แหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจลอส แองเจลิสเผยข้อมูลการเข้าไปค้นที่บ้านพักหลังเสียชีวิตของ "ไมเคิล แจ็กสัน" พบสภาพห้องที่แปลกประหลาดและถังอ็อกซิเจนอยู่ทั่วบ้าน ขณะที่แหล่งข่าววงในคาดหมอเผลอหลับตอนให้ยาจนตาย แฉพิรุธไม่พบอุปกรณ์ป้องกันจากการให้ยาสุดอันตรายในที่เกิดเหตุ
สำนักข่าวเอพีเผยว่า แหล่งข่าวที่อยู่ในสำนักงานตำรวจของลอส แองเจลิส(LAPD) ผู้ไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองเนื่องจากคดีกำลังอยู่ในขั้นสอบสวน ได้เปิดเผยข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้รับหลังจากเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านเช่าของ ไมเคิล แจ็กสัน หลังจากที่เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับความเชื่อที่ว่า ดร.คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวของไมเคิลเป็นผู้ที่ฉีดยาสลบขั้นรุนแรงอย่าง โปรโปฟอล ให้กับเขา ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้หัวใจของนักร้องดังหยุดเต้น
แหล่งข่าวเผยว่าภายในห้องนอนของไมเคิล พบแท็งอ็อกซิเจนหลายแท็งวางอยู่ พร้อมกับเสาแขวนน้ำเกลือ(IV)ที่ใช้สำหรับฉีดยาเข้าเส้นให้กับไมเคิลอยู่ข้างเตียง ขณะที่ยังพบแท็งอ็อกซิเจนอีกมากกว่า 15 แท็งอยู่ที่ห้องนิรภัย
ขณะที่ห้องนอนอื่นๆ บนชั้นบนจะรกไปด้วยเสื้อผ้าและข้าวของอื่นๆ เต็มพื้น โดยพบกระดาษโน้ตที่มีข้อความที่เขียนด้วยลายมือ 20 แผ่นติดไว้บนผนังมากมาย ซึ่งแผ่นหนึ่งเขียนว่า "เด็กๆ แสนน่ารักและไร้เดียงสา" (children are sweet and innocent) ขณะที่หัวเตียงของเขามีตุ๊กตากระเบื้องเด็กหญิงประดับอยู่ด้วย
เจ้าหน้าที่รายงานว่าภายในชั้นบนของบ้านจะร้อนมาก เพราะมีทั้งเตาผิงที่ทำงานด้วยแก๊สในหลายห้อง พร้อมทั้งระบบทำความร้อน เนื่องจากไมเคิลจะบ่นอยู่เสมอว่าเขาหนาว และชั้นบนจะมีเพียงไมเคิล, ลูกๆ ทั้ง 3 และแพทย์ส่วนตัวเท่านั้นอนุญาตให้ขึ้นไป โดยคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปทำความสะอาดแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ที่ทำการสอบสวนเบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างปริศนาครั้งนี้เผยว่า ไมเคิลตั้งใจใช้ยาโปรโปฟอลเพื่อจะได้นอนหลับ และพึ่งพิงยานั้นเหมือนกับนาฬิกาปลุกเลยทีเดียว หมอจะเข้ามาฉีดยาผ่านสายให้เขาตอนที่เข้านอน และหยุดการให้ยาเมื่อไหร่ที่เขาต้องการจะตื่น ซึ่งในคืนก่อนวันที่ 25 มิ.ย. ดร.คอนราดเผยว่าเขาฉีดยาโปรโปฟอลผ่านสายให้กับไมเคิลช่วงหลังเที่ยงคืนไปแล้ว
แม้ผลพิษวิทยาต้องเลื่อนออกไปอีก แต่ทีมสืบสวนเชื่อว่าโปรโปฟอลเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้หัวใจไมเคิลหยุดเต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าไมเคิลใช้ยามรณะนี้มาได้สองปีแล้ว และกำลังสอบสวนอยู่ว่ามีแพทย์อีกกี่คนที่มีส่วนในการจ่ายยาชนิดนี้ให้กับไมเคิล
ดร.คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวไมเคิล วัย 51 เพิ่งจะถูกหมายศาลในคดีสอบสวนข้อหาการฆ่าคนโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน และถูกทางเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจค้นภายในคลีนิกของเขาที่ฮูสตันเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยว่าดร.คอนราด ให้ความร่วมมืออย่างดี และยังไม่เปลี่ยนสถานะเขาเป็นผู้ต้องหาในเวลานี้
อย่างไรก็ดี การใช้ยาสลบที่รุนแรงอย่างโปรโปฟอลเพื่อใช้เป็นยานอนหลับนั้นห่างไกลจากจุดประสงค์ของการใช้ยานี้อย่างมาก ดร.ซีฟ เคน หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยาของมหาวิทยาลัย University of California เผยว่าตัวเองไม่เคยได้ยินมาก่อนกับการที่แพทย์ใช้ยานี้ในบ้านพัก เพื่อให้คนไข้นอนหลับ และเห็นว่ามันเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณ
ดร.คอนราด เพิ่งจะมาเป็นแพทย์ประจำตัวของไมเคิลเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และพักอยู่ที่บ้านกับไมเคิลด้วย ซึ่งทนายส่วนตัวของเขาเผยว่าดร.คอนราดเป็นผู้พบไมเคิลนอนหมดสติบนเตียงเมื่อเช้าของวันที่ 25 มิ.ย. และเป็นผู้ทำการกู้ชีพด้วยการใช้มือหนึ่งกดที่หน้าอกของไมเคิล ขณะที่มืออีกข้างพยุงหลังของไมเคิลเอาไว้
แม้จะไม่ชัดเจนว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ก่อนที่ทีมกู้ชีพจากโรงพยาบาลจะมาถึงที่เกิดเหตุ แต่ทนายของดร.คอนราดเผยว่าใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง ขณะที่ทีมกู้ชีพเผยว่าเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุในเวลา 3 นาทีหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์มาแจ้งเหตุ และใช้เวลากู้ชีพในที่เกิดเหตุเป็นเวลา 42 นาที ก่อนที่จะนำร่างของไมเคิลขึ้นรถไปยังโรงพยาบาล UCLA Medical Center สถานที่ที่ยืนยันการเสียชีวิตของเขาอย่างเป็นทางการ
โปรโปฟอลมีฤทธิ์ทำให้การหายใจช้าลง ทำให้อัตราการเต้นหัวใจลดลง และความดันเลือดต่ำลง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ผู้ที่นำโปรโปฟอลมาใช้จะต้องได้รับการฝึกฝนมาเฉพาะทางเท่านั้น วิธีการใช้ยาอย่างถูกวิธี ผู้ป่วยที่รับยาจะต้องได้รับเฝ้าดูอาการอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการเตรียมอุปกรณ์เพื่อช่วยในหายใจในกรณีฉุกเฉิน
เชอริลิน ลี นางพยาบาลผู้ให้คำปรึกษาเรื่องโภชนาการและวิตามินให้กับไมเคิลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เผยว่านักร้องดังเคยมาบ่นกับเธอเรื่องการนอนไม่หลับ และรบเร้าที่จะเอายา Diprivan ซึ่งเป็นยี่ห้อของยาโปรโปฟอลกับเธอ ซึ่งเธอได้เตือนเขาถึงอันตรายของยาตัวนี้และปฎิเสธคำขอของเขาไป
ขณะที่ทางรายงานของ TMZ เว็บไซต์ที่ตามติดข่าวการเสียชีวิตอย่างปริศนาของไมเคิลมาตลอด ออกมาย้ำรายงานครั้งนี้ หลังจากได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในทีมสืบสวนว่า ทางดร.คอนราด เมอร์เรย์ ออกมายอมรับเองตั้งแต่การเรียกไปสอบสวน 2 วันหลังการเสียชีวิตของไมเคิลว่า เขาเป็นผู้ฉีดยาโปรโปฟอลให้กับไมเคิลด้วยตัวเขาเองก่อนที่ไมเคิลจะเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งทางแหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นความสะเพร่าของตัวดร.คอนราดเองที่เป็นเหตุให้หัวใจไมเคิลหยุดเต้น
ทางแหล่งข่าวของเจ้าหน้าเชื่อว่าดร.คอนราดเกิดผลอยหลับไปตอนที่ยากำลังออกฤทธิ์ จนตอนที่เขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าไมเคิลเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายไปเสียแล้ว
การให้ยาโดยสายผ่านเสา IV ตัวยาจะเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ตามระยะเวลาที่ผู้ที่จ่ายยาเป็นผู้กำหนด
ในวงการแพทย์ ถือเป็นเรื่องสะเพร่าอย่างร้ายแรง สำหรับแพทย์ที่จ่ายยาที่ร้ายแรงอย่างโปรโปฟอลด้วยเสา IV โดยที่คนไข้ไม่ได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจโดยเครื่อง EKG ซึ่งเป็นเครื่องที่จะส่งสัญญาณเตือนทันทีที่ชีพจรของคนไข้ลดต่ำลง ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวไม่พบในที่เกิดเหตุ
อีกเครื่องมือที่จำเป็นในกิจกรรมเช่นนี้คือเครื่องมือที่เรียกว่า Pulse oximeter ซึ่งเป็นเครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด ในกรณีที่คนไข้มีลมหายใจแผ่วจนเข้าขั้นวิกฤต จะมีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวก็ไม่พบในที่เกิดเหตุเช่นกัน