างเราเพิ่งมาทำกันตอนโตเพื่อสร้างภาพเพื่อที่จะมาได้รับใบประกาศเกียรติบัตร”
“อย่างรางวัลลูกกตัญญู ทางสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ จะมีรางวัลนี้ทุกปี เขาก็จะสืบประวัติแล้วก็ทำข้อมูลเสนอชื่อเข้าวัง แต่ละปีก็จะได้แต่ละหน่วยงานที่ไม่เหมือนกัน แต่ของขวัญที่ได้หลายๆ ปีเพราะว่าทำกิจกรรมมีงานช่วยเหลือสภาสังคมสงเคราะห์ตลอด แต่การที่ขวัญมีกิจกรรมตรงนี้ เขาไม่ได้เล็งเห็นเลยนะว่าจะได้อะไรตอบกลับมา มันไม่เหมือนกับการโชว์ตัว ร้องเพลง ถ่ายรูปเดี๋ยวก็ได้เงินมา แต่อันนี้มันได้ความภาคภูมิใจ”
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการพิจารณาการเห็นสมควรของผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าแม่จะเส้นใหญ่ยัดเงินใต้โต๊ะ ให้เขาเอารางวัลให้ลูกเรา ทำไปมันก็ไม่เกิดความภาคภูมิใจในตัวลูกเราด้วย บางทีก็คิดเหมือนกันนะว่า ทำไมเขาถึงคิดว่าลูกเราเป็นคนไม่ดี ไม่มีความสามารถ”
“แล้วแม่ก็ไม่ได้สนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมแบบนี้ เพื่อต้องการลบภาพเสียๆ เลย ข่าวต่างๆ ของน้องมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก ไม่ใช่ว่าน้องท้องแล้วไปทำแท้ง น้องไม่ได้มีข่าวเสียหายชนิดที่ว่าให้อภัยไม่ได้ หรือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย บางครั้งคนๆนึงมีชีวิตความเป็นคนมันไม่ครบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์หรอก ทุกคนมีจุดด้อยจุดเด่น มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ฉะนั้นเราเลือกมองในด้านที่ดีจะดีกว่า”
ทำใจลูกมีข่าวฉาวเยอะ สอนให้เข้าใจข่าวย่อมมาคู่กับดารา เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นความจริงเอง
“เวลาที่เขาเจอข่าว แม่ก็จะพูดกับเขาเสมอว่า ข่าวกับดารามันเป็นกระแสที่อยู่คู่กันมาตลอด อย่างข่าวไม่ดีเราจะไปห้ามเขาได้ไหมล่ะว่าไม่ให้ลง มันก็จะเป็นการปิดกั้นกัน พอเจอข่าวแบบนี้เราเข้าใจกันนะแม่ลูก คนรอบข้าง คนในครอบครัวเข้าใจกัน แต่ในทางกลับกันวันนึงจู่ๆลูกแม่ไม่มีข่าวเลย เดินไปไหนไม่มีใครเอาไมค์มาจ่อปาก แม่ว่าวันนั้นอาจจะเป็นวันสิ้นสุดของการมีอาชีพเป็นนักแสดงแล้วก็ได้ ก็คิดซะว่ามันเป็นสีสันให้วงการบันเทิงมากกว่า ใครเป็นยังไงเดี๋ยวเวลาก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เขาได้รู้ได้เห็นกันเอง”
“ก็ยอมรับว่าบางทีข่าวก็ค่อนข้างที่จะทำร้ายลูกเรา เหมือนเป็นการตัดทางทำให้ชื่อเสียงลูกเราดร็อปลงได้ แม่ก็คิดว่าเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่อีกด้านนึงแม่มองว่ามีคนให้ความสนใจน้องดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี คนเขาสนใจ แสดงว่าเขายังอยากจะรู้เรื่องของเราอยู่”
บอกเป็นแม่ดาราไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อต้องดูแลเป็นพิเศษ
“การเป็นแม่ดารากับเป็นแม่คนทั่วไปแตกต่างกันนะ อย่างลูกสาวคนโต “ลูกแก้ว” สามารถที่จะไปไหนมาไหนกับใครก็ได้ เพราะไม่มีใครมาสนใจ หรือว่าตามแอบถ่าย แต่ “ลูกขวัญ” เป็นคนที่หลายๆ คนรู้จัก และเด็กกับเยาวชนจะเอาเป็นแบบอย่าง ดังนั้นสิ่งที่เราใช้สอนลูกทั้งสองคนจะแตกต่างกัน แม่ค่อนข้างที่จะเข้มงวดกับขวัญมากกว่า”
“แม่ไม่สามารถไปชี้ให้เขาเห็นได้ว่า อันไหนถูกอันไหนผิด อันนี้ได้อันนั้นไม่ได้ แม่คอยทำหน้าที่ประคับประคองให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ตัวเขาเองต้องรู้ว่าอันไหนควรหรือไม่ควรก่อน อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ อย่างเมื่อก่อนขวัญจะแต่งตัวแรง ใส่รองเท้าแดงไปมหาวิทยาลัย ใส่เสื้อชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อย พอไปคุยกับอาจารย์เขาก็บอกว่ามันเป็นไปตามวัย"
"เด็กมหาวิทยาลัยเอกชนส่วนใหญ่จะแต่งตัวกันอย่างนั้น แต่พอเขาเริ่มโตขึ้นอยู่ปี3 ปี 4 เขาก็เริ่มเบื่อไปเอง เดี๋ยวนี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แม่ก็มองว่ามันเป็นไปตามวัยของเขา เราจะมานั่งกดดันเขาให้อยู่ในแบบอย่างที่พอดี เราก็คงจะได้ลูกที่ไม่สมบูรณ์”
โต้เป็นแม่จอมบงการ รับช่วยสกรีนเพื่อนที่เข้าหา โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชาย
“แม่เป็นคนที่พูดอะไรตรงๆ ซึ่งบางทีสังคมยังไม่ค่อยเข้าใจ และรับไม่ได้ในเรื่องตรงนี้ มันกลับกลายเป็นว่าเราเป็นคนที่แรง และพูดตรงเกินไป บางคนอาจคิดว่าแม่ดุนะ แต่แม่ไม่ใช่แม่แบบนั้นเลย บางทีขวัญก็เล่นจนลาม เราก็บอกเฮ้ย.......นี่แม่มึงนะ เราจะคุยกันแบบนี้ เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นที่ปรึกษา เราก็เลยจะได้ความจริงจากลูก แม่ไม่เคยเข้าข้างลูกตัวเองเลย มีปัญหาอะไรมาแม่จะว่าลูกเราก่อน ไม่ได้สืบถามว่ามันจะจริงหรือไม่จริง จนบางครั้งขวัญเองก็เสียใจ แต่พอได้ถามคนรอบข้างเขา มันไม่ใช่ก็แล้วไป”
“เรื่องเพื่อนขวัญก็สำคัญ เพื่อนที่เข้ามาใกล้ชิดลูก แม่จะคอยดูอยู่ห่างๆ ยอมรับว่าเพื่อนที่เข้ามาสนิทบางคนเห็นว่าลูกเราเป็นดาราก็มี แต่มีอีกส่วนที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพื่อนขวัญก็จะสนิทกับแม่ด้วย เขาจะโทรคุยกับแม่เหมือนเราเป็นเพื่อนเขาไปด้วย”
“อย่างเพื่อนในวงการเขาก็พอมี แต่ถ้าคนไหนชวนไปเที่ยว ดูหนังฟังเพลงตอนกลางคืน แม่ก็ไม่สนับสนุน แต่มีนะตอนช่วงแรกๆ มีเพื่อนคนนึงมาชวนน้อง ให้ไปเป็นเพื่อนเขาหน่อย เขาจะไปหาแฟน แล้วน้องก็มาถามแม่ แม่ก็บอกว่าไม่ต้องไปยุ่ง เวลาไปเดินเป็นผู้หญิงสองคนกับผู้ชายคนนึง คนอื่นข้างนอกจะมองและคิดยังไง เดี๋ยวใครมาหาว่าลูกเราเป็นผู้หญิงไปหาผู้ชายถึงที่ เราก็จะสอนเขาให้รู้จักละอาย รู้จักกระดาก ถ้ามีเพื่อนแล้วเพื่อนพาไปแบบนี้ แม่ก็ว่ามันไม่เหมาะสม”
“ส่วนเรื่องเพื่อนผู้ชายแม่เข้าใจนะว่า ธรรมชาติของผู้หญิงก็ต้องมีเพื่อนเป็นผู้ชาย แต่ลูกเราไม่ว่าเขาจะคบใครกี่คน หรือเสียใจผิดหวังกี่ครั้ง เราจะรู้หมด เขาจะมาคุยให้แม่ฟัง เราก็บอกว่าจะคบใครต้องใช้เวลา อย่าเทใจให้เขาหมด หรือเจอคนนี้ปุ๊บต้องคิดว่าเป็นเนื้อคู่เรา แม่ก็เล่าว่ากว่าจะมาเจอพ่อ เมื่อก่อนแม่มีแฟนเยอะจนจำชื่อไม่ได้ ดังนั้นถึงเวลาจะมีมันก็มีของมันเอง อย่าไปคาดหวังอะไรมาก ถ้าเข้ามาตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันไปก่อน”
ภูมิใจที่ลูกสาวเป็นได้อย่างทุกวันนี้ ยึดคำพูดของ “ป้าจุ๊” พูดฝากฝังลูกกับผู้ใหญ่ในวงการ
“ทุกวันนี้แม่ภูมิใจที่เขาเป็นมาได้ถึงทุกวันนี้ แม่เข้าใจนะว่าข่าวดีไม่มีใครอยากอ่าน มันก็เลยต้องทำใจ ทุกวันนี้เขามายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้แม่ก็ถือว่าเขาทำบุญมาดีที่สุดแล้ว ถ้าสังเกตแม่จะมีคำพูดที่ฮิตติดปาก เพราะจำมาจากป้าจุ๊ (จุรี โอศิริ) คือไม่ว่าพี่ตู่ (นพพล โกมารชุน) โตขนาดไหน เขาก็ยังจะพูดกับผู้ใหญ่ตลอดว่าฝากลูกด้วยนะคะ เราได้ยินคำนี้รู้สึกเลยว่ามันอบอุ่น มันภูมิใจ ไปไหนทุกวันนี้แม่ก็ยังขอยืมคำพูดป้าจุ๊มาใช้ พูดกับผู้หลักผู้ใหญ่เสมอว่าฝากลูกขวัญด้วยนะคะ”
รางวัลต่างๆ ที่ "ขวัญ อุษามณี" เคยได้รับ
ปี 2549 -รางวัลลูกกตัญญู จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย
-รางวัลแม่ลูกผูกพัน จาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ปี2550 -ศิลปินผู้ทรงคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ปี2551 -รางวัลลูกดีเด่น
-รางวัลศิลปินคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ปี 2552 -ศิลปินคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา
-ทูตประชาสัมพันธ์วันวิสาขบูชา
-ทูตวัฒนธรรมโครงการวิวาห์ไทย-จีน
-รางวัลลูกกตัญญูการกุศล