“ตือ” ยัน ไม่ได้เมาแล้วอาลาวาดกระชากแขนนักข่าว อ้างถือขวดเอาใจสปอนเซอร์ ยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ถือสา เพราะเข้าใจทุกคนต่างทำหน้าที่ ที่สำคัญคู่กรณีได้มาขอโทษ เจ้าตัวแย้ง ไม่เคยบอกว่าไม่แคร์สื่อ เข้าใจว่าต้องพึ่งพากัน ส่วนกับห้างฯ “เซน” ก็เคลียร์กันแล้ว ไม่มีปัญหา กลับลำ ให้นักข่าวสยามดาราเข้างานได้
หลังจากที่ตกเป็นข่าวอยู่หลายวัน กรณีกระชากแขนผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สยามดารา ในงาน ZEN BODY SENSE 2009 WELCOME TO OUR BEDTIME STORIES@ZENSE GOURMET DECK & LOUNGE PANORAMA ของห้างเซน ล่าสุด “ตือ สมบัษร ถิระสาโรช” ก็ได้เดินทางมาร่วมงาน DESIGNES' ROOM 2009 พร้อมทั้งเปิดใจถึงกรณีพิพาทดังกล่าว ว่าเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อยากให้มันผ่านไป และในวันนั้นทางคู่กรณีก็ได้ขอโทษแล้ว ก็คงไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่ก็ยอมรับว่า ในวันนั้นค่อนข้างมีอารมณ์ เพราะมีการใช้คำพูดที่ไม่ดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เมา
“ตัวผมเสียใจที่ทำไมผมต้องมาเจออย่างนี้ วันนั้นถ้าใครอยู่ในเหตุการณ์จริงก็จะรู้ว่าก่อนที่ผมจะไปขออนุญาตพวกคุณให้หยุด ผมก็เดินไปแกล้งๆ คุณ ไปแตะเขาบอกว่าพอแล้วๆ ทุกคนก็จะรู้ แล้ววันนั้นมันก็ดึกแล้ว ผมก็ขอให้พอได้แล้ว แล้วก็มีเสียงมาก็แค่นั้นเอง ผมก็บอกว่าถ้ามีเสียงอย่างนี้ก็ไม่ได้ล่ะสิ ก็ไม่น่ารัก ก็เท่านั้นเอง”
“คืออะไรก็ตาม ถ้าคุณรู้จักผม คุณก็จะรู้ว่าผมทำงานอยู่ตรงนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว อยากได้อะไรผมก็ให้คุณตลอด จะด้วยอะไรก็ตาม ผมขออย่างเดียวขอให้พูดจากับผมดีๆ ผมเอายังไงก็ได้ผมมีอาชีพเป็นนักจัดงาน ผมก็ต้องทำทุกอย่างให้คุณ ถูกไหมถ้าคุณอยากได้อะไรคุณบอกผมก็แล้วกัน ผมทำให้คุณ เพราะผมไม่เคยขัดใจพวกคุณ คุณก็รู้จักผมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามเราอยู่กันแค่นี้เราก็ควรเหมือนพึ่งพากัน เราก็ต้องพูดจากันดีๆ”
“ตอนนี้ผมว่าทุกอย่างมันจบแล้วนะ หลังจากวันศุกร์มาผมก็ไปสอนหนังสือที่ภาคใต้ ผมก็ถือว่าทุกวันนี้เราก็ยังต้องดำเนินต่อไปผมก็ยังต้องทำงาน แล้วน้องเขา(นักข่าว)ก็ขอโทษแล้วก็โอเค ผมก็ไม่ได้ถือโทษโกรธ นักข่าวหลายคนก็วิ่งเข้ามาขอโทษแทนน้อง ผมก็ว่าไม่เป็นไร ตัวผมไม่ได้ถือโทษ ผมถือว่ามันจบแล้วเราก็ยังต้องพึ่งพากันอีก เราก็ต้องช่วยกันทำงานก็ไม่มีอะไร”
“หลังจากวันนั้นตัวผมไม่ได้ติดต่อกับทางน้องเขาอีก ก็มีหลายๆ คนติดต่อจะให้ไปออกรายการ ผมว่ามันไม่จำเป็นเพราะผมถือว่ามันจบคืนนั้นแล้ว มันก็จบ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เดี๋ยวเจอกันก็ทำงานร่วมกันปกติ ไม่ได้มีอะไร”
โต้ไม่ได้อาละวาดเพราะเมา แต่แค่ถือขวดไว้เฉยๆ เพราะทางสปอร์นเซอร์ให้มา บอกส่วนตัวตนไม่ชอบดื่มจะมีบ้างบางโอกาสเท่านั้น
“(หัวเราะ) ผมจะบอกให้ว่าวันนั้นหนึ่งไฮเนเก้นเขาเป็นสปอนเซอร์ เพราะฉะนั้นเขาเอาเบียร์มาให้ผม ผมก็ถือมา แล้วตรงนั้นมันเป็นช่วงที่ชุลมุนกันก็แค่นั้นเอง”
“ถ้าผมเมาจริงๆ นักเรียนที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ เพราะว่าผมต้องเดินทางไปตั้งแต่ 6 โมง ผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว แล้วจะบอกว่าในชีวิตผมทำงานมาตลอด ผมจะไปเมาในงาน ในหน้าที่ตัวเองทำไม เราก็ต้องรักอาชีพตัวเอง ปกติผมเองก็ไม่ใช่จะเป็นคนที่ดื่มเหล้าอยู่แล้ว แต่ว่าถ้านานๆ ทีลูกค้าให้ผม ก็ดื่มนิดนึงตามมารยาท เพราะว่าเขาเป็นสปอนเซอร์ให้ ถามว่าถ้าผมจะต้องไปเมาอาละวาด ผมว่านักข่าวเห็นผมอยู่แล้วเวลาทำงาน ผมก็แค่ทำทุกอย่างเพื่องานที่ดี มันก็ตอบโจทย์แล้ว”
แจงกรณีที่ไม่ให้นักข่าวสัมภาษณ์ “ก้อง กรุณ” นั้นเจ้าตัวบอกเห็นว่าดึกแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องดูแลดาราที่เชิญมาร่วมงาน ทั้งยังบอกว่าไม่มีใครแจ้งกับตนว่านักข่าวจะขอสัมภาษณ์ ไม่ขอตอบว่าส่วนไหนที่ประสานงานผิดพลาดเพราะไม่อยากพาดพิงถึงใคร
“เอาอย่างนี้น้องจ๋า ผมพูดตรงๆ มันดึกจริงๆ ผมเองก็ต้องดูแลเขาในฐานะที่ผมดูแลนักแสดง ดูแลทุกคนผมก็ต้องดูแลเขา มันคืออาชีพผมก็เท่านั้นเอง ทุกอย่างผมไม่ได้ยึดติดกับอะไร ไม่ได้ยึดถืออะไร ไม่ได้โกรธไม่ได้อะไร”
“แล้ววันนั้นผมก็รู้สึกสงสารน้องที่เขา(ก้อง)ต้องมาทำงานด้วย คือเขาเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน ขอให้เขาพักบ้างก็เท่านั้น เขามาทำงานให้ผมผมก็ต้องดูแลเขาถูกไหม คือมันดึกแล้ว แล้วปกติเวลาทำงานถ้าอยากได้อะไรก็ต้องมาบอกผมถูกไหม บอกผม ผมจัดการให้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ว่าวันนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะผมไม่ได้รับการติดต่อมาว่าจะมีการสัมภาษณ์เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นผมก็ทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด จบแล้ว”
“ส่วนเรื่องที่ว่าไม่มีใครมาแจ้งกับผมว่านักข่าวจะขอสัมภาษณ์ ผมขอไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม (หัวเราะ) เพราะว่าผมไม่อยากจะพาดพิงถึงใคร เพราะถือว่าตรงนี้มันจบแล้ว จบเลยผมไม่อยากจะพูดถึงใคร”
“แล้วถ้าจะถามหาตัวกลางว่าใครกันที่บกพร่องในหน้าที่นั้น ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนก็คงจะตั้งใจทำงานกันดี ผมทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน ทุกคนก็ทำงานเช้าถึงเที่ยงคืน ทุกคนมีหน้าที่การงานของตัวเองทุกคนก็ทำงานเหนื่อยกันทุกคนเพราะฉะนั้นผมไม่ถือว่าใครผิดใครถูก ผมถือว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด น้องเขาเองก็อาจจะต้องทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดด้วยเหมือนกัน แต่ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มันไม่ตรงกันแค่นั้นเอง มันก็เลยเกิดเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าถามผม ผมถือว่าวันนั้นผมได้คุยกับเขาแล้ว ผมก็จบน้องเขาก็คุยกับผมแล้ว ผมคุยกับน้องเขาทุกอย่างมันก็จบ”
กับทางห้างฯ “เซน” เจ้าของงานนั้น ผู้จัดมือทองเผยว่าตนได้เข้าไปขอโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยันเจ้าของงานไม่ได้สั่งแบนมีออร์กาไนซ์ของตน ชี้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงาน
“ไม่ใช่ ไม่จริง บ้าเหรอ (หัวเราะ) ไม่มี ยังเหมือนเดิมชีวิตก็ยังเดิมๆ ปกติเหมือนเดิม เมื่อกี้ก็ยังคุยกับทางเซนเลย เราก็ต้องทำงานไปมันต้องแบ่งแยก ว่าอันนี้เป็นเรื่องระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัวเท่านั้นเอง”
“หลังจากเหตุการณ์นั้นผมก็เดินไปขอโทษลูกค้า ผมก็ขอโทษลูกค้าไปว่านี่มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับน้องเขาเท่านั้นเอง มันไม่เกี่ยวกับงานทางเซนเขา ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมว่าตรงนี้มันต้องแบ่งแยกประเด็นมันไม่เกี่ยวกับลูกค้า ไม่เกี่ยวกับงานของลูกค้า มันเป็นเรื่องระหว่างพี่กับน้องเขาเท่านั้นเอง”
และเมื่อถามต่อว่า กับคำพูดที่ว่า “ผู้จัดมือทองไม่แคร์สื่อ” จนเป็นชวนวนให้นักข่าวแทบทุกสำนักเตรียมแบนไม่ไปงานที่ตนเป็นผู้จัดนั้น วันนี้เจ้าตัวเปลี่ยนใจบอกไม่ใช่ว่าไม่แคร์สื่อ เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องทำงานพึ่งพากัน บอกเป็นเรื่องระหว่างตนกับนักข่าวคนนั้น ไม่เกี่ยวกับนักข่าวคนอื่น
“อันนี้ผมขอไม่ตอบเพราะผมถือว่ามันก็คงจะต้องแล้วแต่ ตรงนี้ผมก็ทำอาชีพของผมให้ดีที่สุด ดูแลงานของผม ดูแลคนที่ผมต้องดูแลเขา ผมก็คงทำของผมให้ดีที่สุด แต่ว่าถ้าเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่ใช่ ไม่แคร์สื่อ น้องจ๋าเราพึ่งพากันนี่ค่ะ ผมต้องพึ่งพาน้อง น้องก็ต้องพึ่งพาผม เราต้องช่วยกันทำงานถูกไหม มันก็คือเรื่องแค่นี้เอง ถ้าคุณรู้จักผม คุณมาทำงานกับผม ผมว่าคุณต้องถามนักข่าวทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยเหมือนกัน เขาเองก็อาจจะต้องแทนผมได้ ปกตินักข่าวมาทำงานกับผม ผมก็ใจให้ความเป็นกันเองอยู่แล้ว ผมว่าไม่ต้องพูดดีกว่า พูดไปก็จะหาว่าผมแก้ตัว ตรงนี้ผมถือว่าเรื่องมันผ่านมาแล้ว”
“ส่วนนักข่าวคนอื่นจะเข้าใจยังไงนั้น อันนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่ายังไง เพราะผมถือว่าเจตนาผมไม่ได้คิดอย่างนั้น วันนั้นเรามีเรื่องกับน้องคนนั้นเท่านั้นเอง ผมไม่ได้พูดกับคนอื่น มันเป็นกรณีๆ ผมไม่ได้พูดถึงนักข่าวคนอื่นๆ ผมพูดถึงน้องกับผมเท่านั้นเอง การที่ออกมาตรงนี้มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับน้องเขา ถ้าเกิดว่าตรงอื่นผมไม่ได้ไปว่าใคร”
“หลังจากวันนั้นผมก็ไปปรึกษาน้อย (สัตตกมล วรกุล นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย) ผมก็บอกว่าน้อยมันไม่มีอะไรแล้วนะ จบแล้วนะเพราะน้อยก็บอกว่าผมไม่ถือโทษโกรธอะไรเลย จบแล้วก็คือจบเพราะถ้าเกิดวันนั้น มันผ่านไปแล้วมันก็ต้องผ่านไปชีวิต ชีวิตเราก็ยังต้องดำเนินต่อไป มันไม่ได้มีอะไรที่มันต้องยึดติด บางเรื่องบางอย่างมันก็ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เราก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่ใช่ไหมค่ะ”
ส่วนที่บอกว่าต่อไปนี้จะไม่ให้นักข่าวสยามดาราเข้างานตนนั้น มาคราวนี้เจ้าตัวบอกนักข่าวสายามดาราสามารถเข้ามาร่วมงานของตนได้แล้ว ปัดไม่ได้เป็นการกลับคำพูด ยอมรับวันนั้นที่พูดออกไปเป็นเพราะอารมณ์ ทั้งยังบอกตนกับคู่กรณีเคลียร์กันจบไปแล้วตั้งแต่วันนั้น
“คือวันนั้นมันอาจจะเป็นช่วงที่พูดตรงๆ คนเรามันก็มีอารมณ์ทุกคนถูกไหม วันนั้นในเมื่อน้องเขาแสดงกิริยาแบบนั้น ผมก็บอกว่างั้นต่อไปสยามดาราก็อย่ามาเจอกับผม ก็เท่านั้นเอง ต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าวันนี้เราทำอาชีพนี้ เขาต้องมาทำอาชีพนี้กับเราผมโอเคผมไม่ได้มายด์ เพราะผมถือว่าวันนั้นเราพูดกันด้วยความรู้สึกของแต่ละฝั่ง แต่ถ้าวันนี้ผมโอเค ผมไม่มีปัญหา สามารถคุย ทำงานได้ ผมทำงานกับใครก็ได้ร่วมงานกับใครก็ได้ในชีวิตนี้”
“ตอนนี้ทุกอย่างมันน่าจะนิ่งแล้ว เพราะฉะนั้นเราเคลียร์กันวันนั้นจบแล้ว มันก็จบสำหรับผม มันไม่มีอะไร มันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน มันเป็นปัญหาของการทำงานร่วมกัน พอเราแก้ปัญหาได้จบ เดี๋ยวเจอกันก็ทำงานด้วยกันได้ไม่ได้ยึดติดกับอะไร เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่หรืออะไรเลย ที่จะมาสั่งห้ามใครหรือไม่ให้ใครทำอะไร ไม่ใช่เลย ผมก็มีอาชีพรับจ้างทำงานให้ลูกค้า”
“แล้วผมไม่ได้รู้สึกว่าเรากลับคำพูด คือวันนั้นที่ผมพูด เพราะว่าเขาแสดงกิริยาอย่างนั้น ผมว่าถ้าแสดงกิริยาอย่างนี้ต่อไปก็อย่ามาทำงานด้วยกัน เพราะว่าวันนั้นในการที่เราคิดตรงนั้น ผมบอกเขาไปว่าถ้าต่อไปคุณยังแสดงกิริยาแบบนี้คุณก็อย่ามาทำงานกับผม แต่ถ้าคราวหน้าถ้าเขาไม่ได้มาแสดงกิริยาอะไร ก็ทำงานปกตินะ ถ้าตราบใดที่เราคุยกันแล้วพูดกันดีๆ แล้ววันนี้ก็ขอบคุณจริงๆ ที่ทุกคนช่วยสนับสนุน”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเหตุการณครั้งนี้ นักข่าวคู่กรณีออกมาขอโทษและยอมรับว่าพูดจารุนแรงจริง แล้วทางผู้จัดมือทองจะออกมาแสดงสปิริตอะไรบ้างไหม ซึ่งก็ได้คำตอบว่า...
“คือในชีวิตนี้ผมขออย่างเดียวว่า ให้พูดกับผมดีๆ ถ้าพูดกับผมดีปุ๊บอะไรก็ได้ แต่ถ้าพูดกับผมไม่ดีผมก็จะเป็นคนอีกประเภทนึง ว่าถ้าพูดไม่ดี ผมก็ไม่ยอม ผมก็มีอารมณ์บ้างเหมือนกันเพราะถ้าน้องพูดไม่ดีเราก็จะอ้าว..น้องทำไมพูดจาไม่ดีล่ะ แค่นั้นเอง ถามว่าถือโทษไหม ณ วันนี้ไม่แล้ว เจอกันก็คงปกติ”
“ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมเป็นคนที่น่ากลัว ถ้าคุณรู้จักผมมาเป็นสิบๆ ปีนักข่าวทุกคนกับผม เราก็นั่งคุยกันเล่นกัน คุณสังเกตดูนักข่าวมาหาผม ผมยังบอกเลยว่าคุณกินข้าวกันรึยัง ผมไม่เรื่องมากแล้วไม่ต้องกลัวผม ผมเป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว หน้าผมก็ดุอยู่แล้วจะให้ทำยังไง แต่ผมก็ถือว่าความจริงใจเป็นเกราะป้องกันตัวในชีวิตผม เพราะฉะนั้นผมก็ให้ความจริงใจกับทุกคน ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองน่ากลัว แต่ถ้าเกิดคนอื่นมองว่าผมหน้ากลัวผมก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“เซน" รับ "ตือ" เมาขาดสติ ส่วนจะแบนงานหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร
ชมเต็มๆ คลิป “ตือ” ระเบิดอารมณ์กระชากแขนนักข่าว
“ตือ” ยัวะ ! กระชากแขนนักข่าว ห้ามสัมภาษณ์ “ก้อง กรุณ”"