“นิด อรพรรณ” เป็นตัวกลางหย่าศึก “เติ้ล” ถูกผู้จัดการเก่าแฉอกตัญญู และเบี้ยวเงินส่วนแบ่ง เผย เรื่องบานปลายกลายปัญหาเพราะไม่ยอมคุยกัน แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเคลียร์กันลงตัวแล้ว ด้านเติ้ลอ้าง ก่อนหน้านี้ที่ขาดการติดต่อเพราะงานยุ่ง ตัดปัญหายอมจ่ายเงินส่วนแบ่งที่ค้าง คืนให้ทั้งหมด
ตั้งแต่มีข่าวว่าพระเอกหนุ่มเลือดใหม่ “เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข” อกตัญญูกับผู้จัดการส่วนตัว “หน่อง นเรศ ตันทร์เอี่ยม” เหตุแบ่งเงินกันไม่ลงตัว เพราะหนุ่มเติ้ลเบี้ยวไม่ยอมจ่ายส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ในการทำงาน ทั้งๆ ที่เป็นคนพาเข้าวงการ จนได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่อย่าง “โพลีพลัส” จึงรู้สึกเหมือนกับตัวเองโดนเฉดหัวทิ้งอย่างไม่แยแส เป็นเหตุให้หน่องออกมาแฉพฤติกรรมหนุ่มเติ้ลจนเป็นเรื่องเป็นราวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดหลังจากปล่อยกระแสผ่านไปสักพัก บอสใหญ่ค่ายโพลีพลัสอย่าง “นิด อรพรรณ วัชรพล” จึงได้มีโอกาสออกมาเปิดใจ ว่า ได้เรียกทั้งคู่มาเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คิดว่าเป็นการสกัดดาวรุ่งหนุ่มเติ้ล แต่เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีโอกาสคุยกัน จึงเป็นเหตุให้มีเรื่องนี้ขึ้นมา
“ได้ชวนเขามาคุยกันเรียบร้อยแล้วค่ะ เขาก็เคลียร์กัน เพราะว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกของสองฝ่าย ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเราหรอก แต่ขอทำตัวเป็นเจ้าภาพให้เขามาคุยกัน เพราะที่ผ่านมาทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้คุยกัน พอวันเวลาเนิ่นนานความรู้สึกมันก็ยิ่งเหมือนน้อยใจกันไปมา”
“พอเราเห็นแล้วก็มีความรู้สึกว่าคนเคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันจะโกรธกันไปทำไม ผลของการโกรธอะไรมันไม่ดีทั้งสิ้น ดีกันได้ก็ดีกัน เข้าใจกันได้ก็เข้าใจกัน แต่จะยังไงก็ชวนมาคุยแล้วคุยกันเอง แล้วก็ปรากฏว่าเขาก็คุยกันแล้วเข้าใจกัน นิดไม่ได้มีหน้าที่เคลียร์ค่ะ”
“ไม่ได้เป็นการสกัดดาวรุ่งหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึก อย่าไปคิดอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ คนนั้นคนนี้น้อยใจ เสียใจ คือมองต่างมุม ก็คิดว่าไม่มีใครถูกใครผิด แต่สุดท้ายเขาก็รักและอภัยต่อกันนิดว่าก็โอเค เขาเคลียร์กันเอง เราก็ต้องบอกเติ้ลถ้าไม่มีพี่เขาเติ้ลก็ไม่ได้มาที่นี่ แต่ทีนี้พี่มีอะไรโกรธน้อง น้องจะขอโทษอะไรก็คุยกันเอาเอง และประเด็นคือไม่ได้คุยกันก็น้อยอกน้อยใจกันไป ไอ้ทางนี้ก็เด็กก็คงจะนิสัยเด็ก จากที่นั่งดูนะคะ เพราะว่าคุณครูของเติ้ลก็มาด้วย เขาดูแลกันมา ก็ดีนะคะวันนั้นก็ดี”
เผย คงไม่มีมาตรการอะไรในการควบคุมความประพฤติเด็กในสังกัด แต่เรื่องนี้ “โพลีพลัส” ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับข่าวนี้ เพราะใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น และเตือนพระเอกหนุ่มไปแล้วว่าให้ตั้งใจทำงาน เพราะบริษัทจะไม่โอบอุ้มคนที่ไม่มีความสามารถ
“ไม่ได้ถึงกับต้องมีมาตรการอะไรหรอกค่ะ ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น เพราะว่าคนเราถ้าจะตุกติกมันทำได้หมด เอาว่าเดี๋ยววันนึงมันก็ปรากฏขึ้นมาเอง คือนิดรู้สึกว่าเราไปดิ้นรนตามคนมากมายไม่ได้ เพียงแต่จุดยืนของเราคืออะไร ถ้าอยู่กับเราคือทำงานเท่านั้น แล้วต้องถูกต้องเท่านั้น คุณปฏิบัติตามนี้ได้จบ คุณรักษาหน้าที่หลักของมนุษย์ที่จะทำงานด้วยกันก็คือต้องซื่อสัตย์กัน ให้ใจกัน ขยัน มีพัฒนาการเราก็เน้นแค่นั้น”
“อย่างเขาจะไปเจอนักข่าวหรืออะไรนิดไม่ได้ไปด้วยนี่ เพราะฉะนั้นถ้าคุณจริงใจกับเขา คุณพูดกับเขาตรงไปตรงมา เขาถามอะไรคุณ บางทีอาจจะมีฉุนเฉียวแต่ถ้าคุณสะกดมันไว้ได้ คุณมีสมาธิ คุณตั้งสติดีๆ แล้วคุณก็ต้องเข้าใจ พี่นักข่าวเขาก็ต้องพยายามหาคำตอบให้ได้”
“จริงๆ ก็ไม่ค่อยสอนแบบนี้หรอกค่ะ บางทีเด็กมายังไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ นอกจากมีโอกาสจริงๆ ก็จะบอก ก็เพิ่งได้คุยเรื่องนี้กันไม่นานนะคะ เพราะนิดไม่อยู่ เพิ่งกลับจากเมืองนอกก็พอดีอ่านข่าวเจอ ตอนแรกก็ไม่ได้อะไร ถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องไปเคลียร์กันเอง เรื่องคุณก่อคุณต้องทำเอง คุณไม่ใช่เบบี๋แล้วที่แบบเราต้องคอยเปลี่ยนแพมเพิทให้ มันไม่ใช่”
“แล้วคุณโตมาขนาดนี้ อย่าบอกว่าไม่เก่ง คุณโตมา คุณเข้ามาในวงการขนาดนี้ คุณต้องรู้ผิดชอบชั่วดีอะไรบ้าง ก็ต้องดูแลตัวเองเป็นระดับนึงแหละ คือการที่มาเซ็นสังกัดที่นี่ไม่ใช่โอบอุ้ม เปล่าเลย คือชอบทำงานรึเปล่า คิดว่าอยากได้โอกาสรึเปล่า ก็มีหน้าที่ให้โอกาส แต่เมื่อให้ไปแล้วคุณจะเอาโอกาสนั้นไปขว้างทิ้งหรือเอาไปต่อยอด ตรงนั้นล่ะคือหน้าที่ของเรา แต่ไม่มีหน้าที่มาเสกสรรปั้นแต่งให้ไม่ใช่ ถ้าคุณไม่มีของมา ปั้นยังไงก็ไม่เกิด”
ปัด ที่ออกมาพูดอย่างนี้ไม่ใช่เพราะกลัวเรื่องราวบานปลายและพระเอกในสังกัดจะเสียชื่อไปกว่านี้ แต่เพราะต้องการทำทุกอย่างมันแฟร์เท่านั้น
“ไม่ใช่กลัวเรื่องบานปลายค่ะ แต่รู้สึกว่าไม่แฟร์ เพราะว่าได้อ่านคำพูดของพี่ผู้จัดการคนนี้นะคะ อ่านแล้วเห็นใจผู้จัดการว่ามันเป็นยังไง เพราะนิดก็ไม่เคยคุยกับเติ้ล ก็เลยคุยกับผู้จัดการก่อน นิดเป็นคนโทรคุยกับผู้จัดการเขา ว่าเล่าให้ฟังหน่อยว่าเรื่องมันเป็นยังไง นิดจะฟังคนนอกก่อนนะคะ เราต้องแฟร์ต่อกัน เพราะว่าอ่านสัมภาษณ์มันเป็นคำสัมภาษณ์ของคนนอก เราก็ขอฟังคนนอกก่อน แล้วถึงจะเรียกเติ้ลมาถาม”
“และพอฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ก็เลยนัดให้มานั่งคุยกันเองที่นี่ เขาก็คุยกันโดยดีนะคะ ค่อนข้างดี ตอนแรกอาจจะเขินๆ กันบ้าง แต่ว่าเขารู้จักกันมามากกว่านิดอีก ต้องเข้าใจนะคะ ระยะเวลาของการรู้จักเรามาทีหลังด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาคุยกันได้ค่ะ”
“ถามว่าเคลียร์มั้ยต้องไปถามเขาสองคนว่าเคลียร์กันมั้ย เพราะกับนิดไม่มีผล ไม่มีผลกับนิดใดๆ เลย ไม่มีผลกระทบอะไรกับบริษัทค่ะ คือจริงๆ อยากจะบอกว่าไม่เป็นไร เพราะว่าบริษัทไม่ได้กระทำอะไร เขาไม่ได้กระทำอะไรกับบริษัท ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับบริษัท ถึงได้บอกว่าจริงๆ นิดก็ไม่เกี่ยวก็ได้”
“นิดก็บอกเติ้ลว่าถ้าไม่มีพี่ผู้จัดการคนนี้ก็ไม่มีเติ้ลเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะหมองใจอะไรกัน ก็คุยกัน อย่างน้อยให้นึกถึงบุญคุณของเขาและสิ่งที่ดีต่อกันคือใครทำยังไงได้ยังงั้นค่ะ ที่นี่คือใครทำยังไงได้อย่างนั้น ยุคนี้ใครทำยังไงได้อย่างนั้นจริงๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นที่ทำได้ก็รู้สึกว่าคนเคยดีกันนะ อย่าโกรธกันเลย”
“แต่มีสิ่งอะไรไม่ดีอันนี่นิดไม่รู้ แต่รู้ว่าสิ่งดีของเขาอย่างนึงคือเขานำพาเติ้ลมาสู่วันนี้ คนเราความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญ พอได้คุยกันเขาก็แฮปปี้ บางทีเด็กก็ไม่รู้ว่าจะต่อยังไง ก็อาจจะกลัว ก็เท่านั้นเอง เพราะผู้จัดการทำงานกับโพลีพลัสมาก่อนเติ้ลนะคะ เป็นโมเดลลิ่งที่หาเด็กมาให้ ตั้งแต่ กลิ้งไว้ก่อนฯ มานานแล้ว นิดก็ยังอ๋อน้องเองเหรอ เพราะเขาทำงานกับที่นี่มานาน เพียงแต่นิดไม่ค่อยได้รับทราบเรื่องเท่านั้นเอง”
“ตอนนี้ก็ยังหานักแสดงให้เรื่อยๆ ค่ะ น้องคนนี้น่ารัก ผู้จัดการของเติ้ลน่ารัก คือนิดว่าเขาเป็นคนน่ารักกันทั้งคู่แหละค่ะ เพียงแต่เหมือนพอมีเรื่องกระทบกระเทือนใจกันแล้วไม่มีโอกาสได้คุยกัน”
“เรื่องผลกระทบกับตัวเขาไม่มีผลค่ะ หากินกันเอาเองค่ะที่นี่ ไม่มีเบรกงานค่ะ มันก็ถ่ายอยู่ค่ะ ก็ดูสิคะ ยังเล่นของคุณแดง เรื่องสู่แสงตะวัน ไม่มีเบรกหรอกค่ะ ความผิดก็เรื่องความผิด แต่จริงๆ เขาผิดรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่มันไม่ใช่เรื่องยาเสพติด เรื่องที่สำคัญคือเรื่องพวกนั้นมากกว่า ที่นี่จะเน้นเรื่องยาเสพติดมากกว่า นิดไม่เคยเบรกใคร พระเอกไม่มีจะเล่นอยู่แล้ว”
ด้านหนุ่ม “เติ้ล” ออกมาเปิดเผยเองบ้าง โดยยอมรับว่าได้มีการเคลียร์กับอดีตผู้จัดการคนนี้แล้ว และตกลงกันได้ลงตัว โดยยอมจ่ายเงินที่ค้างไว้คืนให้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ผู้จัดการคนนี้ไม่ได้ดูแลตนแล้ว เพราะให้โพลีพลัสเป็นคนดูแลทั้งหมด
“ได้เคลียร์กันแล้วครับ ก็คือคุณนิดมาช่วยชักชวนตอนที่มีข่าวมาให้ผมได้นั่งคุยกับพี่เขาครับ พี่นิดไม่อยากให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ก็เคลียร์กันลงตัวแล้วครับ ไม่มีอะไร ด้วยความที่ผมเป็นเด็กด้วย ผมต้องเป็นฝ่ายที่เข้าหาพี่เขา แล้วก็ขอโทษพี่เขา”
“ปัญหาก็คือผมทำแต่งาน สนใจแต่งาน ลืมที่จะติดต่อไปหาพี่เขา ส่วนพี่เขาก็โทรมาผมก็ไม่ค่อยว่างรับสายอะไรทำนองนั้น ก็เลยเป็นความเข้าใจผิดว่าเธอไม่สนใจ เธอถีบหัวฉันส่งรึเปล่า ผมก็ได้เคลียร์กันแล้วว่าไม่มีครับ ผมยังเคารพพี่เหมือนเดิม”
“เรื่องเงินจริงๆ มันเป็นปัญหาเล็กน้อยเรื่องเดียว ซึ่งพี่เขาไม่ได้เก็บเอามาสนใจหรอกครับ แต่จะเป็นเรื่องนี้มากกว่าที่เหมือนกับว่าดังแล้วจะอะไรรึเปล่า ไม่สนใจเขารึเปล่า ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนพาผมเข้ามา ไม่มีติดใจอะไรกันแล้วครับ ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมครับ แล้วก็ยังโทรคุยกันเหมือนเดิมด้วยครับ”
“เงินผมก็เป็นฝ่ายเคลียร์ให้พี่เขาเองเพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย เพราะตอนนั้นเรามีสัญญาใจกันว่ายังอยู่ ก็ได้คุยกันนานแล้วครับ 4 เดือนได้แล้ว ก็สบายใจขึ้นมากครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้ดูแลแล้ว ตอนนี้โพลีพลัสเป็นฝ่ายดูแล แต่พี่เขาก็ยังช่วยหางานให้ ยังร่วมงานกันอยู่ครับ”