“ตั๊ก” มึน ไม่รู้เรื่อง “เป้ย” ถอนตัวไม่เล่นหนังอีโรติกให้ เหตุรับไม่ได้ที่ต้องเล่นบทเลิฟซีนร้อนแรง เจ้าตัวแย้ง คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เนื่องจากบทก็ยังเขียนไม่เสร็จ แจง แต่ถึงจะหวือหวาก็อยู่ในลิมิตที่คนไทยรับได้ พร้อมบอก ไม่ทำอะไรชุ่ยๆ ให้เสียถึงตระกูลแน่นอน ก่อนเปรย บทตรงกับสาวเป้ยมาก
มีอุปสรรคมากมายซะเหลือเกิน สำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกของ “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” กับภาพยนตร์อีโรติกเรื่อง “ความรักในอีกความรู้สึก” ที่วางตัวไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าคนที่จะมารับบทนำคือสาว “เป้ย ปานวาด เหมมณี” แต่จู่ๆ สาว “เป้ย” กลับออกมาประกาศถอนตัว เหตุเพราะรับไม่ได้ในเรื่องของฉากเลิฟซีนที่ต้องโป๊เปลือยแก้ผ้าทั้งเรื่อง
สอบถามไปยังสาวตั๊กเจ้าตัวก็ถึงกับทำหน้างง ก่อนจะชี้แจงว่ายังไม่ทราบเรื่องการถอนตัวดังกล่าว มั่นใจคงเป็นการเข้าใจผิดกัน เนื่องจากบทยังเขียนไม่เสร็จ ส่วนข่าวที่ว่านางเอกทรงโต “กระแต ศุภักษร ไชยมงคล” จ่อคิวเสียบแทนนั้น สาวตั๊กปัดยังไม่ทราบเรื่องเช่นกัน
“จริงๆ ตั๊กไม่ได้รู้มาก่อนเลย ว่าเป้ยเขาปฏิเสธ ตั๊กว่าอาจจะมีการเข้าใจผิดกัน รับรองค่ะว่าไม่มีเรื่องของภาพหวือหวาอะไรที่เกินกว่าที่คนไทยจะรับได้แน่นอน เพราะว่าตั๊กทำเพื่อให้คนไทยได้ดูกัน แล้วตั๊กก็ไม่อยากให้ทางตระกูลตั๊ก ทางคุณพ่อคุณแม่ตั๊กต้องมาเสียหน้า ก็เลยตั้งใจทำงานชิ้นนี้"
"แล้วอีกอย่างหนังตั๊กมีครูนะคะ ตั๊กคิดว่าใครจะเขียนอะไรยังไงก็ควรที่จะให้เกียรติครูบาอาจารย์บ้าง เพราะว่านักแสดงของเมืองไทยค่อนข้างที่จะเคารพครูบาอาจารย์ ตั๊กก็พูดได้แค่ว่าอาจารย์ให้คำปรึกษา เราไม่ได้พูดเอง ไปถามอาจารย์ก็ได้ ตั๊กเองก็ไม่ได้โกหก”
“เท่าที่ทราบคงพลิก ตั๊กเองก็ได้แต่ทำงานแล้ว อีกอย่างก็คือตั๊กว่าถ้าได้ดูตัวภาพยนตร์คงจะทราบกันมากขึ้นว่ามันเป็นแบบไหน จริงๆ แล้วเราไม่ได้คิดว่าเราจะมาทำอะไรให้ใครเสียหาย เพราะว่าตัวตั๊กเองก็เป็นผู้หญิง ก็คงไม่ทำร้ายเพศเดียวกันอย่างแน่นอน ที่สำคัญบางครั้งการที่ไม่ได้คุยกันมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันได้ง่ายขึ้น”
“ตอนนี้ตัวบทเองก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อย คือเราเองทำเกี่ยวกับศิลปะ ค่อนข้างที่จะมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยว บางครั้งตั๊กก็รู้สึกว่าตั๊กไม่มีอารมณ์เขียน การเดินบทองค์ 3 เป็นเรื่องของตอนจบบางครั้งเราก็ต้องตัดสินใจให้ดีว่าเราจะจบแบบไหน”
“คือภาพยนตร์ของตั๊ก ตั๊กจะบอกว่าใครจะพูดยังไงหรือข่าวคราวจะลงว่าเป็นภาพยนตร์ยังไง ตั๊กไม่มายด์หรอก ตั๊กคิดว่าทุกคนคงยังไม่ได้เห็นผลงาน ก็เลยอาจจะคิดไปเรื่อยๆ แต่ว่าถ้าได้เห็นผลงานจริงๆ ก็คงทราบคือตอนนี้เราได้ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต มาเป็นโปรดั๊กชั่นดีไซน์ให้กับภาพยนตร์"
"เพราะว่าภาพยนตร์ของตั๊ก เท่าที่เขียนบทแล้วก็ส่งไปให้ทางมูลนิธิของอ.จักรพันธุ์แล้ว มีเรื่องของรายละเอียดในเรื่องของนางในวรรณคดีมาก อาจารย์ก็ให้คำปรึกษา แล้วอาจารย์เองก็เป็นศิลปินระดับชาติ ก็เลยต้องรอเวลา บางทีเราโทรหาอาจารย์แล้วอาจารย์อาจจะงานยุ่งเราก็จะต้องหยุดบทก่อน เพื่อที่จะเรียนรู้การให้คำปรึกษาของอาจารย์แล้วถึงจะเขียนต่อได้”
“จริงๆ แล้วตั๊กทำเรื่องของบท กับดูแอ็กติ้งนักแสดง ส่วนเรื่องของการดูแลนักแสดงเป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นฝีมือของเขาด้วยว่าเขาจะคัดนักแสดงออกมาได้ตรงกับคาแรกเตอร์ที่ตั๊กเขียนรึเปล่าเท่านั้นเอง เรื่องนักแสดงโดยส่วนตัวคงจะคุยกันในที่ประชุมมากกว่า ตั๊กคงไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้"
"เพราะมันเป็นความลับของทางบริษัท บางครั้งพูดมากไปแล้วผู้ใหญ่บางคนเขาไม่ทราบ เขาก็จะรู้สึกว่าอันนี้ไม่เห็นรู้เรื่องเลย เพราะว่ายังไม่มีการสรุปอะไรใดๆ อันนี้ไม่ใช้หน้าที่ของตั๊กที่จะมาตอบคำถามพี่ๆ พี่ต้องถามพี่ปรัชญา ปิ่นแก้วที่เป็นโปรดิวเซอร์ เขาจะตอบได้ สำหรับตั๊กเขาเองก็ไม่ได้ให้หน้าที่นี้กับตั๊กด้วย”
“เรื่องของภาพยนตร์จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ถ้าจะทำให้ออกมาดีๆ ก็ต้องใช้สติแล้วก็ปัญญานิดนึง บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรให้มันเป็นกระแส แล้วออกมาแบบชุ่ยๆ คือมันก็จะมีวิธีของคนที่ทำภาพยนตร์จริงๆ”
บอกสาว “เป้ย” ตรงที่สุดกับบทที่ตนได้เขียนไว้ ส่วนกับข่าวลือที่สาว “กระแต” จะมาเสียบแทนในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนั้น เจ้าตัวยังไม่ทราบเรื่อง และไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของตน
“จริงๆ แล้วเป้ยเป็นผู้หญิงที่เหมาะกับภาพของอาจารย์ เพราะภาพแต่ละภาพที่อาจารย์เอาออกมาให้ดูหรือว่าภาพที่อาจารย์ได้วาดขึ้น เป้ยหน้าเหมือนมากนะคะ อันนี้พูดตามความเป็นจริง ผิวพรรณต่างๆ ด้วยตาด้วยปากด้วยจมูกอะไรแล้วเป้ยเหมือนมาก"
"ส่วนไอ้เรื่องของการจัดระบบของหนังให้ดูดีมันเป็นเรื่องของทางทีมงาน คือเป้ยจะเป็นแบบนี้ซึ่งตั๊กมองว่าโอเคแล้ว แล้วได้เป้ยมาก็โอเคแล้ว ข่าวจะออกมายังไงตั๊กไม่ทราบ รู้แต่ว่าเราทำงานของเรา ตั๊กตอบได้แต่หน้าที่ของตั๊ก คือตั๊กได้อ.จักรพันธ์มาก็เลยทำให้บทมันช้าออกไปอีกหน่อย”
“เรื่องที่มีข่าวว่ากระแตจะมาเสียบแทนเรื่องนี้ตั๊กเองก็ไม่ทราบ รู้แต่ว่าตั๊กก็เขียนบทแล้วเราเองก็ปรึกษาอาจารย์ได้แค่วันจันทร์-พุธแล้วก็จะส่งบทที่ได้ปรึกษาอาจารย์ให้อาจารย์ดูครั้งสุดท้ายที่มูลนิธิของอาจารย์แค่นั้นเองนี่คือหน้าที่หนู”
“ถามว่าถ้าเป็นกระแตแล้วมันจะคล้ายกับที่ตั๊กจินตนาการไว้ว่าเป็นเป้ยไหม อันนี้ไม่มีความคิดเห็นค่ะ คือทุกอย่างทำคนเดียวไม่ได้ ทุกอย่างต้องเริ่มมาจากร่วมด้วยช่วยกัน คือไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหนแต่ยังไงก็ยังคงมีความเป็นวัฒนธรรมแน่นอน ตกลงเชื่อได้”