“สมาคมนักข่าวบันเทิง” แถลง ไม่คิดแบน “ตือ” และ “ห้างเซน” แต่สื่อใดสังกัดไหนต้องการแบนก็เป็นสิทธิที่ทำได้ เผยจดหมายแถลงการณ์ขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย ต่อไปนี้ให้ระบุให้ละเอียดว่าให้นักข่าวทำงานได้แค่ไหน ถ้าไม่อยากให้ทำข่าวก็ไม่ต้องเชิญ
กลายเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจเลยทีเดียว กับกรณีที่ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์สยามดารา ถูก “ตือ สมบัษร ถิระสาโรช” ออแกไนเซอร์คนดังกระชากแขนขณะทำการสัมภาษณ์ “ก้อง กรุณ ซอโสตถิกุล” ในงาน SENSE BODY ZENSE 2009 ที่ห้างสรรพสินค้าเซน เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศไม่ให้ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สยามดาราเข้าร่วมงานของตนเองอีก
จากกรณีพิพาทดังกล่าวทำให้ทางสมาคมนักข่าวบันเทิงนำโดย “น้อย ทัศน์สรวง วรกุล” นายกสมาคมนักข่าวบันเทิง เรียกประชุมคณะกรรมการ และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง พร้อมทั้งได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ไนน์เอนเตอร์เทน ช่อง 9 ว่า......
“หลังจากที่ได้รับทราบข่าวคราวเหตุความขัดแย้งกัน ระหว่างพี่ตือ สมบัษร ถิระสาโรช กับน้องนักข่าวของสยามดารา เราก็ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารทั้งสองฝ่ายว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง พร้อมกับชมเทปที่ถ่ายมาจากน้องๆ นักข่าวจากหลายแหล่งด้วยกันนะคะ ก็มองว่าตอนนี้ในภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากว่าจะมีการต่อว่ากันด้วยวาจาที่ค่อนข้างจะรุนแรงแล้ว ก็ยังมีเรื่องการฉุดกระชากลากถูนักข่าวออกไปเพื่อจะเคลียร์กัน”
“ซึ่งเราก็คิดว่าการที่ได้ใช้กำลังกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แล้วก็ทางพี่ตือก็ได้ให้สัมภาษณ์กับน้องๆ ว่าโอเคจบไปแล้ว งานนั้นเราเคลียร์กันแล้ว ขอโทษแล้ว ซึ่งวันนั้นน้องเองเขาก็ขอโทษ แต่ว่าทางพี่ตือเองก็ยังเหมือนกับว่ายังไม่ได้เคลียร์กับเราในเรื่องนี้นะคะ ก็เลยคิดว่ากรณีนี้น่าจะเป็นกรณีตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราเจอเรื่องแย่ผ่านๆ มามากมายแล้ว”
“แต่เราเองก็มีนโยบายว่าเราไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เราจะต้องมาแบน สมาคมต้องมาแบนการจัดงานของเซนหรือว่าการจัดอีเว้นท์ออการ์ไนเซอร์ของพี่ตือ ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะเราบอกในจดหมายของการแถลงข่าวเลยว่าเราจะไม่มีการแบนจากสมาคม แต่ถ้าเกิดว่าใครจะให้ความร่วมมือในการทำข่าวครั้งต่อไป ในกรณีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสิทธิส่วนบุคคลแต่ละองค์กรที่จะตัดสินใจกัน”
เผยว่าได้มีการพูดคุยกับ “ตือ” แล้ว แต่ยังไม่มีการเคลียร์กันอย่างชัดเจน
“จริงๆ ก็ได้พูดคุยกับพี่ตือตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้ว และเราก็บอกพี่ตือว่าเดี๋ยวเราขอไปดูเหตุผลของน้องก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อย่างที่บอกไปเราก็ดูทั้งสองด้าน จริงๆ เราอยากให้ทั้งสองเจอกัน แต่ด้วยเหตุการณ์ที่มันผ่านมาแล้ว ก็เลยมองว่ามันยังไม่สามารถเจอกันได้ คือทางนี้น้องเขาเองก็เหมือนกับว่าไม่อยากจะมีเรื่อง แล้วก็ขอโทษแล้วก็จบแล้วไม่อยากให้มันบานปลาย พี่ตือเองก็พูดเหมือนกันว่าเขาก็จบแล้วนะ”
“เหตุการณ์วันนั้นมันเกิดเพราะว่าอารมณ์ทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น ด้วยความปะทะกันด้วยอารมณ์มันถึงเกิดความรุนแรงนั้นขึ้น แต่เมื่อผ่านมาหลายๆ วันแล้ว ทุกอย่างก็พยายามจะเงียบลง แต่มันเกิดกรณีที่ว่าน้องๆ หลายๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มองว่ามันเป็นความรุนแรง มันเป็นการคุมคามส่วนหนึ่ง”
“เราก็มามองกันว่าคงต้องแถลงข่าว คือจริงๆ อยากจะยืนยันว่าไม่ได้จะใช้กรณีนี้โจมตีพี่ตือไม่ใช่นะคะ เพราะเราก็ไม่ได้แบนเรายืนยัน เพียงแต่ว่าอยากจะให้เป็นจุดที่เหมือนกับเริ่มต้นกันใหม่มั้ยสำหรับคนจัดงาน ถ้าหลังจากเราแถลงไปแล้วพี่ตืออยากจะคุย น้องอยากจะเคลียร์เรายินดีเป็นสื่อกลางให้อยู่แล้ว ไม่ว่าอยู่แล้วค่ะเรื่องนี้”
รับว่าภาพที่เห็นนั้นดูค่อนข้างรุนแรงเกินไปจริงๆ แต่ก็เผยว่านักข่าวเองก็อาจจะมีเสียงดัง แต่ฝ่าย “ตือ” นั้นดูจะทำเกินกว่าเหตุ
“ถ้าที่ดูก็ค่อนข้างรุนแรงนะคะ คือเห็นภาพว่าเป็นการกระชากออกไปก็ค่อนข้างจะรุนแรงนะคะ อาจจะเป็นเพราะแต่ละคนก็มีอารมณ์ อย่างน้องเองก็อาจจะมีเสียงดังบ้าง หรือเสียงแข็งนิดนึง แต่ทางพี่ตือก็ใช้การกระชากก็ค่อนข้างจะรุนแรง ซึ่งเราไม่ค่อยเจออย่างนี้บ่อยเท่าไหร่นัก”
“ก็อย่างที่บอกว่าสมาคมไม่มีนโยบายจะแบนการจัดงานของพี่ตือหรือว่าของเซนแต่ประการใดเลยนะคะ เพียงแต่ว่าตอนนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละค่ายแล้วล่ะว่าคุณจะแบนรึเปล่า หรือว่าคุณจะไม่ทำข่าวเขาหรือเปล่า คือมันอยู่ที่ต้นสังกัดเขาและผู้บริหารของแต่ละสังกัดนั้นด้วยมากกว่าค่ะ”
เผยข้อความในแถลงการณ์หลักๆ คือ ต่อไปนี้ขอให้นักข่าวบันเทิงทุกคนปฏิบัติงานอย่างมีสติ และขอความร่วมมือจากผู้จัดงานทุกฝ่ายในเรื่องความชัดเจน ว่าอนุญาตให้ไปทำข่าวได้หรือไม่
“เรามองว่ากรณีนี้ควรจะเป็นกรณีที่ต้องมีการหันมาคุยกันแล้วล่ะ ระหว่างผู้จัดงาน เจ้าของสินค้า และนักข่าวบันเทิงของเราเองเพราะเราต้องเจอกันอีกนาน อีกหลายๆ อีเว้นท์ อีกหลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้น เราจะเจอกันยังไงที่จะทำให้การทำงานนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นและไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกันในแบบนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งในแถลงการณ์ของสมาคม ก็มีการบอกกล่าวนักข่าวบันเทิงขอเตือนสมาชิกด้วยกันว่าในขณะปฏิบัติงานก็ขอให้ใช้สติ ก็คือใจเย็นๆ นะ มีความรอบคอบ และก็ระมัดระวังตัว”
“แล้วก็ส่วนที่สองคือในเรื่องของผู้จัดงานทั้งหลายก็ขอความร่วมมืออย่างนี้ค่ะ เราขอว่างานที่ผ่านมาส่วนใหญ่เราเจอที่จะให้ดาราเป็นตัวขาย ก็คือเอาดารามาเป็นตัวชูโรงของงาน แน่นอนว่านักข่าวบันเทิงของเราเมื่อได้รับหมายงานจะต้องไปทำข่าวกันอยู่แล้ว เพราะว่าอยากสัมภาษณ์ในสิ่งที่เหมือนกับเป็นข่าวในขณะนั้นอยู่ แต่บางงานปรากฏว่าเขาเชิญนักข่าวไป แต่ไม่ให้นักข่าวสัมภาษณ์ดาราที่เขาต้องการ ต้องการให้แค่ทำข่าวอย่างเดียว ซึ่งในการทำงานของนักข่าวบันเทิงเราต้องเอาเรื่องบันเทิงด้วยจะมาทำแค่ข่าวในงานนั้นอย่างเดียวไม่ได้”
“นักข่าวหน้าอื่นเขาอาจจะเน้นสินค้าได้โดยตรง แต่เราเนี่ยไม่สามารถทำได้ เพราะว่ามีดาราเราก็ต้องตามไปทำข่าวดาราอยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือว่าถ้าเวลาเชิญเรามาเนี่ย แจ้งเลยว่าให้เราสัมภาษณ์ดาราได้หรือไม่ได้ เราจะได้ชัดเจนว่าเราควรจะไปทำข่าวมั้ย หรือว่าถ้ามันไม่เกี่ยวข้องกับเราก็อาจจะให้สายอื่น มอบให้นักข่าวสายอื่นที่เรามีเพื่อนอยู่ในวงการหรือว่าในสังกัดที่เราทำแทนได้อยู่แล้วใช่มั้ยคะ ถ้าเกิดว่าให้สัมภาษณ์แล้วจะให้สัมภาษณ์ในเวลาเท่าไหร่ อันนี้ขอความร่วมมือผู้จัดงานช่วยระบุมาให้ชัดเจนด้วย”
“เพราะว่าบางทีนักข่าวรอนานมากๆ เอาง่ายๆ เราหิวข้าวอย่างนี้ ถ้าเกิดเรารอนานก็อาจจะมีการหงุดหงิดขึ้นมา หรือว่ารอจนหมดแรงก็มีอย่างนี้เป็นต้น ก็เลยขอความร่วมมือว่า สมมติว่างานเริ่มเท่านี้หมดเวลานี้แล้วก็สัมภาษณ์ดาราได้ช่วงเวลานี้ก็บอกเรามาตรงๆ เลย เรายินดีค่ะ อย่างงานแต่งงานใครไม่อยากให้เข้า เราก็ไม่ได้เข้าไปร่วมงาน ไม่ได้ไปกินของเขา ไม่ได้ไปอะไรของเขาอยู่แล้ว เราก็รออยู่หน้างาน ด้วยความที่เราทราบแล้วว่าเจ้าของงานไม่ให้เข้างาน”
“อีกปัญหาปัจจุบันที่เราเจอคือ บางทีเขาส่งแฟกซ์มาเชิญเรา แต่ว่าข้อมูลอื่นก็ไม่ให้เลย บางทีดาราที่เชิญมา ที่เขียนแฟกซ์มามีชื่อ แต่พอไปจริงๆ ไม่มีแล้วให้เราทำยังไง เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันนะคะ ก็อยากขอความร่วมมือว่า เราขอการประสานงานกันที่ถูกต้องและก็ชัดเจนกันดีกว่า ทุกอย่างมันเกิดจากการที่เราไม่เข้าใจกัน แล้วก็ไม่ได้สื่อสารกันอย่างเข้าใจว่าให้ทำข่าวดาราได้หรือเปล่า ไม่ได้เพราะอะไร แล้วก็ถ้าทำข่าวได้จะได้สัมภาษณ์เวลาไหนขอแค่นี้ เราขอแค่นี้ เพราะว่าเราก็อยากได้ข่าวของเราเหมือนกัน”
พร้อมกันนี้ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์ “สยามดารา” ยังได้มอบดอกไม้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อสมาคมนักข่าวที่เห็นถึงความสำคัญของเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมไปถึงตัวผู้สื่อข่าวสยามดาราที่ตกเป็นข่าวก็ร่วมมอบดอกไม้ให้เพื่อเป็นการขอบคุณเช่นกัน