“แบม-โบ๊ท” วิวาห์หวาน เจ้าสาวเปิดใจ วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคนที่เพียบพร้อมจะอยู่เคียงข้างตลอดเวลาแบบนี้ ด้านเจ้าบ่าวฟุ้ง ภรรยาดูแลดีเหมือนมีแม่พลอยอยู่ในบ้าน ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งมีความสุข ย้ำ อยากมีลูกทันที
หลังจากได้หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา วันนี้ “แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์” ก็ได้ควงเจ้าบ่าว “โบ๊ท บุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์” จัดพิธีฉลองมงคลสมรสพระราชทานเป็นที่เรียบร้อย ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ท่ามกลางแขกเหรื่อทั้งในวงการการเมือง แวดวงธุรกิจ และบันเทิง ทยอยมาร่วมแสดงความยินดี อาทิ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ อดีตผู้ว่ากทม. อภิรักษ์ โกษะโยธิน ส่วนสายบันเทิงก็มี อดีตน้องเขย ฟลุค เกริกพล มัสยวาณิช, แก้ว ซาซ่า หรือ จรีนา สิริสิงห และ เข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร โดยมี ฯพณฯท่าน บรรหาร ศิลปอาชา เป็นประธานในพิธี
ภายในงานถูกประดับประดาตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวทั้งงาน ทั้งนี้ด้วยความที่เจ้าบ่าวเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก เจ้าสาวก็เลยทำของชำร่วยเป็นกล่องใส่นามบัตรดีไซน์เป็นรูปหนังสือ โดยมีข้อความบนหน้าปกหนังสือว่า “ความรักเราเป็นเหมือนสายลม ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ตลอดเวลา” ซึ่งเจ้าสาวเป็นคนให้นิยามนี้ว่า ความรักเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ทุกวัน แต่เป็นความรักที่เราสามารถสัมผัสได้ทุกๆ วัน
ซึ่งก่อนที่พิธีการต่างๆ จะเริ่มขึ้นในช่วง 18.30 น. “แบม” ได้เกี่ยวก้อยเจ้าบ่าวออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ถึงความรู้สึกในวันที่เข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รวมไปถึงความรู้สึกหลังได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาแล้ว 2 สัปดาห์ ซึ่งทั้งคู่บอกว่าต่างก็สร้างความประทับให้กันและกันเป็นอย่างมาก
แบม “ท่านก็รับสั่งสั้นๆ กระชับ ว่าให้เราทั้งคู่รักกันนานๆ และครองรักกันด้วยความเข้าใจ”
โบ๊ท “โดยสั้นๆ ท่านก็บอกว่าให้ความเข้าใจซึ่งกันและกัน และก็ใช้ความอดทน”
แบม “วันนี้เป็นการจัดงานที่ต่อเนื่อง ที่เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ท่านได้ทรงโปรดเกล้าประกอบพิธีสมรสพระราชทาน เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา ซึ่งท่านสื่อมวลชนคงได้เห็นจากข่าวแล้ว เราเองก็อย่างที่เคยพูดไว้ตั้งแต่งานหมั้น ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เราได้เวลาที่เหมาะสมจากทางผู้ใหญ่ เราก็คงจะรีบจัดฉลองให้เร็ว เพราะเราสองคนก็อายุมากแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากที่เราได้ประกอบพิธีสมรสพระราชทาน เราก็เลยอยากจะให้งานเลี้ยงฉลอง ไม่ล่าช้านัก ก็เลยมาเป็นวันนี้”
“สำหรับรายละเอียดของงานวันนี้ ไม่ได้มีอะไรมาก เราสองคนก็ไม่ได้กำหนดธีมอะไรมาก เพียงแต่ว่าพี่โบ๊ทเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ แบมก็เลยคิดว่าธีมการแต่งงานในครั้งนี้ให้เป็น เดอะ บุ๊ค ออฟ เลิฟ เพราะว่าชีวิตของเราทั้งสองคน ก็คงเหมือนกับหลายๆ คู่ ถ้าจะมองไปแล้วก็คงเหมือนการอ่านหนังสือ แต่ละเล่มซึ่งอาจจะมีรสชาติที่ต่างกัน บางเล่มเริ่มต้นสุขเศร้าเหงารัก ของเราก็เป็น เดอะ บุ๊ค ออฟ เลิฟ เป็นเรื่องราวของเราทั้งคู่ เพราะฉะนั้นธีมในวันนี้เราก็ได้มีของชำร่วย ซึ่งเป็นกล่องใส่นามบัตรกระจุกกระจิกดีไซน์เป็นรูปหนังสือ และเขียนไว้ว่า จณิสตา บุตรรัตย์ และเขียนไว้ว่าความรักเราเป็นเหมือนสายลม ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ตลอดเวลา ก็คือความรักเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ทุกวัน แต่เป็นความรักที่เราสามารถสัมผัสได้ทุกๆ วัน และนี่คือสิ่งที่เราเห็นตรงกัน ก็เลยเอามาเป็นสโลแกนเล็กๆ เขียนไว้บนของชำร่วย”
“ส่วนในงานก็เชิญแขกผู้มีเกียรติ จากหลายๆ แขนง ในส่วนของแบมเองก็เป็นอดีตคนบันเทิง ก็มีคนในวงการบันเทิงบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากนัก เพราะว่าไม่ได้รู้จักคนในวงการบันเทิงเยอะ ไม่ได้เล่นละครก็เลยไม่ได้มีความคุ้นเคยมากนัก ก็เรียนเชิญคนที่สนิทสนมมาในวันนี้ ในวงราชการแบมเองก็เป็นข้าราชการมาก่อน ก็แน่นอนในสายนักการเมือง ก็ได้เรียนเชิญหลายๆ ท่าน จากสภาผู้แทนราษฎร ส.ว. ทางคณะรัฐมนตรีด้วย และในส่วนของพรรคการเมืองหลายๆ พรรคด้วย และคงจะมีญาติสนิทและแขกผู้ใหญ่ สำหรับพี่โบ๊ทเองก็เป็นแขกในสายธุรกิจ และญาติๆ และเพื่อนๆ ท่านประธานในวันนี้ก็เป็น ฯพณฯท่านบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งก็เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของแบม ท่านก็ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานให้เราในครั้งนี้ ในส่วนอื่นๆ ก็เป็นการเลี้ยงทั่วๆ ไป มีคอกเทล มีพิธีการและก็จบงาน”
เจ้าสาวเผย หลังได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตนเป็นแม่บ้านเต็มตัว ส่วนเจ้าบ่าวชมเปราะภรรยาทำอาหารอร่อยทุกอย่าง
แบม “ตั้งแต่ส่งตัว ก็ได้ใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว 2 อาทิตย์ ก็ให้เวลาส่วนใหญ่ในเรื่องของการดูแลอาหาร อย่างที่เคยบอกว่าเราไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะใช้ชีวิตโดยกตื่นเช้ามาเป็นแม่บ้านหุงข้าว ตอนเย็นก็เตรียมอาหาร ตั้งแต่เรียนจบและทำงานไม่เคยได้มีชีวิตอย่างนี้เลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของงานๆ ช่วงที่อยู่้ในวงการบันเทิงก็ทำงาน 7 วันเลย เพราะเป็นพิธีกรอยู่สองรายการ พอมารับราชการก็เหมือนว่าเราพอจะมีช่วงเวลามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ก็ยังทำงาน 7 วันเหมือนเดิม”
“แต่พอมาเป็นแม่บ้านเราได้มีช่วงเวลาที่ว่างจริงๆ ได้ตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร และพี่โบ๊ทเองก็เป็นคนที่ตื่นเช้าจริงๆ 6 โมงเช้าเขาก็ตื่นแล้ว ใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาพอพี่โบ๊ท แบมก็ต้องตื่นมาทำอาหารเช้าให้เขาทาน แต่เขาเป็นคนทานง่าย เราก็เลยเตรียมง่ายๆ พอตอนเย็นก็เตรียมอาหารเย็นให้เขา บางวันตอนกลางวันเขาก็อยากกลับมาทานอาหารที่บ้าน ก็เตรียมให้เขาทานบ้าง”
โบ๊ท “เอาสั้นๆ เลยนะ ผมพอตื่นมาแล้วอยู่กับเขา ก็คิดว่ามีแม่พลอยอยู่ในบ้าน จริงๆ นะ ตัวผมเองรู้สึกชอบหนังสือเล่มนี้มาก แล้วก็ไม่นึกว่าในยุคนี้ และก็ไม่เชื่อ ที่สำคัญเขาทำด้วยความเต็มใจ ไม่เหน็ดเหนื่อย ผมดูแล้วยังเหนื่อยแทน เขาทำกับข้าวอร่อยทุกอย่างเลย ทุกวันนี้ผมอยากจะกินอาหารฝรั่ง ผมอยากจะกินอาหารไทยจีน เขาก็หัดทำหมด มีการก่อนจะให้ทาน ก็จะบอกว่าวันนี้ซอสไม่ครบอะไรแบบนี้ตลอด ซึ่งจริงๆ แล้วผมเป็นผู้ชายผมทานอะไรง่ายๆ ขอแค่ให้อาหารสุกก็พอแล้ว เขาทำอะไรก็อร่อยไปหมด”
หลังจากนั้นทั้งคู่ได้พูดถึงความประทับที่มีต่อกันและกันว่า....
แบม “สำหรับผู้หญิงอายุก็ใกล้เข้าเลข 4 ตอนนี้ก็ 37 แล้ว หลายๆ คนก็จะพูดว่ารอดตายโค้งสุดท้าย(หัวเราะ) หลายๆ คนบอกอย่างนั้นนะคะ แบมคิดว่าเป็นความโชคดี ที่เราสามารถจะเจอใครสักคนที่มีความลงตัว มีความสุข มีความสบายใจ มีความมั่นคง มีความมั่นใจ ได้อยู่กับคนที่เพียบพร้อมที่จะยืนเคียงข้างเรา ซึ่งก็ไม่คิดว่าพี่โบ๊ทจะเดินเข้ามาในชีวิต แล้วก็เป็นคนๆ นั้น วันนี้ก็บอกได้ว่ามีความสุขที่สุดในชีวิต และเป็นความดีใจที่สุดในชีวิตที่มีวันนี้ แต่ในความเป็นภรรยา ก็อยากจะทำหน้าที่ในการดูแลเขา แล้วก็ตั้งใจไว้ว่า ถ้าเกิดเรามีลูกด้วยกัน ก็ไม่อยากให้เขามีความรู้สึกว่า เขาถูกทอดทิ้ง ก็จะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด ก็อยากดูแลเขาให้สมบูรณ์ที่สุดเท่้าที่จะทำได้”
โบ๊ท “จริงๆ แล้วก็ไม่นึกเหมือนกัน ว่ามาถึง 40 แล้ว เพิ่งได้มาเจอแบม เราคบกันมาประมาณ 2 ปี ตอนอายุ 38 ผมเลิกคิดไปแล้วเหมือนกัน อย่างที่เกริ่นไปแล้ว ผมเองจริงๆ ก็ผ่านประสบการณ์มาในระดับนึง สาเหตุที่ยังเ้ลือกใครไม่ได้เลยจริงๆ ไม่ใช่ผมเสปกเยอะ ก็เหมือนผู้ชายทุกคนเราอยากจะได้คนที่หน้าตาดี อีกอันนึงที่สำคัญเลยก็คือนิสัยดีเนี่ย ยังไม่เจอ ที่ไม่เจอไม่ได้หมายถึงคนอื่นเขานิสัยไม่ดี แต่ว่ามันเข้ากันไม่ได้เป๊ะ”
“ซึ่งเคยได้ยินแต่ผู้ใหญ่พูดแล้วเราไม่เชื่อ แต่วันนึงพอมาเจอกับตัวเราเอง ก็ค้นพบว่าเขาเป็นคนๆ นั้น เพราะฉะนั้นผมเองไม่คิดว่าตนเองจะแตกต่างจากคนอื่น หลายๆ ครอบครัวที่เราเห็นเขาอยู่กันนานๆ อันนั้นคือเป้าหมายในชีวิตของผม ที่ผมอยากจะเป็น พอดีผมเจอเขามันลงตัวพอดี เขาคือคนๆ นั้น ผมมองเห็นภาพของเรา ผมก็จะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด แล้วมันเหมือนจุดที่ว่าผมได้เข้าไปอยู่ไปมีครอบครัวกับเขาแล้ว ไม่ได้คบหากันเฉยๆ แล้วก็เป็นการสร้างครอบครัว และถ้ามีลูกเราก็มีหน้าที่ในการเหมือนกับสร้างทรัพยากรใหม่ๆ ให้มีคุณภาพที่ดีเพิ่มขึ้นในสังคม นั่นก็คงจะเป็นอะไรที่เราต้องรับภาระต่อไป”
“เรื่องประทับในตัวเขา สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาคือคนที่ใช่มันไม่มีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ผมว่าโดยทั่วไปแล้วคนเรามักจะนึกว่าเฮ้ยมันจะมีอะไรบางอย่างหรือเปล่า ที่มาตู้มแล้วชนะใจเราได้ ยิ่งคุณใช้ชีวิตหรือมีประสบการณ์ทำงานไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะรู้ว่ามันมีน้อยอย่างที่จะทำให้เราหวั่นไหวได้ เวลาที่เราโตแล้ว จริงๆ แล้วสิ่้งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาใช่ คือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันเกิดขึ้นสม่ำเสมอมากๆ ความจิตใจดีขอบเขา แล้วก็การตัดสินใจของเขา ทั้งในช่วงที่มีความสุขหรือทุกข์ ในยามวิกฤตเป็นตัวที่สำคัญ ผมได้เห็นเนื้อแท้ของเขาจึงทำให้ผมเกิดความมั่นใจขึ้นมาได้เองอย่างไม่น่าเชื่อ”
“เอาง่ายๆ เลยครับ สมมติคนเราคบกันก็ต้องมีทะเลาะกัน อย่างตอนที่ทะเลาะกัน ผมว่าเป็นจุดที่รู้สึกได้เลย เพราะเวลาที่ทะเลาะกันเราไม่รู้สึกโกรธ ถึงขนาดที่จะมองหน้ากันไม่ได้ เดินจากกันไปแป๊บเดียว หันหน้ามามองกันก็หัวเราะได้แล้ว ซึ่งเป็นอะไรที่นึกไม่ถึง ว่าวันนึงจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ อันนั้นก็เป็นอะไรแค่ส่วนนึง ที่เป็นตัวชี้นำสำหรับตัวผมว่านี่คือชีวิตจริงๆ ไม่ใช่ชีวิตในนิยาย เหมือนเจอคนที่สวยหรู แต่เหมือนเจออะไรที่เป็นเรื่องจริง และหลังจากวันนี้ไป มันก็เข้าสู่ความเป็นจริงที่เราจะอยู่กันสองคน หรือว่าจะมีคนที่สามมารึเปล่า”
แบม “คนที่สามนี่หมายถึงลูกนะคะ(หัวเราะ)”
หลังแต่งงานตั้งใจอยากมีลูกให้เร็วที่สุด เผยไปปรึกษาหมอเพื่อเตรียมตัวมาแล้ว ส่วนเรื่องฮันนีมูนอยากไปอิตาลี
โบ๊ท “ในส่วนของเราเอง ก็โดยอายุแล้ว เราก็อยากมีทายาทเลย ก็ไม่รู้จะเสกได้หรือเปล่า ส่วนตัวผมอยากได้สองคน(หัวเราะ) ก็ต้องดูวัยดูอะไรด้วย ถามใจตอนนี้คืออยากมีลูกมาครับ”
แบม “ก็ไปหาหมอ ได้ปรึกษาว่าจะต้องเตรียมพร้อมยังไงในการมีบุตรเพราะว่าอายุมากอย่างที่บอก คุณหมอก็ได้แนะนำมา ที่สำคัญก็คือตรวจเลือด ว่าสองคนเข้ากันแล้วจะมีปัญหามั้ย ซึ่งผลตรวจทุกอย่างก็สมบูรณ์ ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ก็คือรอว่าหลังจากนี้ จะสามารถได้ดังใจที่เราต้องการหรือเปล่า”
“ส่วนเรื่องฮันนีมูน ที่วางไว้อยากไปเที่ยวยุโรป อยากไปอิตาลี แต่ว่าความจริงแล้วอยากไปช่วงหน้าหนาว ก็เลยอาจจะเก็บไว้เป็นปลายปี แต่ว่าหลังจากที่แต่งานงานแล้ว พักผ่อนหายเหนื่อยเล้ว คงจะไปเที่ยวทะเลในไทยก่อน อาจจะไปภูเก็ตเพราะเราชอบ แต่ว่าแต่ละทริปไม่ยาวนัก คงเป็นโอกาสที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามีช่วงเวลานานๆ และถ้าไปได้คงจะไปอิตาลี ยกเว้นถ้ามีน้อง เสกได้ทันใจซะก่อน”
ไม่ปิดกั้นหากภรรยาจะทำงานในวงการการเมืองต่อ
โบ๊ท “จริงๆ แล้ว แบมเป็นคนมีความสามารถมาก ผมคงไม่ปิดกั้นโอกาสเขา แต่เราสองคนต้องยอมรับความจริงในเรื่องของอายุ ตอนนี้เป้าหมายแรกอาจจะมองในเรื่องการมีทายาทก่อน เอาตะรางนั้นให้จบก่อน และเป็นไปตามขั้นตอน และคิดว่าโอกาสมีเข้ามาตลอด และเขาก็เป็นคนมีความตั้งใจสูงมาก คงรอเป็นจังหวะว่าอะไรจะเข้ามา ณ จุดนั้น แล้วก็ตามใจ”
วันนี้เจ้าสาวสวยสง่าด้วยชุดเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็น ตุ้มหูเพชร สร้อยคอเพชร และมงกุฎเพชรที่สวมใส่ สอบถามถึงมูลค่า เจ้าสาวไม่ระบุ บอกแค่อยากทำทุกอย่างให้ออกมาสมบูรณ์แบบ สมกับเป็นวันที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันเท่านั้น
แบม “อันนี้ประเมินไม่เป็นเหมือนกัน (หัวเราะ) จริงๆ ไม่ได้เน้นตรงนั้นเอาอะไรที่คิดว่าแต่งออกมาแล้วสวย การเป็นเจ้าสาวแบมเชื่อว่าเป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คน ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้แต่งชุดขาว ฟูๆ บานๆ เพราะว่าอยู่เฉยๆ เราคงไม่สามารถหยิบมาใส่ได้ ใส่ไปงานใครเราก็คงใส่ไม่ได้ ฉะนั้นก็เราก็มีภาพที่เป็นจินตนาการไว้ ว่าถ้าวันนึงได้เป็นเจ้าสาว อยากเป็นเจ้าสาวใส่ชุดแบบไหนอะไรยังไง เพียงแต่ว่าทำในสิ่งที่เรานึกฝันไว้เท่านั้น”
เผยชุดเจ้าสาวซื้อมาจากอเมริกา ราคาหลักหมื่น ไม่ใช่หลายแสนอยากที่มีข่าว
แบม “ไม่จริงค่ะ เราเป็นคนสมเหตุสมผล ซื้อมาจากอเมริกา ไม่ได้แพงถึงหลักแสนแค่หลักหมื่น ชุดเครื่องเพชรก็เป็นของครอบครัว ตรงนี้ไม่เน้น”