xs
xsm
sm
md
lg

“เตชินท์” จูบปาก “ครูปิ่น” สยบข่าวอกตัญญู ด้านครูปิ่นออกตัว ไม่ใช่คนปล่อยข่าวเรียกร้องความสนใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หนุ่มเตชินท์
นักร้องหนุ่ม “เตชินท์” ฟุ้ง เคลียร์ “ครูปิ่น” แล้ว บอกข่าวอกตัญญูแค่เรื่องเข้าใจผิด แล้วตอนนี้ครูเพลงก็เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี ด้านครูปิ่น ยิ้มออกลูกศิษย์คนโปรดกลับมาเป็นคนเก่า โทร.หาเรียกป๊าเหมือนเดิม ยันไม่ใช่คนปล่อยข่าวเพื่อเรียกร้องความสนใจ ออกปากเข็ด ต่อไปต้องจับเด็กเซ็นสัญญาป้องกันไม่ให้ซ้ำรอย

เคยตกเป็นข่าวเนรคุณครูสอนร้องเพลง ที่เป็นคนผลักดันเข้าวงการ จนต้องออกตั้งโต๊ะมาแถลงข่าวเป็นการด่วน สำหรับนักร้องหน้าใหม่ค่ายแกรมมี่ “เตชินท์ ชยุติ” ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมายืนยันอีกครั้ง ว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ซึ่งตอนนี้ก็ได้ปรับความเข้าใจกับ “ครูปิ่น ปิ่นศิริ ศิริปิ่น” ครูผู้ปลุกปั้นสอนร้องเพลงให้ก่อนจะเข้าวงการ เป็นที่เข้าใจกันดีแล้ว ด้านครูเพลงช่วยยันอีกแรง ไม่ได้เจ็บแค้นอะไรหนุ่มเตชินท์แม้แต่น้อย ที่ผ่านมาแค่น้อยใจที่ลูกศิษย์เปลี่ยนไปไม่เอาใจใส่เหมือนเดิมเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมาเป็นคนเก่าแล้ว

“กับป๊า(ครูปิ่น)ก็คุยกันบ้างครับ ป๊าก็ให้กำลังใจมา บอกว่าถ้าอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องจริงก็ไม่ต้องไปซีเรียส แล้วเตก็ได้กำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ครับ พี่ๆ ทีมงาน แฟนคลับทุกคนครับ ทำให้ผมมีกำลังใจ อีกอย่างนึงผมยังมีลูกฮึดในตัวอยู่บ้าง(หัวเราะ) เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนแรกที่ข่าวออกมาผมก็รู้สึกเสียใจนะครับ เพราะตัวผมเองก็ยังอึ้งเหมือนกัน ผมอยากให้ทุกคนมองที่เนื้องาน มองที่การทำงานในความตั้งใจที่ผมอยากให้ทุกคนได้มีความสุขกับเสียงเพลงของผม”

ด้านอดีตคู่กรณีอย่าง “ครูปิ่น” ก็เผยว่าดีใจที่ลูกศิษย์คนโปรดได้เป็นนักร้องสมใจ และอยากให้เรื่องทุกอย่างที่ผ่านมานั้นจบไป

“ข่าวเกาเหลาก็ไม่มีอะไร เป็นข่าวที่ไม่แน่ใจว่ามาได้ยังไงนะครับ แต่ก็คงเห็นแล้วว่าน้องเขามีความสามารถ และความสัมพันธ์ก็อย่างที่เห็น น้องเขาก็ยังเรียกป๊าอยู่ จริงๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่น้องเขาแถลงข่าวก็บอกแล้วว่าป๊าไม่อยากไปนั่งด้วย เพราะว่าเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็อยากให้ทุกอย่างจบ”

ปฏิเสธข่าวเป็นคนปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงหนุ่มเต แต่ยอมรับว่าเคยหลุดปากพูดว่าน้อยใจที่นักร้องหนุ่มไม่ค่อยเอาใจใส่เหมือนก่อน จนอาจจะทำให้คนเข้าใจผิดไป

“ถ้าคิดว่าโรงเรียนเป็นคนทำ มันแรงไปนะ มันไม่คุ้มกับภาพที่ออกมา เพราะว่าถ้าในความคิดของผม ถ้าข่าวนี้ออกมาคนก็ต้องพุ่งความคิดไปที่ 2 แห่งคือโรงเรียนทำหรือไม่ก็บริษัททำ แต่ผมมองว่าเลือกข่าวอื่นดีกว่า ข่าวนี้ไม่คุ้ม”

“กระแสที่มีกระทบกลับมาทางผมก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่นักข่าวก็จะรู้อยู่แล้ว เพราะว่าเป็นคนดูแลเขามาตั้งแต่แรก เพียงแต่ว่านักข่าวรุ่นหลังๆ อาจจะไม่รู้ ก็เลยไปตีความคาดเดาเอา ว่าไม่เห็นไปไหนด้วยกันประมาณนั้นรึเปล่า ก็คืออาจจะเป็นไปได้มีบ้าง ที่บางครั้งผมไปออกงานแล้วมีคนถามถึงเขาอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับว่าทำไมไม่เห็นเตชินท์มาด้วย”

“บางครั้งเราก็อาจจะพูดด้วยความน้อยใจ ว่าเขางานเยอะ ยังไม่ค่อยเจอ มันก็กลายเป็นอย่างนั้นไปก็ได้ คิดว่านะ เพราะในช่วงแรกๆ ก็มีกระแสอย่างนั้นนานแล้ว และมันก็เงียบไปนานแล้ว และกระแสมันก็กลับมามีตอนที่กำลังจะเปิดอัลบั้มก็เลยไม่แน่ใจว่าคนไปมองอย่างนั้นรึเปล่า แต่จริงๆ มั่นใจได้ว่าทางเราไม่ได้ทำแน่ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง”

ยืนยันว่าตอนนี้ไม่มีอะไรติดใจกันแล้ว และนักร้องหนุ่มก็โทรหาปกติ แต่ก็รับว่าน้อยลง เพราะด้วยงานที่เพิ่มมากขึ้น ตนก็ทำความเข้าใจได้ แต่ต่อไปนี้เด็กๆ ที่ดูแลอยู่คงจับเซ็นสัญญาหมด หวั่นมีปัญหานี้เกิดขึ้นอีก

“ตอนนี้น้องก็มีโทรคุยตามปกติ แต่ว่ามันก็จะไม่มากเท่าเดิม เพราะเราก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องการทำงาน และเขาก็โตขึ้น แล้วเขาก็มีแกรมมี่ดูแล แล้วก็ยังดัชชี่ดูแลด้วย ส่วนของผมก็ไม่ติดใจอะไรเลย เพราะว่าเขายังสม่ำเสมอ เขาก็เรียกเราว่าป๊า เขามีอะไรเขาก็โทรมาบอก”

“ไม่ได้น้อยใจอะไรแล้วครับ เพราะเขาก็ประสบความสำเร็จเราก็ยินดีอยู่แล้ว มันก็เหมือนกับว่าเราสร้างอะไรขึ้นมาแล้วไปได้ดังที่เราต้องการก็มีความสุขแฮปปี้ดี ก็อยากให้เขาดังไปเรื่อยๆ แต่กับน้องๆ ที่อยู่กับผมตอนนี้คิดว่าคงไม่น่ามีอะไรอย่างที่เกิดขึ้นแล้วล่ะ เพราะว่าเราเริ่มทำเป็นระบบ คืออย่างน้องเตชินท์ทำในลักษณะที่ผูกพันส่วนตัว ความรัก ความถูกชะตา ความชอบ แต่สำหรับน้องใหม่ๆ เพื่อไม่ให้มีปัญหาในลักษณะเดิม เราก็ทำกันชัดเจนว่าจะมีการเซ็นสัญญาเพื่อเป็นระบบ”

“คือจริงๆ แล้วไอ้เหตุการณ์นี้มันไม่ใช่เป็นปัญหา เพราะว่าเราไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาอยู่แล้ว คือเราไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ เปอร์เซ็นต์อะไรอยู่แล้ว เราต้องการแค่ให้เขาได้ทำตามที่เราอยากให้เป็น คือเหมือนเป็นตัวแทนเรา แต่ก่อนเขาก็ใช้นามสกุลเราด้วย ก็มีประเด็นนี้เกิดขึ้นมาด้วย ว่าทำไมพอดังแล้วไม่ใช่นามสกุล ศิริปิ่น อะไรแบบนี้”

“เราก็บอกตรงๆ ว่าจริงๆ แล้ววิธีการเอาเข้าวงการ ถ้าใกล้ชิดขนาดว่าเป็นเหมือนลูกเป็นเหมือนหลานมันก็จะง่ายขึ้น คนในสังคมจะค่อนข้างชัดเจนว่าสัมพันธ์กับเรามาก แต่พอเขาเข้าวงการได้แล้ว เราก็ตามสบาย คือสบายๆ ว่าเขาอยากจะใช้นามสกุลเขาตามปกติ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ความดูแลกัน ความยังมีใจถึงกันก็ยังมีเป็นเรื่องแบบเก่า อาจจะน้องลงบ้างเป็นความธรรมดาของการทำงาน”

ครูปิ่น ครูผู้ปลุกปั้นมากับมือ
กำลังโหลดความคิดเห็น