xs
xsm
sm
md
lg

“เกย์นที” จวก "เพชร" เนรคุณ ร้องกระทรวงวัฒฯ จัดการ ด้านแฟนคลับเอาด้วย บอก "พุ่มพวง" มาเข้าฝัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เกย์นที" ยื่นหนังสือต่อกระทรวงวัฒนธรรมจัดการ "เพชร" โวยรับไม่ได้ที่เพชรยัดเงินสัสดี 5 หมื่น แลกกับการไม่ต้องเป็นทหาร ซัด "อ้อย" เป็นผู้หญิงอันตรายต่อสังคม บอกไม่ได้เป็นแฟนแต่ไปเปิดโรงแรม 3 วัน 3 คืน ด้านนักร้องเลียนเสียงพุ่มพวงและแฟนคลับก็เอาด้วย เผยพุ่มพวงมาเข้าฝันทุกวันบอกเพชรทำไม่ถูกต้องออกมาเตือน



ยังคงบานปลายไปเรื่อยๆ สำหรับความบาดหมางระหว่าง “เพชร สรภพ ลีละเมฆินทร์” กับพ่อบังเกิดเกล้า “ปุ้ม ไกรสร แสงอนันต์” ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างเปิดศึกสาดน้ำลายกันไปมา จนมองไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แถมเรื่องเก่าทั้งเรื่องที่ไกรสรฟ้องหมิ่นลูกชาย รวมไปถึงเรื่องตรวจสุขภาพจิตยังคาราคาซัง

ล่าสุด “นที ธีระโรจนพงษ์” ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย และเลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ในฐานะเป็นคนสนิทชิดใกล้กับไกรสร ก็ได้รวมตัวกับกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มแฟนเพลงพุ่มพวงรักกตัญญู” ที่มีนักร้องเลียนเสียงอดีตราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” มาก จนได้รับฉายาว่า “พุ่มพวง 2” อย่าง “น้ำผึ้ง จุฬัมภา สอนสติ” เพื่อยื่นจดหมายร้องเรียนต่อ “นายธีระ สลักเพชร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมให้ออกมาดำเนินการให้ “ลูกเพชร” ยอมรับผิดและขอโทษผู้เป็นพ่อ โดยงานนี้นักร้องเลียนเสียงพุ่มพวงคนดังกล่าวยังมีการพูดจาเสียงสั่นเครือถึงสาเหตุที่ออกมาร่วมกับเกย์นทีครั้งนี้ว่า ทนไม่ได้เพราะฝันเห็นพุ่มพวงทุกวัน พุ่มพวงกลัวลูกตลกจึงต้องมีการออกมาตักเตือน

ซึ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ก็ทำให้มีคำถามตามมากมาย โดยเฉพาะไกรสรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า? แต่อย่างไรก็ดีนทียืนยันเสียงแข็ง ว่า ทำเองไม่มีใครชักใยทั้งสิ้น เหตุผลก็เพราะทนเห็นเพชรทำพฤติกรรมแบบนี้กับพ่อไม่ได้นั่นเอง

“วันนี้ผมนที ธีระโรจนพงษ์ เลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อารยะนะครับ ได้มาร่วมงานกันกับกลุ่มเพื่อนๆ แฟนเพลงพุ่มพวงรักกตัญญู ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้สึกชื่นชอบชื่นชมคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์เป็นอย่างยิ่ง พวกเรามาในวันนี้เพราะว่าเราเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในกรณีพ่อลูกคนดัง เพราะว่าเขาเป็นคนดังมันเลยทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจของประชาชน”

“ปัจจุบันประชาชนกำลังสับสนว่ากรณีที่ลูกเกิดความรู้สึกว่าพ่อไม่ถูกต้อง ลุกขึ้นมาว่ากล่าวด่าทอพ่อได้หรือไม่ ทั้งยาย ทั้งน้า ทั้งลุงโดนกันหมด อันนี้คือสิ่งที่พวกเรารู้สึกเลยว่าเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจของเราอย่างรุนแรง เราในฐานะคนไทย มีวัฒนธรรมความรักเคารพผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุพการีของเราคือพระในบ้าน ดังนั้นการเนรคุณหรือการพูดจาดูถูกพ่อแม่พี่น้องญาติโกโหติกาเนี่ยเป็นเรื่องที่พวกเราไม่น่าจะทำกันได้”

“เราไม่เห็นที่พึ่งใดอื่นเลยดีเท่ากับที่นี่คือกระทรวงวัฒนธรรม เรารอคอยคนของกระทรวงวัฒนธรรมระยะเวลายาวนานกว่าเดือนนึงแล้ว ก็ปรากฏว่ากระทรวงวัฒนธรรมไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย เราเห็นว่าเจ้ากระทรวงวัฒนธรรมมองเห็นเรื่องของเทียนซึ่งเป็นรูปองคชาติ ท่านก็ออกมากระตือรือร้นอย่างมากทำไปเรียบร้อยเบ็ดเสร็จ ตอนนี้ไม่มีแล้วนะครับเทียนองคชาติมาจุดในวัด อันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เมื่อเห็นลูกอกตัญญูหรือลูกด่าทอพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่เนี่ย ทำไมท่านเงียบ”

“ดังนั้นวันนี้เราต้องการมาตรฐานว่าจะเอาสองมาตราฐานมั้ย ว่าปัจจุบันกตัญญูไม่เอาแล้วหรืออย่างไร หรือยังต้องมีความกตัญญูอยู่ ดังนั้นวันนี้หน้าที่ของเราที่มาก็คือต้องการที่จะบอกกับสังคมไทยว่าสังคมไทยต้องการคำตอบ ที่เป็นคำตอบจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบโดยตรงกับเรื่องของวัฒนธรรมของชาติ เราต้องเคารพผู้ใหญ่หรือว่าเราด่าทอผู้ใหญ่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพ่อเป็นแม่ ยาย ลุง ป้า น้าของเรา นี่แหละครับคือที่มาของการมาของสองกลุ่มในวันนี้ครับ”

พร้อมเผยว่าตลอดเวลาที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตนถูกมองว่าบ้า ยุ่งเรื่องชาวบ้านมาตลอด แต่ก็จะทำต่อไป เพราะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมก้าวร้าวพ่อแม่ของ “เพชร” แบบนี้

“ผมเองก็เหมือนคนบ้าเหมือนกัน ผมจะถูกมองว่าเข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านเขาทำไม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บบางเว็บเนี่ยใส่ผมเละเลย ผมอยากจะเรียนนะครับว่าผมทำงานสังคม เพราะผมเชื่อว่ามนุษย์มีหลากหลายความคิด บางคนก็ชอบอยู่กับบ้านเงียบๆ แต่บางคนก็ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเขา และบางคนก็ชอบยุ่งเรื่องสังคม บังเอิ๊ญ บังเอิญเรื่องนี้คุณไกรสรเป็นประธานกลุ่มเชียงใหม่อารยะประมาณปีกว่า แล้วผมก็เป็นเลขาธิการกลุ่ม ตั้งกันมาโดยที่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้”

“วันนึงคุณปุ้มถูกกล่าวหาว่าข่มขืนลูก อันนี้มันเป็นผลกระทบที่ทำให้เราเชียงใหม่อารยะกระทบกระเทือนมากนะครับ ว่าเราเป็นองค์กรแบบนี้ต้องยุบองค์กรมั้ย เพราะว่าประธานของคุณไปทำความชั่วความเลว ดังนั้นเราก็ต้องค้นหาความจริง ดังนั้นเราจึงต้องค้นหาไอ้สิ่งนี้ว่าพวกนั้นล่ะ ตระกูลที่เอาเด็กคนนี้ไปเป็นใครไง มันจึงต้องต่อความยาวสาวความยืดกันไป แล้วก็ได้ค้นพบแล้วล่ะว่าอ๋อมันมีเรื่องนี้”

“แล้วผมก็ยังเชื่อในทฤษฎีว่าถ้าหากใครคนนึงหลงผิดถึงขั้นที่รุนแรงมันรักษาได้ในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้เขาหลุดออกมาจากกับดักอันที่เขากำลังถูกกักขังอยู่ อันนี้เป็นประเด็นของผม ปัจจุบันมีสองสายความเชื่อ สายนึงบอกว่าเด็กคนนึงอาจจะโดนของไม่ดี อาจจะโดนน้ำโกเต็กเอามาต้มให้ดื่มอะไรอย่างนี้ แต่ผมเชื่อในสายวิทยาศาสตร์ ที่ว่ามีการครอบงำในจิตวิทยาหมู่ คล้ายๆ กับคุณหมอคนนึงกับนักศึกษาคนนึงในอดีต แต่ความเชื่อของเราตรงกัน และความเชื่อมาประสานกันว่า อย่างไรก็ตามเราไม่อยากเห็นเด็กก้าวร้าวต่อบุพการี เพราะมันทำลายวัฒนธรรมของชาติโดยรวม”

ปัดกระแสข่าวลือที่ว่าที่ต้องออกมาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ เพราะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “ปุ้ม ไกรสร” เผยคนทุกเพศสามารถทำงานร่วมกันได้ทั้งนั้น

“คนเราที่เป็นเกย์ไม่จำเป็นหรอกที่จะช่วยงานผู้ชายไม่ได้ หรือผู้หญิงจะช่วยงานผู้ชายไม่ได้ หรือทอมช่วยงานผู้หญิงไม่ได้ คือทุกอย่างเราอยู่ในสังคมเดียวกัน ขอให้เราคิดว่าเราเป็นมนุษย์เหมือนกัน ขอให้มนุษย์คนนั้นมีความตั้งใจดีอยากจะช่วยงานสังคมเป็นเพศไหนก็ช่วยได้ทั้งสิ้น แล้วผมเองกับคุณไกรสรก็รู้จักกันในฐานะที่ทำงานร่วมกัน แล้วก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าเราจะต้องไปช่วยเขา”

การดำเนินการครั้งนี้ “ไกรสร” ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือขอร้องให้ทำ แต่ตนทำเอง

“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณไกรสร เพราะผมบอกแล้วว่าคุณไกรสรจะขอร้องให้ผมมาหรือไม่มาผมก็ไม่ฟัง เพราะผมถือว่าคุณไกรสรก็คือผู้ชายคนนึง ซึ่งเขาจะมีบาดแผลหรืออะไรหรือเขาจะวิเศษวิโสหรือจะเลวทรามต่ำช้าไม่เกี่ยว แต่วันนี้ถ้าเกิดคุณไกรสรถูกพิสูจน์ได้ว่าคุณตุ๋ยลูกคุณหรือล่วงละเมิดลูกคุณ คุณไกรสรก็เข้าคุก”

“แต่ในกรณีวันนี้ถ้าไม่ใช่ลูกเพชรที่เป็นลูกคุณพุ่มพวงราชินีคนดัง และไม่ใช่ลูกคุณไกรสรซึ่งเป็นพระเอกหนังในอดีต ผมว่าวันนี้คงไม่มีนที วันนี้คงไม่มีกลุ่มแฟนพุ่มพวงเพราะว่ามันไม่เป็นประเด็น แต่เนื่องจากว่าคุณเป็นคนดัง คุณจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ คุณไกรสรคุณก็ต้องได้รับการตรวจสอบ คุณลูกเพชรคุณก็ต้องได้รับการตรวจสอบ ใครที่ดูแลลูกเพชรอยู่คุณก็ต้องได้รับการตรวจสอบ เหมือนผมคุณก็กรุณามาตรวจสอบ ว่าคุณนทีเนี่ยทำอะไรมาบ้าง เชิญตรวจสอบครับ”

พร้อมกันนี้ยังนำหลักฐานคือกระดาษก็อปปี้ข้อความในอีเมล์คนที่อ้างว่าเป็น “เพชร” ซึ่งข้อความนั้น “น้ำอ้อย” เป็นคนส่งมาหา โดย “นที” กล่าวว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ได้ว่า “น้ำอ้อย” โกหกมาตั้งแต่ต้น

“คือผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ ผมเรียนปริญญาเอก ดังนั้นทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลพิสูจน์ได้ พิสูจน์ซิครับที่นี่(ชี้ไปที่แผนภาพที่เตรียมมา ซึ่งอ้างว่าเป็นที่อยู่ของครอบครัว น้ำอ้อย สมัยอยู่ที่เชียงใหม่) เคยค้าอะไรมันพิสูจน์ได้ เคยขายน้ำมันเหรอ น้ำมันตรงไหนล่ะ ตรงนี้แต่ก่อนขายน้ำมันขายอะไร ขายอะไรมาก่อน ขายมากี่ปีแล้ว มาเลิกตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วตัวน้องเพชรเองถ้าแน่จริงขอให้มาเจอ หมอกัมปนาถ ได้มั้ย หมอกัมปนาภ ตันสิถบุตร ที่ดูแลคุณจิตลดาที่เอามือไปจ้วงๆ เด็กน่ะ เอาสิพิสูจน์กันเลย เงินทองไม่เป็นไรเดี๋ยวเราหาบริจาคกันได้ ถูกมั้ยถ้ามันจำเป็นต้องดูแลรักษาก็ต้องดูแลกัน”

“อยากจะถามนะว่าถ้าบอกว่าไม่ได้คบกันเป็นแฟน ไปเปิดโรงแรมทำไมที่เชียงใหม่ 3 วัน 3 คืนเปลี่ยน 3 โรงแรม คืนวันศุกร์ไปนอนที่ปางสวนแก้ว คืนวันเสาร์ไปนอนที่กรีน พาร์เลซ คืนวันอาทิตย์ย้ายไปที่เชียงใหม่ออร์คิด คุณกำลังทำอะไรอยู่ เดี๋ยวเรากำลังจะเอารายชื่อมา เพราะชื่อก็หายากมาก ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงประหลาดมาก ประหลาดและอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง ดังนั้นวันนี้กลุ่มเชียงใหม่อารยะไม่ได้มาแค่จะบอกว่าเราเชื่อมั่นในเรื่องของความจริงเท่านั้น แต่เรายังเชื่อมั่นในเรื่องของการพิสูจน์ทราบทางวิทยาศาสตร์ เพราะผมไม่เชื่อเลยว่าอะไรต่างๆ เนี่ยจะลบไปได้ ในกระเป๋าผมมีแชทเลย ตั้งแต่ปี 2540 กว่าๆ เลย”

นที ธีระโรจนพงษ์
น้ำผึ้ง จุฬัมภา สอนสติ
นุช
จูหลิน เอธลิน อัศวภาพล
เผยต้องการให้ “เพชร” พิสูจน์ตัวเองด้วยการเกณฑ์ทหาร พร้อมเผยข้อมูลที่ว่ามีการยัดเงินให้กับสัสดีเป็นจำนวนเงินกว่า 5 หมื่นบาท เพื่อที่ “เพชร” จะได้ไม่ต้องเป็นทหาร

“ผมอยากจะเสริมนิดนึงว่ากรณีที่เกิดขึ้น เราไม่รู้จะหาทางอย่างไรเพื่อให้เด็กคนนึงได้หลุดออกมาจากกรอบของการถูกครอบงำ ผมคิดว่ามันมีการครอบงำจริง ผมคิดว่าเส้นทางนึงนั่นก็คือการรับใช้ชาติเป็นทหาร การที่เราเป็นผู้ชายไทย ผมก็เรียนรด.นะครับ ผู้ชายไทยเนี่ยถึงแม้ว่าเราจะเนรคุณ อกตัญญูต่อบุพการี แต่ถ้าเรารับใช้ชาติ ผมว่าความสง่างามมันกลับคืนมาอย่างน้อยมันก็ทดแทนไปได้ในระดับนึง”

“ดังนั้นข่าวลือที่บอกว่ามีการเรียกเงิน 5 หมื่นบาทเพื่อแลกกับการที่ผู้ชายคนนึงไม่ต้องเป็นทหาร ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เรายอมไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้เราจะไปที่สน.หัวหมาก หรือไม่ก็เขตบางกะปิ ผมก็ไม่รู้ตรงไหนแหละ ที่จะไปบอกสัสดีผู้เกี่ยวข้องว่ากระแสข่าวลือนั้นเราไม่เชื่อ และเราหวังว่าท่านคงไม่ทำให้สถาบันกองทัพไทยเรามัวหมองนะครับ”

“ขอเชิญลูกเพชรเข้ามาเป็นทหารด่วนเลย เพราะว่าถ้าเป็นทหารแล้ว ลูกเพชรฝึกเรียบร้อยออกมาแล้วอย่างดีจากค่ายทหารจะไปอยู่ตรงไหนไม่มีใครเขาว่าแล้วครับ ไปเรียนรู้ชีวิตและผมเชื่อว่าทหารจะช่วยได้ เป็นคำตอบที่ดีและทุกคนไม่บาดเจ็บเลย ลองถามสิว่าคนที่ดูแลเพชรอยู่ปัจจุบันนี้เห็นด้วยมั้ย ทำไมถ้าไม่เห็นด้วย ถ้าเห็นด้วยกรุณาอย่าได้ย้ายนะครับ ผมไปสืบมาแล้วนะครับ พันตรี บัณฑิต จันทร์อ่อน ให้มาแล้ว ผมมีหลักฐานด้วย ย้ายตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 52 ย้ายมาเพื่อเตรียมการ”

“และผมก็ได้ข่าวมาจากแฟนพุ่มพวงท่านนึงที่มอบเงินมอบทองให้กันเยอะแยะ แล้วตอนนี้บอกว่า 5 หมื่นรับปากว่าจะมอบให้เพื่อที่จะไปเสียทหาร อย่านะครับ อันนี้เสียหายประเทศชาติล่มจมล่มสลายนะครับ ไม่ได้นะครับ เตือนไว้อย่างนี้ครับ เราไม่หยุดนะครับ ไปต่อนะครับ”

โดยสิ่งที่จะดำเนินการต่อจากนี้ “เกย์นที” เผยว่าจะรอฟังคำตอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม “นายธีระ สลักเพชร” ว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร รวมไปถึงการจะให้ “เพชร” เข้ารับการเกณฑ์ทหารให้ได้

“ต่อไปนี้ก็คือต้องการฟังเสียงของท่าน ธีระ สลักเพชร ว่ากรณีที่เห็นเทียนรูปองคชาติท่านทำดีมากผมตบมือให้เลย หรือ คุณลัดดา ตั้งสุภาชัย (ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม) อยู่ไหน เห็น ทาทา ยัง เห็นใครโป๊ๆ เปลือยๆ ท่านทำดีมาก แต่เห็นลูกอกตัญญูด่าทอพ่อ ด่าทอยาย ด่าทอน้า ลุง ท่านทำไมเงียบ เพราะฉะนั้นก็ต้องไปดูเรียกมาตักเตือนสิว่าด่าอย่างนี้มาอยู่กับใคร ใครดูแลอบรมสั่งสอน สั่งสอนมาแล้วทำไมด่าอย่างนี้ นิวาสถานบ้านเขาอยู่ไหน บ้านคนที่อบรมสั่งสอนเนี่ยอยู่ไหน”

“ต่อไปก็คือเรื่องกรณีการเป็นทหาร ว่าชายไทยต้องรับใช้ชาติสูงสุดแล้ว เพราะฉะนั้นขอความกรุณามารับใช้ชาติเถอะทุกฝ่ายจะได้สบายใจ เมื่อออกจากการเป็นทหารแล้วท่านจะดำเนินชีวิตยังไงของท่านไม่มีใครเขากล้าว่าท่านอีกต่อไปแล้วนะครับ”

พร้อมกันนี้ยังเผยว่าอยากให้เรื่องราวจบโดยที่ให้ “เพชร” มาตรวจสภาพจิตกับหมอที่ตนต้องการ ซึ่งตนก็พร้อมให้ตรวจ “ปุ้ม ไกรสร” และตัวเองด้วยเพื่อความบริสุทธิ์ใจ

“ผมเองในฐานะเป็นเลขาธิการเชียงใหม่อารยะ ถ้าอยากให้จบกรณีน้องเพชรเนี่ยนะ ผมมองข้ามช็อตไปไกล ผมมองว่าผมต้องขอเชิญจิตแพทย์ 3-4 ท่านมาช่วยกันเพื่อเช็คให้แน่ใจเลยว่าน้องคนนึงเป็นอะไรหรือไม่อย่างไร หมอที่ผมระบุชื่อเลยคือ 1 หมอกัมปนาถ ตันสิธบุตรกุล หมอคนที่ 2 ก็คือ คุณหมอไพรัตน์ พุสชาติคุณากร หมอคนที่ 3 คือ คุณหมอปริทัศน์ ศิลปกิจ คุณหมอคนที่ 4 คือ คุณหมอสุกมล วิภาวีพลกุล ขอความกรุณาคุณหมอผู้กล้าหาญทั้งหมดทั้ง 4 ท่านมาช่วยดูน้องเพชร”

“ขอให้น้องเพชรกรุณาเดินเข้ามา เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวพวกเราคนที่รักน้องเพชร แฟนพุ่มพวง เชียงใหม่อารยะจะช่วยกันบริจาค ถ้าน้องเพชรเป็นปกติ 100% ส่งคืนเลย น้องเพชรอยากจะเลือกอยู่ตรงไหนอยู่ แต่ถ้าน้องเพชรเป็นโรคจิตหลงผิดจริง ขอความกรุณาดูแลรักษา เราไม่ต้องการสูญเสียเด็กของชาติ เราไม่ได้บอกว่าเขาเป็นอะไรนะครับ แต่เราต้องการท้าพิสูจน์ความจริง โดยใช้หลักความจริงเป็นหลักเป็นเกณฑ์ในการดำเนินการ”

“ไอ้เรื่องคุณไสยที่บอกว่าต้มน้ำโกเต็กให้ดื่มอะไรนี่ผมไม่ได้เชื่อ แต่มีกระแสบอกว่าเชื่อ อยากเอามาให้ลอดผ้าถุงแม่ เอามาให้ลอดผ้าถุงยายแล้วจะหาย ผมคิดว่าอยู่ในผ้าเหลืองยังไม่หายเลย เพราะฉะนั้นอย่าไปลอดอะไรอีกเลย มาอย่างนี้ดีกว่า หมอโรงบาลมนารมย์ก็มี โรงบาลสวนกรุงก็มี พิสูจน์ทราบกันเลย เอาคุณไกรสรมาด้วย เอาคุณไกรสร เอาลูกเพชร แล้วก็เอานทีมาเลย 3 คนว่าคนไหนเป็นโรคจิตหลงผิด คนไหนเป็นอะไรกันแน่ พิสูจน์กันแบบนี้ แล้วก็พิสูจน์ทางจิตกันไปเลย”

ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว “พุ่มพวง 2” หรือ “น้ำผึ้ง จุฬัมภา” ได้กล่าวว่าไม่มีการเตี้ยมกันมาก่อน และไม่มีใครอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น แต่ที่ต้องออกมาเพราะ "พุ่มพวง" มาเข้าฝันบอกว่าเพชรจะตกนรก จึงทนไม่ได้อยากเตือนให้หลานกลับใจ

“ไม่มีการเตี้ยมค่ะ คือน้ำผึ้ง จุฬัมภา เป็นนักร้องที่เอาเพลงของคุณผึ้งมาร้อง เป็นพุ่มพวง 2 ค่ะ แล้วตลอดเวลาฝันถึงพุ่มพวงตลอดนะคะ แล้วกับตัวลูกเพชรก็รู้สึกจะเป็นแม่ลูกบุญธรรมกันด้วย เคยคุยกันนะคะ แล้วก่อนที่จะออกอัลบั้มกับอาร์เอสก็เคยบอกลูกว่า ถ้าลูกยังอยู่ในสภาพนี้ภาพพจน์ลูกเสีย มันเป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะดัง ลูกต้องบวชแล้วก็กราบขอโทษพ่อให้พ่อให้พรถึงจะเป็นไปได้ และก็รวมไปถึงเขียนไดอารี่ให้ลูก ไดอารี่ยังอยู่รึเปล่าไม่ทราบ”

“วันนี้เรื่องมันบานปลายมาก จนคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ มาเข้าฝันบอกว่าลูกจะตกนรก ทนไม่ได้กับการที่เห็นน้องเพชร(เสียงสั่น น้ำตาคลอ) เป็นคนอย่างนี้ มันก็ไม่สายนะ องค์คุลีมารฆ่าคนเท่าไหร่ ตัดนิ้วคนเท่าไหร่เขากลับเนื้อกลับตัวได้ วันนี้แม่ไม่ได้มาสู้กับลูก ไม่ได้มาด่าว่าลูก แต่อยากจะบอกลูกว่าลูกทำผิด ไม่ถูก กลับตัวใหม่ แม่รอให้กำลังใจลูกเสมอ”

“แล้วเรื่องยายร้องไห้ทำได้ยังไง ไปขอโทษยายซะ แล้วก็ที่วัดลูกเป็นพระ ลูกไม่มีสิทธิจะโมโหอย่างนั้นเลยในวัดเนี่ย วัดเสื่อมหมด แล้วน้าๆ ร้องเพลงทุกวันนี้ งานมีบ้างไม่มีบ้างหากินเลี้ยงยายนะ ลูกควรจะกลับมาเป็นผู้นำของครอบครัว นำน้า นำยาย นำพ่อ นำแม่หากิน อยากให้ลูกเพชรกลับมาเป็นคนของสังคม ของครอบครัวของเราค่ะ”

“เรื่องนี้อยากให้จบโดยน้องเพชรออกมาขอโทษแฟนเพลง ขอโทษยาย น้าและพ่อ กลับตัว และรวมถึงน้ำอ้อยด้วยนะลูก น้ำอ้อยโดยส่วนตัวเท่าที่คุยกันน้ำอ้อยก็รักแม่ดีมากนะ ไม่ได้เหยียด มานี่ไม่ได้มาสู้กับลูก อ้อยก็กลับตัวได้ เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกเดินได้ สังคมให้อภัย ครอบครัวเรายินดีต้อนรับ ขอให้กลับตัว”

หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ ทั้ง “เกย์นที” และ “กลุ่มแฟนเพลงพุ่มพวงรักกตัญญู” ได้มอบจดหมายคำร้องให้กับ “นางลัดดา ตั้งสุภาชัย” ซึ่งมาเป็นตัวแทนของ “นายธีระ สลักเพชร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่ง “นางลัดดา” ได้กล่าวว่า จริงๆ วันนี้ตนติดประชุมเรื่องสำคัญกว่านี้มาก แต่ก็ขอรับเรื่องไว้แทนเพื่อส่งต่อให้รัฐมนตรี “ธีระ” ต่อไป

“จริงๆ วันนี้พี่มีประชุมนะคะ แต่นี่มันเลยมาแล้วครึ่งชั่วโมงที่พี่ขึ้นมาเนี่ย แล้วมันเป็นประชุมเรื่องพุทธศาสนาเหมือนกัน เดี๋ยวพี่ต้องรีบเข้าประชุม ฉะนั้นวันนี้พี่ก็ทำหน้าที่เป็นผู้รับจดหมายให้กับท่านรัฐมนตรี เพราะเมื่อกี้พยายามจะให้ไปพบท่านปลัด ท่านปลัดก็ติดประชุมสำคัญเหมือนกัน พี่ก็จะทำหน้าที่รับจดหมาย แต่ความคิดเห็นคงไม่มีนะคะ เพราะว่าจดหมายนี่เดี๋ยวท่านรัฐมนตรีได้อ่าน ท่านก็คงจะวินิจฉัยว่าจะทำอย่างไร พี่ก็ทำหน้าที่ของพี่ เป็นไปรษณีย์รับจดหมาย”

ซึ่งขณะนั้น “เกย์นที” พยายามที่จะขอความคิดเห็นจาก “นางลัดดา” ในเรื่องนี้ แต่ก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่เรื่องของตน จึงไม่มีความคิดเห็น

“คือเรื่องนี้มาพบท่านรัฐมนตรี คุณนทีต้องเข้าใจพี่นะ มาพบท่านรัฐมนตรี และพี่ไม่สามารถที่จะก้าวร่วมระดับนโยบาย เดี๋ยวพี่จะมีความเสียหายเหมือนกัน ไม่ได้กลัว แต่โดยมารยาทแล้วพี่ไม่ควรทำอย่างยิ่งนะคะที่สำคัญ และท่านรัฐมนตรีไม่ได้หนีไปไหนหรอก ท่านประชุมครม.อยู่ วันนี้มีประเด็นเรื่องพระราชบัญญัติภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ แล้วพี่ก็เป็นประเด็นสำคัญ กำลังพูดในเรื่องของที่เอาพุทธศาสนาเป็นพุทธพาณิชย์อีกห้องนึงรอพี่ครึ่งชั่วโมง พี่คิดว่าอันนั้นน่ะ มันใหญ่กว่าอันนี้ มันเข้าภาคใหญ่มากนะคะ แล้วก็มันเสียหายระดับประเทศกับนานาประเทศ แล้วพี่ทิ้งมาครึ่งชั่วโมงนะคะ ทีนี้พี่จะขออนุญาตรับจดหมาย แล้วก็เดี๋ยวพี่ขออนุญาตไปประชุมเลย”

“ด้านคำตอบเดี๋ยวพี่จะนำเรียนท่านรัฐมนตรี ซึ่งท่านรัฐมนตรีจะวินิจฉัยไม่ใช่พี่นะคะ พี่ไปตอบแทนไม่ได้ทั้งหมดเลยจริงๆ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ ถ้าสมมติคุณนทีเอามาให้พี่ว่าเรียนพี่ลัดดา พี่ก็จะบอกว่าโอเคพี่จะทำอะไรให้คุณได้บ้าง แต่นี่คุณนำเรื่องถึงท่านรัฐมนตรี เป็นระดับนโยบายกระทรวง และคุณนทีก็ยังตอกย้ำว่าท่านรัฐมนตรีก็ได้ดำเนินการในเรื่องของเทียนพรรษาที่ผ่านมา ฉะนั้นถ้าถึงท่านรัฐมนตรีพี่จะไปแตะต้องไม่ได้โดยราชการนะคะ”
กุ้ง


ลัดดา ตั้งสุภาชัย
กำลังโหลดความคิดเห็น