“หุ้นส่วนร้าน” ลากไส้ ! “นาธาน” แหกตาหลายดอก ไม่ได้ถ่ายหนังฮอลีวูด โกงเงินร้าน ไม่ยอมเอาเงินไปจ่ายค่าเช่า เบิกเงินไปซื้อเต้นท์แต่กลับเอาเงินไปจ่ายให้เจ้าหนี้ตัวเอง ซ้ำยังจัดทัวร์เอาเงินลูกค้า แต่พอยกเลิกก็ไม่ยอมคืนเงิน พอจับได้ก็ไม่ยอมมาเคลียร์อ้างไม่ว่างจะไปอัดรายการที่นี่หมอชิต ทั้งที่ไม่เคยไปถ่ายรายการดังกล่าว แฉมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบปลอมตัวปลอมเสียงหลอกคนอื่นฯลฯ
ทำเอาช็อกวงการเลยทีเดียวสำหรับ “นาธาน โอมาน” หลังจากที่เคยให้สัมภาษณ์กับบันเทิงผู้จัดการเมื่อปีที่แล้วว่ากำลังจะโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลีวูด โดยได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะเดินทางไปถ่ายทำตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 และเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา จู่ๆ เจ้าตัวก็ติดต่อเข้ามาหาทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการว่า ขณะนี้อยู่ประเทศมาเลเซียและจะกลับมาเมืองไทยวันที่ 14 เนื่องจากกลับมาพักกอง 3 เดือน หลังจากที่ได้เดินทางไปถ่ายหนัง THE PRINCE OF RED SHOE ที่ต่างประเทศกับค่าย ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ เป็นเวลา 6 เดือน
จากนั้นทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการจึงได้ทำการสัมภาษณ์นาธานถึงการถ่ายหนังเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมทันที แต่หลังจากที่ข่าวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปปรากฏว่า มีการเปิดโปงว่าไม่มีการถ่ายหนังเรื่อง THE PRINCE OF RED SHOE และในเรื่องนี้ไม่มีรายชื่อในค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ เท่านั้นไม่พอยังมีคนออกมาแฉนาธานได้โกงเงินหุ้นส่วนร้านอาหาร และเป็นหนี้สินอีกมากมาย
ต่อมา “เจเจ จามจุรี จูลี่ แคสเชอร์” ดีเจคลื่น EASY FM 105.5 เวอร์จิ้นเรดิโอ หุ้นส่วนร้าน JAMAREE YAK CAFÉ GALLERY เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนาธานในข้อหาฉ้อโกงเงินร้านดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กรกฏาคมที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ได้เดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.หัวหมาก ทีมข่าวบันเทิงจึงได้ตามไปสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว และได้ตามไปสัมภาษณ์อย่างละเอียดที่ร้าน จึงทำให้ทราบว่า นาธานแหกตาหลายดอก จึงได้รวบรวมข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
“เริ่มรู้จักกับนาธานครั้งแรกเมื่อตอนที่ไปเที่ยวเนปาลด้วยกันเมื่อปี 2005 เจเจมีเพื่อนทำงานอยู่ที่บริษัทอาร์เอสโปรโมชั่น แล้วเขาจัดทริปไปเนปาลกันก็เลยร่วมแจมไปด้วย พอกลับมาก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราวนัดกินข้าวแล้วก็หายไป ในช่วงที่เขาหายไปจะติดต่อเขาไม่ได้ไม่รู้ว่าหายไปไหน เขาจะมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมจะติดต่อกลับมาเอง เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา”
“ล่าสุดเขาก็ติดต่อกลับมาและได้คุยกันเรื่องโปรเจ็กต์ร้านกาแฟในช่วงต้นปี หลังจากเริ่มคุยโปรเจ็กต์กันก็เงียบกันไปพักหนึ่ง นาธานก็โทรมาบอกว่าเริ่มทำร้านกันเลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวไม่อยู่ต้องไปถ่ายหนัง เราเริ่มทำร้านกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์พอประมาณเดือนมีนาคมทุกคนพร้อมลุยมานั่งดูว่าต้องลงทุนคนละเท่าไหร่ ซึ่งร้านนี้จะมีหุ้นอยู่ 5 หุ้นรวมนาธานด้วย โดยลงเงินคนละ 1 แสน ”
“จากนั้นก็ตะเวนหาร้านจนกระทั่งมาเจอบ้านหลังนี้ก็มาทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 18 มีนาคม โดยที่เจเจเป็นผู้ทำสัญญาเช่า แต่นาธานจะเป็นคนติดต่อเจ้าของบ้านโดยตรง และเราก็พึ่งมาค้นพบว่าสี่เดือนที่แล้วก่อนทำสัญญาเขาทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราเจอกับเจ้าของบ้านด้วยการบอกเจ้าของบ้านว่าเจเจยุ่งมากไม่สามารถมาเจอได้ ส่วนเจ้าของบ้านก็ยุ่งมากไม่สามารถมาเจอเจเจได้ให้เอาเอกสารมาก่อน แล้วจะโอนเงินค่าประกันบ้านตามมาให้ทีหลัง ซึ่งในตอนนั้นได้จ่ายเงินประกันบ้านให้นาธานไปหมดแล้ว แต่เขาอาจจะเอาไปให้ครบหรือไม่ครบไม่รู้ส่วนทางเจ้าของบ้านบอกว่าเอกสารไม่เคลียร์”
ดอกที่ 1 บอกจะเอาเงินไปซื้อเต้นท์ แต่กลับเอาไปจ่ายให้เจ้าหนี้
“มาถึงเดือนเมษายนเขาอาสาที่จะติดต่อซื้อเต็นท์ทิเบตให้ เพราะรู้จักกับคนขายเดี๋ยวจะต่อรองราคาให้เราก็โอนเงินกองกลางของร้านให้คนๆ หนึ่งซึ่งเราจด ชื่อ-นามสกุล และมีใบโอนเป็นหลักฐานเรียบร้อยเป็นจำนวนเงิน 60,000 บาทเพื่อซื้อเต็นท์ แต่เดือนเมษายนพฤษภาคมผ่านไปก็ยังไม่มีเต็นท์มาส่งที่ร้าน ถามไปว่าเต็นท์อยู่ไหนก็บอกว่าอยู่คาร์โก้ แต่ยังเอาออกมาไม่ได้ เราก็โอเครอกันไป พอเดือนมิถุนายนก็ถามอีกว่าเต็นท์อยู่ไหนก็ไม่พบไม่เห็นอันนี้คือเรื่องที่หนึ่งเรื่องเต็นท์”
“จนกระทั่งไม่กี่วันมานี้เราไปค้นพบหลักฐานในการโอนเงิน 60,000 บาทค่าเต็นท์ที่นาธานบอกให้โอนให้ไปตั้งแต่ประมาณปลายเดือนเมษายน เราไปเจอเจ้าของบัญชีแล้วก็ชื่อเบอร์โทรเลยถามเขาว่า เราได้โอนเงินหกหมื่นบาทให้เขาในวันที่นี้ๆ เงินก้อนนั้นเป็นค่าอะไร พี่คนนี้บอกว่าเงินนี้เป็นเงินที่ นาธาน โอมาน โอนมาคืนให้ เพราะว่าติดหนี้เขาอยู่ เนื่องจากว่าพี่ไปมัดจำจะไปทัวร์ที่ฝรั่งเศสกับนาธานแล้วไม่ได้ไป ซึ่งเป็นเงินหลายแสนบาท นี่เป็นส่วนน้อยที่นาธานคืนให้ ซึ่งเขาเองมาบอกให้เราโอนเงินเข้าบัญชีพี่คนนี้เพราะเป็นคนซื้อเต็นท์ แต่ค้นพบว่าจริงๆ เป็นเจ้าหนี้นาธานอีกคนที่เขาไปหลอกมัดจำทัวร์เขาแล้วก็ไม่มีทัวร์นั้นจริงๆ”
ดอกที่ 2 มาเอาเงินไปจ่ายค่าร้านล่วงหน้า 3 เดือน แต่ก็ไม่เอาไปจ่ายเจ้าของบ้าน
“เรื่องที่สองตอนต้นเดือนพฤษภาคม นาธานบอกว่าเจ้าของบ้านจะไปเมืองนอก ขอเงินค่าเช่าล่วงหน้าสามเดือนก่อนได้ไหมพี่เจ้าของบ้านบอกมาเป็นจำนวนเงินอีก 60,000 บาท ในตอนแรกเจเจ บอกว่าเดี๋ยวโอนเข้าแบงค์สู่แบงค์ทีเดียวจะได้ไม่ยุ่งยากเขาเองก็บอกว่าดีๆ แต่พอถึงเวลาเราทวงเลขบัญชีก็บอกว่ายังไม่ได้จนเช้าวันหนึ่งเขาบอกน้องเกดที่เป็นหุ้นส่วนร้านอีกคนให้ไปเบิกเงินสดมาให้ก่อนรวมเป็นหกหมื่นในตอนนั้นเราเองไม่ได้ถามหาสลิป เพราะเห็นเป็นเงินกันเอง”
“ต่อมาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมเจ้าของบ้านโทรมาหาเจเจถามว่าร้านขายไม่ดีเหรอคะ ทำไมพี่ไม่ได้ค่าเช่าบ้านเลย เขาบอกว่าเขามาหาที่หน้าบ้านเช้ามากร้านยังปิดอยู่ไม่รู้จะติดต่อใครก็เลยต้องไปติดต่อไปที่ทำงานของเจเจเพื่อขอเบอร์เจเจจะได้คุยกับเจเจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เจเจได้ให้เบอร์มือถือของเจเจกับนาธานเพื่อไปให้เจ้าบ้านแล้ว”
“เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่าติดต่อไปหานาธานไปหลายครั้งไม่เคยรับสาย และบอกว่ามีเงินโอนมาให้11,000 บาท แล้วก็มีโอนมา1,000 บาท สองครั้ง 4,000บาทสามครั้ง เขาก็งงมากคือเงินอะไรนึกว่าเป็นเงินทำบุญเพื่อนให้มา เพราะมันไม่ได้มีเป็นก้อนชัดเจนว่าจ่ายค่าเช่าบ้าน ตอนนั้นพอฟังพี่เขาบอกว่าไม่เคยได้ค่าเช่าบ้านเลยตกใจรีบโทรศัพท์หาเพื่อนๆ”
“เท่านั้นยังไม่พอนาธานยังบอกพี่เจ้าของบ้านในระหว่างที่เขาติดต่อคุยกันว่า พ่อเขาอยู่โอมานเป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวอยู่ที่โอมานชวนเจ้าของบ้านกำลังจะทำธุรกิจสปากับนาธาน เขาก็บอกให้พี่เจ้าของบ้านอีเมลล์ไปหาพ่อเขาที่โอมานนี่คือเจ้าของบ้านเล่าให้ฟังนะ ซึ่งพี่เจ้าของบ้านบอกว่าได้ส่งอีเมลล์ติดต่อกับพ่อนาธานที่โอมานมาสี่ห้าฉบับแล้วกำลังจะมีการทำธุรกิจกัน แต่ยังไม่ได้ทำเพราะเรื่องมันมาชัดเจนก่อน”
ดอกที่ 3 ปลอมตัวบอกนักข่าวว่าเป็น “อรัญ” น้องชาย “นาธาน”
“ที่ผ่านมาเขาอยู่เมืองไทยตลอด(แต่นาธานให้สัมภาษณ์ว่าไปถ่ายหนังตั้งแต่ต้นปีพึ่งกลับมาเดือนกรกฎาคม) ตั้งแต่เดือนมกราคมก็ไม่เห็นเขาไปไหนมาอยู่ที่ร้านทำร้านกันตลอดเรายังจัดปาร์ตี้วันเกิดให้เขาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมอยู่เลย คุณโก้ ธีรศักดิ์(ธีรศักดิ์ พันธุจริยา) กับ ฮาน่า(ทัศนาวลัย องอาจสิทธิชัย) ก็มาถ่ายรายการที่ร้านนี้ หนังสือหลายๆ เล่มก็มาถ่ายคอลัมน์ ตอนนั้นเราพยายามโปรโมตทุกอย่างเพื่อที่จะให้ร้านติดตลาดใครอยากที่จะสัมภาษณ์นาธานเราก็ออฟเฟอร์ให้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร”
“แต่เขาเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ตอนที่หนังสือเนชั่นจูเนียร์มาสัมภาษณ์ หลังจากเจเจจัดรายการเสร็จก็รีบมาเพื่อที่จะช่วยทำโรตีให้หนังสือถ่าย จู่ๆ นาธานก็รีบเดินมาบอกว่า นาธานไม่อยู่นะนี่คืออรัญน้องชายนาธาน ให้เจเจโกหกว่าเขาคืออรัญ แล้ววันนั้นอรัญก็เดินว่อนอยู่ในร้านใส่หมวกใส่แว่น ซึ่งก็คือตัวนาธานนั่นล่ะ “
“พี่ๆ นักข่าวที่มาเขาก็รู้อยู่แก่ใจ เราเองก็พูดไม่ออกมันจุกปากเราก็รีบทำโรตีไปเรื่อยๆ พี่นักข่าวก็พยายามถามเรื่องนาธานเราก็ต้องดึงกลับมาเรื่องโรตี จนกระทั่งเขาคงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนต่างคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เราเองก็แปลกใจว่าทำไมนาธานต้องทำแบบนั้น ถามเหตุผลเขาก็บอกว่า บอกนักข่าวอีกเล่มไปว่าจะไม่อยู่เมืองไทยแล้วต้องไปถ่ายหนังอยู่เมืองนอก แต่พอมีอีกเล่มมาถ่ายคอลัมน์เขาเลยต้องกลายเป็นอรัญหรืออาจจะมีเหตุผลอื่นก็ไม่ทราบ”
“จากวันนั้นมาก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 8 มิถุนายน เขามาบอกว่าจะต้องไปถ่ายหนังจริงๆ แล้ว หลังจากวันที่ 8 มิถุนายนก็จะมีแม่บ้านชื่อ เต็ม สมาน สุขเสริม นาธานบอกว่าเป็นเหมือนแม่เลี้ยงที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ มาอยู่กับเราด้วยตลอดตั้งแต่เริ่มเปิดร้านเป็นคนดูแลบ้านทำกับข้าว ในช่วงที่นาธานไม่อยู่พี่เต็มจะทำทุกอย่างแทนให้”
“คือนาธานเขาจะอยู่ที่ร้านตลอด เขามีหน้าที่ดูแลร้าน พอปิดบิลตอนกลางคืนเขาก็จะนำเงินไปเข้าบัญชีในตอนเช้า ซึ่งบัญชีนั้นจะเป็นบัญชีเงินหมุนเวียนของร้านโดยใช้บัญชีของนาธาน เพราะว่าเขาเป็นคนเดียวที่ไม่มีงานประจำและเป็นคนเดียวที่อยู่ร้านเป็นประจำนอนที่นี่ ทุกคนมีงานประจำมีเงินเดือนเราไม่อยากให้มันไปทบกับฐานภาษีจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องภาษีบุคคลธรรมดา เราไม่ได้จดเป็นบริษัทหรือห้างร้านก็เป็นการตกลงกันแบบไว้ใจตกลงแบบเพื่อนฝูงพี่น้อง”
“ส่วนเรื่องบัญชีเราตกลงกันว่าจะไม่มีเอทีเอ็มสมมุติว่าได้ร้อยเปอร์เซ็นต์จากที่ขายในวันนี้ เราจะหยิบไปสักยี่สิบเปอร์เซ็นต์เพื่อไปซื้อกับข้าวหรือวัตถุดิบมาขายในวันต่อไป ที่เหลือก็เอาเข้าบัญชีไว้เป็นเงินหมุนของร้าน”
ความแตกเพราะไม่ยอมให้หุ้นส่วนดูสมุดบัญชี
“เรื่องมันมาชัดเจนตอนที่นาธานเดินทางไปต่างประเทศวันที่ 8 มิถุนายน เขาให้สมุดบัญชีร้านกับพี่เต็มแม่เลี้ยงเอาไว้ และเขาก็เป็นคนเอาเงินไปเข้าบัญชีแทน เราก็บอกให้เอาสมุดบัญชีมาให้ดูเงินเหลือเท่าไหร่เดือนนี้จะมีค่าเช่าบ้านหรือยัง ตอนนั้นก็ยังเห็นสมุดบัญชีอยู่นะ พอผ่านไปสักพักหนึ่งกลับไปถามหาสมุดบัญชีกับพี่เต็มอีกครั้งเขาบอกว่าติดไปกับนาธาน ทุกคนก็มาประชุมกันว่าทำไมมีการพูดโกหกกันอย่างนี้”
“จากนั้นจู่ๆ ก็มีคนๆ หนึ่งมาที่ร้านมาเอาของไปให้นาธาน เราก็ถามว่าจะเอาไปให้ที่ไหนเดี๋ยวจะจัดการเมลล์ไปให้ เขาก็บอกว่าจะบินตามไปให้ แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เราเริ่มสงสัยว่าเขาไปเมืองนอกจริงหรือเปล่า คือมีคนเอาของมาทิ้งไว้หน้าบ้านเป็นแก้วกาแฟ พักหนึ่งนาธานก็โทรเข้ามาบอกมีคนเอาแก้วมาฝากหน้าบ้าน ให้ออกมาเอาเดี๋ยวหาย เราก็เริ่มรู้สึกทำไมเขารู้เร็วจัง คือ ณ ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาไปเมืองนอก แต่เบอร์ที่เขาโทรมาเป็นเบอร์ที่เขาใช้ปกติในเมืองไทย มันก็ขึ้นเลขปกติเหมือนที่เราใช้ในเมืองไทย”
ดอกที่ 4 บอกทีมข่าวผู้จัดการรายวันว่า โทรมาจากมาเลเซียบอกจะกลับเมืองไทยวันที่ 13 และได้นัดให้สัมภาษณ์วันที่ 14 แต่ “เจเจ” ยืนยันว่า นาธานกลับวันที่ 14 จริงแต่กลับมาจากมัตกัส
“นาธานเขาบอกเราว่าไปเมืองนอกตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน กลับมาอีกทีวันที่ 13 กรกรฎาคม แต่พี่เต็มเคยชวนให้เราไปที่คอนโดนาธานและฟลุคไปเจอรถเขาจอดอยู่ที่คอนโดเครื่องยังร้อนเหมือนมีคนพึ่งเอาไปใช้ แต่ก็อาจจะเป็นคนอื่นเอาไปใช้ก็ได้ ไปเคาะประตูห้องเหมือนมีคนอยู่ในห้องแต่ไม่เปิดประตู”
“แล้วจู่ๆ เขาก็โทรมาหาเจเจว่าไม่ต้องสืบเลยนะว่าไปไหนทำอะไร โทรมาติหาว่าเราไปหาเขาที่คอนโดก็เลยถามกลับไปว่ารู้ได้ยังไงว่าไปหาที่คอนโดและดูรถ แต่ก็คิดว่าพี่เต็มอาจจะบอกเขาก็ได้ ต่อมานาธานวันที่ 13 กรกฎาคมเขาก็โทรมาบอกให้ไปรับด้วย สักพักโทรมาบอกว่าไม่ต้องไปรับแล้ว เราเช็คไปที่สายการบินก็มีชื่อเขาจริงมัสกัต-กรุงเทพเขากลับมาวันที่ 13 กรกฎาคม(แต่กลับบอกทีมข่าวผู้จัดการว่าจะกลับมาจากมาเลเซีย) พอเขากลับมาเราพยามติดต่อให้เข้ามาคุย แต่นาธานบ่ายเบี่ยงว่าเหนื่อยเอาไว้เจอกันอีกทีวันอังคารแล้วกัน”
ดอกที่ 5 บอกว่าจะไปถ่ายรายการ “ที่นี่หมอชิต” ทางบันเทิงผู้จัดการได้เชคไปที่รายการ กลับได้รับการปฏิเสธว่า ไม่เคยบันทึกเทป “นาธาน” แต่อย่างใด
“พอวันอังคารที่ 14 กรกฎาคม โทรศัพท์ไปตามให้มาคุยกันที่ร้านก็บอกว่ายุ่งมากต้องไปให้สัมภาษณ์หลายที่เราบอกว่าไม่เป็นไรจะรอ เพราะต้องคุยกันแล้วนะเริ่มมีปัญหาต้องกลับมาคุยกันให้เคลียร์เขาก็บอกว่าได้ๆ ค่ะเดี๋ยวกลับมา และกลับเข้ามาที่ร้านประมาณเที่ยงคืน มาถึงคุยไม่เกินสิบนาทีเอารูปมาโชว์ว่าไปถ่ายหนังมาจริงๆ มาดูๆ ซึ่งเป็นรูปเดียวกับที่เห็นในข่าวของผู้จัดการ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปบอกว่าพี่ดู๋ สัญญารอถ่ายรายการอยู่ ที่นี่หมอชิต ต้องรีบไปถ่ายต่อยังไม่เสร็จ เราก็บอกว่ารู้เรื่องหมดแล้วทำไมถึงทำแบบนี้เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเคลียร์ให้มีสลิปต์ทุกใบยืนยัน”
ดอกที่ 6 บอกว่าไปเมืองนอก แต่กลับมีการถอนเงินบัญชีของร้านในเมืองไทย
“คือพอนาธานกลับมาเราเอาสมุดบัญชีไปอัพบุ๊คบัญชีเดินตลอด คือเขาบอกว่าเขาไปเมืองนอกวันที่ 8 มิถุนายน แต่บัญชีกลับมีการเคลื่อนไหวตลอด มีการเบิก ถอน โอน มีค่าธรรมเนียม 5 บาท 35 บาทจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคมถึงไม่มีการเคลื่อนไหว”
“อย่างเราเอาเข้าแบงค์หมื่นเก้าตอนเช้า พอตอนเย็นก็มีรายการเอาเงินออกหมื่นเก้าเลย แต่มีโอนกลับมานะไม่ได้หายไปเหมือนคล้ายๆ ว่าเขาโยกเอาไปใช้ก่อนแล้วโอนกลับมาให้ คือมันค่อนข้างชัดเจนเพราะตอนที่นาธานอยู่อาจจะมีการเบิกเงินไปซื้อของ แต่พอเขาไปเมืองนอกเงินมันจะต้องเข้าอย่างเดียวสิเพราะไม่มีใครสามารถเบิกได้เพราะบัญชีนี้ไม่มีเอทีเอ็ม แต่นี่กลับมีการเคลื่อนไหวตลอดในขณะที่เขาไปเมืองนอก
“ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเบิกเงินจากต่างประเทศ เพราะในบัญชีจะมีบอกเลยว่าเสียค่าโอน 5 บาท ต่างสาขาต่างจังหวัด 35 บาท แล้วตรงแบงค์เขายังมีบอกรหัสด้วยว่ามาจากถอนหรือโอนมาจากที่ไหน ซึ่งถ้าเขาโอนถอนที่ต่างประเทศจริงมันต้องมีเรทเงินที่เป็นเศษสตางค์ สมมุติว่าหายไปห้าพันสามสิบห้าบาท ค่าธรรมเนียมคงไม่ใช่แค่ 5 บาท หรือ 35 บาทแน่นอน จะบอกว่าเขาทำเอที่เอ็มให้คนอื่นเบิกที่เมืองไทยหรือเปล่า ตรงนี้เราบอกไม่ได้มีแค่ตัวเขาที่รู้ แต่สิ่งที่เราเห็นคือมีการเดินบัญชี”
ดอกที่ 7 บอกไม่มีส่วนร่วมในการเปิดร้าน แต่กลับไปขอใบอนุญาตที่สรรพสามิต
“เขาบอกว่าไม่เคยมีส่วนร่วมกับร้านนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวไม่ได้ตกลงเป็นหุ้นกับร้านนี้ ซึ่งตรงนี้เขาไปพูดที่หนังสือพิมพ์มติชน ทั้งที่จริงๆ แล้วเจเจกับนาธานไปที่กรมสรรพสามิตด้วยกัน เพื่อที่จะไปขออนุญาตขายสุราและบุหรี่ ชื่อผู้ขออนุญาตก็เป็นชื่อเขาเองหลักฐานที่สรรพสามิตก็มีต้นขั้วอยู่ที่นั่น และถ้าเขาไม่ได้เป็นหุ้นเขาจะไปขอใบอนุญาตทำไม”
“พอเกิดเรื่องเจเจรีบไปที่กรมสรiพสามิตเพื่อไปขอใบอนุญาตใหม่ เพราะว่านาธานเขามารื้อขนของออกจากร้านไป เราก็บอกว่าอยากได้อะไรให้เอาไปให้หมดเลย เขาก็เอาใบอนุญาตที่เป็นชื่อเขาไปด้วย เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขาจริงๆ เราก็โอเคเอาออกไปแล้วจะได้ไม่มีอะไรต่อกันอีก แล้วเดี๋ยวมาเคลียร์เรื่องเงินทีหลังว่าจะเอายังไง”
“นาธานก็พูดมาว่าเป็นหนี้เท่าไหร่ลบหุ้นเขาไปสิก็มีค่าเท่ากัน และเขาไม่ได้ติดหนี้อะไร แต่ทางพฤตินัยมันผิดตลอด ตัวเลขเราไม่ได้เสียอะไรมากเงินที่หายไปในบัญชี ถ้าบวกลบคุณหารแล้วจะหายไปประมาณหลักหมื่นไม่ถึงแสน แต่มันทำให้เงินสะดุดจริงๆ เพราะว่ามันเป็นเงินหมุนของร้านเราวางแผนไว้ห้าคนไม่ได้วางไว้ 4 คน”
ดอกที่ 8 เก็บเงินลูกค้าไปทัวร์เนปาล แต่พอลูกค้ายกเลิกกลับไม่ยอมคืนเงิน
“นอกจากนั้นเขาก็ยังมีการจัดขายทัวร์ไปเนปาลให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวร้าน มีการมัดจำกันไปโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไร เพราะเห็นว่าเป็นคนกันเองที่มาเจอกันที่ร้านอยู่บ่อยๆ ถึงวันนี้ลูกค้าต้องไปพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะที่ผ่านมาเราพยายามติดต่อไกล่เกลี่ยให้เขามาพูดคุยจะผ่อนผันยังไงก็ได้ ตามไปถึงคอนโดก็ไม่ยอมมาบอกว่ารถหม้อน้ำแตกอยู่ที่ปั๊ม แต่ยามที่คอนโดบอกว่าพึ่งจะตอกบัตรออกไปเมื่อ 5 นาทีที่แล้วนี่เอง จนนาทีสุดท้ายก็ยังโกหกเรา”
“เมื่อวันที่ 26 กรกฏาคมที่ผ่านมา นาธานเป็นคนกำหนดวันเองว่าจะมาเจอกับเราวันที่ 26 กรกฎาคม เดี๋ยวจะเอาเงินมาจ่ายให้และเอาเงินมาคืนให้กับกรุ๊ปทัวร์เนปาลต่อหน้าตำรวจ ก่อนถึงวันผู้จัดการส่วนตัวก็ขับรถมาวนที่หน้าร้านเรา และเขาก็ยังบอกว่างั้นเจอกันวันอาทิตย์นะ พอถึงวันตำรวจโทรไปบอกว่าไม่รู้เรื่องว่านัดกันวันนี้ จนตอนนี้ยังเงียบไปเราอยากที่จะให้นาธานเอาเงินมาคืนลูกค้าไม่อย่างนั้นทางร้านก็ต้องรับผิดชอบแทนแล้วเรื่องของร้านเราจะคุยกับเจ้าของบ้านอยากที่จะเห็นหลักฐานไม่อย่างนั้นเราจะต้องรับผิดชอบทั้งหมดอีก ซึ่งมันก็หลายบาทอยู่หลักแสนเหมือนกัน คนที่ทำร้านใหม่ๆ มาเจอแบบนี้ก็แย่เหมือนกัน อยากที่จะให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่นาธานยังหนีอยู่”
ดอกที่ 9 ชอบปลอมเสียงเป็นผู้หญิงเวลารับโทรศัพท์ บอกว่าตัวเองไม่อยู่
“เขาจะเป็นคนที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์บ่อยๆ และจะมีอะไรแปลกๆ เยอะมาก ตอนที่อยู่ร้านจะมีคนโทรมาหาเขาก็ไม่รู้ทวงเงินหรือเปล่า แต่แอบได้ยินเขาเปลี่ยนเสียงเป็นคนชื่อตุ๊กตาบ้าง เป็นรจนาบ้างอันนี้ไม่ได้พูดเล่นเลยนะ(หัวเราะ) นาธานทำแบบนี้จริงๆ เปลี่ยนเสียงฮัลโหลค่ะตุ๊กตาค่ะอ๋อยังไม่กลับมาเลยค่ะเดี๋ยวกลับมาแล้วจะบอกอะไรแบบนี้”
“ซึ่งแรกๆ ก็คิดว่าเขาตลกแต่หลังๆ เริ่มได้ยินบ่อยขึ้น เพราะคนมันอยู่ด้วยกันทุกวันโกหกกันไม่ได้บางครั้งแอบได้ยินบ้าง บังเอิญนั่งรถไปด้วยกันแล้วเขารับสายพอดี ตัวนาธานยังแซวตัวเองว่าคุณพี่ขำๆ ซึ่งเราจะจี้ให้จนมุมก็ได้ แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อาจจะเป็นเรื่องเงินหรือว่าเรื่องแฟนก็ไม่รู้แต่เขาจะมีพฤติกรรมแปลกๆ แบบนี้ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ”
ดอกที่ 10 บอกว่า เกิดปี 2526 ทุกคนในร้านเลยรักเหมือนน้อง ตอนหลังความแตกที่แท้เกิด 2519 อายุเท่ากัน ซ้ำเป็นพี่หุ้นส่วนบางคนซะอีก
“แล้วก็มีเรื่องอายุด้วย คือตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2005 เขาบอกว่าเกิด พ.ศ. 2526 เราคิดว่าเขาเป็นน้องและเชื่อมาตลอด ปรากฎว่าวันนั้นด้วยความที่เราไม่เชื่อใจเขาแล้วบอกให้นาธานเอาสำเนาบัตรประชาชนมาแล้วเซ็นต์กำกับว่าจะคืนเงินให้เขาก็ไม่ยอมให้ จนน้องเกดหุ้นส่วนร้านอีกคนวิ่งขึ้นไปบนรถเขาด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะหนี ซึ่งในตอนแรกเขาบอกว่าไม่มีสำเนา เกดก็บอกว่างั้นเอาบัตรประชาชนตัวจริงมาถ่ายเอกสารแล้ววันรุ่งขึ้นจะเอาตัวจริงไปให้ นาธานก็บอกว่าไม่ได้ทำไมต้องเอาด้วยต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ”
“เกดก็บอกว่าไม่เป็นไรถ้าอย่างนั้นไปถ่ายเอกสารด้วยกันก็ได้ แต่จู่เขาก็เอื้อมมือไปหยิบซองสีน้ำตาลเอาสำเนาบัตรประชาชนออกมาให้ เกดก็งงว่านี่เอกสารของจริงหรือของปลอมทำไมเกิด พ.ศ. 2519 เพราะเท่าที่รู้เขารู้คือเกิด พ.ศ. 2526 ก็ถามว่าอันนี้ของจริงหรือของปลอมทำไมบอกว่าเกิด 2526 อันนี้ของปลอมหรือเปล่าเขาก็พูดมาว่าเกิด 19 เกดก็ยืนยันว่าขอดูตัวจริงได้ไหม เพราะเราต้องเอาไปให้ตำรวจ สักพักหนึ่งเขาก็หยิบบัตรประชาชนมาให้ดูก็เป็นพศ. 2519 สรุปแล้วเขาโกหกมานานหลายปีและหลายเรื่องมาก”
“แต่ด้วยความที่เป็นตัวเขาเวลาเห็นเรายังเอ็นดูเราเสียใจช้ำใจ จนกระทั่ง ณ ตอนนี้บอกเลยว่าแค้นใจแรกๆ ยังสงสารแต่ตอนนี้แค้นมาก (หัวเราะ) เพราะเขาไม่ยอมรับความจริงเลย แถมยังมาพูดด่าใส่เราอีก มันมีเงินในร้านที่หายไปหยิบจับใช้ไปเราไม่นับด้วยซ้ำไม่เอาตรงนั้นมาพูด ก็คิดว่าเออเขาอยู่ที่นี่กินที่นี่เฝ้าร้านก็ต้องได้อภิสิทธิ์ที่ดีกว่าคนอื่นบ้าง บางทีก็มาบอกว่าเดี๋ยวยืมก่อนนะให้คนมาต่อขนตาต่อคิ้วที่ร้านประจำ”
“ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเราดูแลเขาเหมือนน้อง นาธานใช้เงินกับพวกเราตลอด ใช้เงินร้านขึ้นทางด่วนพวกเราจ่าย เติมน้ำมันรถมีบ้างที่เขาจ่ายแต่ส่วนใหญ่เราจ่าย ซื้อของกินข้าวร้านจ่ายเราจ่าย ทุกคนพูดง่ายๆ คือดูแลเขา ไม่เคยที่จะไปจี้ถามว่าไม่มีเงินเหรอเราสงสารเขาก็ดูแลกันไปเดี๋ยวไปถ่ายหนังที่เมืองนอกก็มีตังค์เองแหล่ะ เมื่อวันเกิดเขาก็ยังเอาเค้กมาเซอร์ไพร์สเขายังตกใจเลยดีใจ คือเราเห็นว่าเขาไม่มีใครญาติพี่น้องก็ไม่มีอยู่ตัวคนเดียว เราก็อยากทำทุกอย่างให้อยู่กันแบบอบอุ่น”
“เขารู้ดีที่สุดว่าเราดีกับเขาขนาดไหน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงฆ่าเราได้โดยที่ไม่รู้สึกถึงสิ่งดีๆ ที่เราทำให้ วันนี้ถึงเขามาเคลียร์เจเจบอกเลยนะ วันนี้มิตรภาพไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเขามีพฤติกรรมแปลกๆ เขาจะไม่มีวันได้มิตรภาพจากเราอีก และจะไม่มีวันได้เหยียบเข้ามาในร้านนี้อีกเลย”