เมื่อ 15 ปีที่แล้ว พ.ศ. 2537 ค่ำคืนหนึ่งกลางฤดูหนาวที่กลิทช์ผับ พหลโยธิน
“พี่อุ๊บ อย่า ไม่เอา ... คนเยอะ” พจน์ อานนท์ กล่าวประโยคนี้ด้วยโทนเสียงสูงพลางยกมือขึ้นห้ามปราม เหตุการณ์ระทึกเกิดขึ้นบริเวณนอกร้าน ขณะที่พจน์และพวกเพิ่งมาถึงและกำลังจะหย่อนก้นลงนั่ง
“มึงจะเอายังไงกับกู ที่นี่ถิ่นกู” อุ๊บ วิริยะ อดีตนักรบช่างกลที่ผันตัวเองมาเป็นนักปั้นน้ำเสียงเดือด ใจร้อน พร้อม ลุยทุกสถานการณ์ ทุกสถานที่ ระหว่างที่ชุลมุน อุ๊บ วิริยะฉวยโอกาสนั้น คว้าแก้วหมายจะสาดเหล้าไปที่พจน์ อานนท์ ฝ่ายตรงข้ามเหวี่ยงตัวหลบทันท่วงที เหล้าแก้วนั้นกระเซ็นไปเฉียดโดนใบหน้า “วันพิชิต เหลาหา” (หัวหน้ากองบรรณาธิการนสพ.ดาราเดลี่ --ในวันนี้) เพื่อนและน้องร่วมก๊วนคนหนึ่งของพจน์ อานนท์ ขณะนั้น
“วันที่เกิดเรื่อง ไม่ใช่เรื่องท้าทายอะไรหรอก เป็นเพราะพี่มิ่งชวนให้ไป ก็ไปกันซะหน่อย พอพี่อุ๊บมองผ่านกระจกร้านเห็นเท่านั้นแหละ ก็พุ่งเข้ามาหาเรื่อง สาดเหล้าใส่ทันที ตอนนั้นเหตุการณ์แรงนะ เพราะพี่อุ๊บประกาศไปทั่ววงการว่า เจอพี่พจน์ที่ไหนจะชกให้คว่ำ พี่พจน์ก็จะเลี่ยงไม่ไปงานเลี้ยงฉลองรายได้หนัง ซึ่งเป็นงานบันเทิงที่จัดบ่อยในช่วงนั้น ปัญหาน่าจะมาจากเรื่อง แข่งกันดังนี่แหละ” วันพิชิต ฉายภาพวันเกิดเหตุ
อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ เล่าย้อนความว่า อาการ “เขม่น” ว่ามาจากการทำงานในสายงานเดียวกัน เนื่องจากทั้งพจน์ และอุ๊บ ต่างก็มีหนังสือที่ดูแลอยู่
พจน์ อานนท์ เป็นบรรณาธิการนิตยสารอยู่หลายเล่มตามลำดับดังนี้
2531 – 2536 นิตยสาร เธอกับฉัน (ยุคที่ 1)
2536นิตยสาร อานนท์ (ทำได้ 11 ฉบับ)
2537นิตยสาร ANGLE (ค่าย Image ของ คำรณ ปราโมช ทำได้ 7 ฉบับ)
2538นิตยสาร พจน์อานนท์ (ทำได้ 7 ฉบับ)
2540นิตยสาร HEART ( ทำได้ 50 ฉบับ)
2543นิตยสาร เธอกับฉัน (ยุคที่2 เพียงช่วงสั้นๆ)
หมายเหตุ - พจน์ อานนท์เริ่มทำหนังเรื่องแรกคือ สติแตกสุดขั้วโลก เมื่อปี 2538 และจนถึงวันนี้ 2552 ผ่านผลงานมาแล้วมากมายหลายเรื่องและหลายค่าย นับเรียงตามลำดับต่อไปดังนี้ 18 ฝน คนอันตราย (2540), โกซิกซ์ โกหก ปลิ้นปล้อน กระล่อน ตอแหล (2543), ว้ายบึ้ม เชียร์กระหึ่มโลก (2546), ปล้นนะยะ (2547), อ๋อเหรอ (2548), ไฉไล (2549), หอแต๋วแตก (2550), เพื่อน...กูรักมึงว่ะ (2550), เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ (2550), แต๋วเตะตีนระเบิด (2552) เป็นต้น
ฝ่ายอุ๊บ วิริยะ มี นิตยสาร ดาราไทย, ดาราหน้าแตก , ผีหลอกดารา , จูเนียร์ เป็นต้น ทั้งคู่ต่างเขียนหนังสือ “แขวะ” กันไปมา พจน์ อานนท์ตั้งข้อสังเกตในคราวนั้นว่า อุ๊บ วิริยะนั่งเขียนเขียนข่าว ส่วนอุ๊บโต้ตอบว่า บทวิเคราะห์ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์ก็ได้ เพราะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวสามารถทำได้ นอกจากนี้พจน์ อานนท์ยังได้ตัดบางข้อความที่อุ๊บเขียนเชียร์เด็กในคอลัมน์ประจำของเธอกับฉัน
“สำคัญกว่านั้น พจน์ อานนท์ไม่เคยนำเด็กของอุ๊บ วิริยะ มาถ่ายแบบในนิตยสารเธอกับฉันเลย ในทางกลับกันในช่วงที่มอส, เต๋า,โมทย์ โด่งดังสุดๆ พี่อุ๊บเคยสัมภาษณ์นายแบบของพี่พจน์ลงหนังสือ และเอารูปที่ถ่ายประกอบคอลัมน์ไปขึ้นปกเพื่อเป็นจุดขาย” วันพิชิตซึ่งอยู่ในช่วงเหตุการณ์นั้นขยายความ
ในปี 2537 ถิ่นของอุ๊บ วิริยะ อยู่ที่กลิทช์ผับ !! ผับแห่งนี้มี “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” เป็นอิมเมจเมกเกอร์ สร้างจุดขายด้วยการพาบรรดานายแบบ – ดาราในสังกัดมาเป็นหุ้นส่วนและบริกรในร้านเพื่อเรียกลูกค้าที่อยากจะสัมผัสกับดารา – นายแบบ อย่างใกล้ชิด
ถิ่นของพจน์ อานนท์ อยู่ที่หลังสวนในช่วงหัวค่ำ หลังเที่ยงคืนไปต่อที่สถานบันเทิงย่านสีลม ทั้งซอย 4 (จารุวรรณ) และ ดีเจ. สเตชั่น สีลมซอย 2
อุ๊บ วิริยะ ถูกมิ่งขวัญชักชวนให้นำนายแบบ – ดารามาช่วยโปรโมตร้านอีกแรงหนึ่ง กลุ่มนายแบบ - ดาราในยุคนั้น เช่น ลิฟท์ - สุพจน์ จันทร์เจริญ , สันติ จีมส์, เวฟ - สาริน บางยี่ขัน, ทีน - สราวุฒิ พุ่มทอง, เวย์ - ปริญญา อินทชัย ดังนั้น กลิทช์ผับจึงเป็นที่รวมกลุ่มก๊วนเด็กและผองเพื่อนของอุ๊บ วิริยะในทุกค่ำคืน
“สมัยนั้น พี่ยอมรับว่า ใจร้อน มีคนยุแยงด้วย แต่พจน์สมัยนั้นไม่ได้มีฤทธิ์เดชมากอย่างสมัยนี้ หลังจากคืนนั้นก็เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ จากคืนนั้นเราไม่เคยคุยกันอีกเลย เป็นเวลา 10 กว่าปี ต่างคนต่างอยู่ เจอกันตามงาน พี่ก็จะเป็นฝ่ายกระแนะกระแหนเขาก่อนอยู่เป็นประจำ จนเวลามันก็ช่วยให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทั้งพี่และเขาต่างก็ลืมๆกันไป จนมีโอกาสไปพบกันในงานประกวดนายแบบที่ฮอลีวู๊ดผับ มีโอกาสถ่ายรูปคู่กัน จากคืนนั้นเราก็กลับมาพูดคุยกันเหมือนเดิม” อุ๊บ กล่าว
สมัยนั้น ทั้งคู่มีฉายาที่ “สื่อมวลชน” ต่างค่ายมอบให้ พจน์ อานนท์ ฉายา “นักปั้นมือทอง” , อุ๊บ วิริยะ ฉายา “แมวมองตาเพชร”!!
เรื่องราวจากนี้จะเป็นเรื่องราวของอดีตนักปั้นมือทอง พจน์ อานนท์กับตำนานช่วงหนึ่งของนิตยสารเธอกับฉัน
พจน์ อานนท์ ไม่ใช่บรรณาธิการคนแรกของเธอกับฉัน แต่ในยุคที่เขาเป็นบรรณาธิการได้สร้างชื่อเสียงและยอดขายให้กับนิตยสารเล่มนี้มากยิ่งกว่าบรรณาธิการคนใดที่มีมาก่อนหน้าและหลังจากนี้
ก่อนหน้าพจน์ อานนท์ เธอกับฉันผ่านบรรณาธิการมาแล้ว 3 คน คนแรกคือ ไก่ - สถาพร เชื้อมงคล ต่อมาผันตัวเองไปทำนิตยสาร Hello ซึ่งเป็นหนังสือแฟชานชายที่มีชื่อเสียงมากในยุคหนึ่ง, จากนั้นเป็นยุคของ ตุ๊ ครับผม และสยุมพร บุตรนา ตามลำดับ ในยุคของสยุมพร พจน์เริ่มเข้ามาทำแฟชั่น ก่อนที่จะไต่เป็นบรรณาธิการในลำดับต่อไปเมื่อปั 2531 เมื่อสยุมพรออกจากเธอกับฉันมาเปิดหนังสือวัยรุ่นใหม่เล่มหนึ่งชื่อ “ทราย” ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การดูแลและดำเนินงานของบริษัทผู้จัดการในช่วงสั้นๆยุคหนึ่ง
ณ วันนี้ พจน์ อานนท์ ผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ในขณะที่ทีมงานคนอื่นๆ ในยุคนั้น ณ วันนี้เติบโตไปตามเส้นทางชีวิตของตนเอง
จ่อย - วันพิชิต เหลาหา เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ดาราเดลี่
แขก – เบญจพร เชื้อเมฆ เป็นผู้จัดการดาราของพร้อมมิตรภาพยนตร์
อ๋อย – ลาวัลย์ แสงอาทิตย์ ไปเป็นกรรมการผู้จัดการอาราติสแมเนจเม้นท์ ค่ายแกรมมี่ฯ ก่อนที่จะไปเปิดบริษัทออแกไนซ์ของตัวเอง
จุ – จุรีรัตน์ ชัยพรหมประสิทธิ์ ไปเป็นบรรณาธิการนิตยสาร ASTA
นอกจากนี้ยังมีคนอื่นๆ เช่น แตน – ประภัสสร เชื้อมงคล และโอ้ – เสกสรร มิตรทอง เป็นต้น
กลุ่มนายแบบของพจน์ อานนท์ ในยุคนั้น ดังสุดๆ เป็นที่ยอมรับของวงการคือ มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, เต๋า สมชาย เข็มกลัด, โมทย์ ปราโมทย์ แสงศร
ความโด่งดังของนายแบบ 3 คนนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ดังขนาดที่นิตยสารคู่แข่งของเธอกับฉันในยุคนั้นคือ นิตยสาร TheBoy ต้องขอคิวเพื่อถ่ายแฟชั่น เนื่องจากทนเสียงเรียกร้องของแฟนหนังสือไม่ไหว นอกจากนั้น นายแบบกลุ่มนี้ยังมีโอกาสขึ้นทำเนียบของนิตยสารชั้นนำ อย่าง แพรว ด้วย
พจน์ อานนท์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเด็กกลุ่มนี้ด้วยการผลักดันให้เล่นหนัง ปี 2534 คิง สมจริง ศรีสุภาพขอตัวมอส – ปฎิภาณ และโมทย์ ปราโมทย์ แสงศร มาเล่นหนัง “กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้” ปีต่อมา 2535 นายแบบครบเช็ต อันได้แก่ มอส เต๋า โมทย์ เล่นหนังเรื่อง “สะแด่วแห้ว” ค่ายไฟว์สตาร์โปรดักชั่น กำกับการแสดงโดย ประสรรค์ เพชรพงษ์ ต่อมาเต๋า สมชายไปเล่นซิทคอมเรื่อง “นางฟ้าสีรุ้ง” ให้กับบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณซึ่งเพิ่งจะเดินทางกลับจากเมืองนอกใหม่ๆและมอส ไปสร้างชื่อเสียงให้กับซิทคอม “สามหนุ่มสามมุม” จากนั้นพจน์ อานนท์อัดฉีดเข้าเป็นนักร้องตามสูตรสำเร็จ เต๋า สมชายถูกบริษัท อาร์เอสฯ จับเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัด อัลบั้มแรกคือ “สมชายจรดปลายเท้า” , มอสเซ็นสัญญาอยู่กับแกรมมี่ฯ ขณะที่มอสกับเต๋ามีผลงานเพลงหลายอัลบั้มในตลาดช่วงนั้น แต่โมทย์มีผลงานเพียงชุดเดียวคือ Mote กับค่ายอาร์เอสฯ
แค่นี้ คงพอจะยืนยันได้ถึงฝีมือลายมือและความดังของนักปั้นมือทองที่ชื่อพจน์ อานนท์
นายแบบ – นางแบบยุคหลังจากนี้ของพจน์ อานนท์ยังมี แอนดริว เกร็กสัน, หรั่ง วรวิทย์ นัยสำราญ, วีนัส มีวรรณ์, อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์ ก่อนที่จะมาดัน ออย ธนา สุทธิกมล, เล็ก ศรันย์ สาครสิน, หญิง-ฌัชชา รุจินานนท์, ฝันดี-ฝันเด่น, เจ มณฑล จิรา, นิกกี้ สุระ ธีระกล , ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์, จอห์น โพสเทิ่ลเวสต์ ฯลฯ
ส่วนอุ๊บ วิริยะ มีเด็กปั้นในสังกัด เช่น ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ, สันติ จีมส์, ก่อนจะมามือขึ้นในการปั้นฝ่ายหญิงจากเวที มิสมอเตอร์โชว์ อย่าง โอ๋ ภัคจิรา วรรณสุทธิ์ ( แฟนเก่าติ๊ก เจษฎาภรณ์ ก่อนติ๊กจะเข้าวงการ), เข็ม รุจิรา ช่วยเกื้อ, รวมทั้ง เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น เป็นต้น เวทีประกวด “มิสมอเตอร์โชว์” ที่อุ๊บ วิริยะมีบทบาทมากก็เป็นผลพวงมาจากมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่ดูแลการตลาดให้กับ โตโยต้า นี่แหละ
นายแบบในยุคกลางของอุ๊บ วิริยะ ที่ถูกเคี่ยวเข็ญจนประสบความสำเร็จไปได้สวยคือ ฟิวส์ กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจกุล ที่อุ๊บพาไปฝากปิ่น ณัฐนันท์ ฉวีวงษ์ ค่ายทีวีซีน จนมีโอกาสได้เล่นละคร ณ วันนี้ผันตัวเองมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ และคงจะขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับเต็มตัวไม่ช้านี้
เรื่องของ 2 นักปั้นในช่วงชุลมุนเหมือนฟ้าจงใจสร้างเรื่องตลก ผู้ใหญ่ไม่คุยกันแต่เด็กในสังกัดของทั้งคู่ต้องมาเป็นศิลปินคู่ดูโอในนามของ “ลิฟท์กับออย” (สุพจน์ จันทร์เจริญ ,ธนา สุทธิกมล) ค่ายอาร์เอสฯ
พจน์ อานนท์ ล้างมือในอ่างทองคำแล้ว แต่อุ๊บ วิริยะยังคงทำหน้าที่เจียระไนเพชรเม็ดงามต่อไปในวงการ ณ วันนี้ เด็กในสังกัดที่เขาปั้นอยู่ เหลือเพียง แคท ธนพร จากเวที Miss Photo Hitech และ เพ็ชร พัชระเท่านั้น
“พี่กับพจน์ยังมีอีกงานหนึ่งด้วยกัน คือ เราต้องไปเป็นกรรมการประกวดนายแบบที่เดอะมอลล์โคราชใน วันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เป็นงานที่พี่เสนอชื่อเขาไป เขาก็รับเงินไปครึ่งหนึ่งแล้ว” อุ๊บ วิริยะ กล่าวปิดท้าย
เชื่อเถอะว่า พจน์ อานนท์ กับ อุ๊บ วิริยะ ต่อให้รักกันมากแค่ไหนก็มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน พจน์ อานนท์ เหมือนนางแบบ เชิดๆ หยิ่งๆ ตามองไกล ไม่ใส่ใจโลก เป็นตัวของตัวเองสูงก้าวเดินอย่างมั่นใจบนแคทวอล์ก ขณะที่อุ๊บ วิริยะเหมือนกับนักแสดงสาวที่มากด้วยความสามารถสวมหลายบทบาท และค่อนข้างจะประนีประนอม แต่ทั้งคู่ยากจะลบ “ปม” ที่มีต่อกันมานานแล้วให้หายไปจากใจ
วันนี้ ... ทั้งคู่ได้ดำนินเรื่องราวมาสะดุดสายสัมพันธ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว อยู่ที่ว่า ทั้งพจน์ อานนท์ และอุ๊บ วิริยะจะเปิดใจคุยกันหรือจะเปลี่ยนสถานภาพจาก “คนรัก” มาเป็น “คนรู้จัก” เท่านั้นเอง (ติดตามอ่านต่อตอนจบวันพรุ่งนี้)