xs
xsm
sm
md
lg

“เอ๋ ไพโรจน์” เตรียมแต่งเมียใหม่ แต่ไม่ขอจดทะเบียน เผยไม่ขอมีลูกเพราะอยากใช้ชีวิตร่วมกันมากกว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอ๋ ไพโรจน์นักแสดงรุ่นเก๋าประกาศเตรียมแต่งเมียใหม่เดือนมิถุยายนที่ กรุงเวียนนา ยันไม่จดทะเบียนสมรสเพราะเข็ดกับการฟ้องร้องกับเมียเก่า เผยไม่ขอมีลูกเพราะกว่าจะเลี้ยงจนโตก็แก่แล้ว

         
          จบเรื่องคดีที่อดีตภรรยาฟ้องหย่าไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้นักแสดงรุ่นเก๋า เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร วัย  56 ปีก็ประกาศแต่งงานใหม่กับ เอ๋ ชญานิศวร์ พิริยศุภกาญจน์(สังศรีจันทร์) อายุ 35 ปี ในเดือนมิถุนายนนี้ที่ประเทศออสเตรีย กรุงเวียนนา ซึ่งเจ้าตัวเผยพร้อมภรรยา ในงาน THAILAND GRAND INVITATION 2009” ที่โรงแรมเจ้าพระยา รัชดาภิเษก ถึงสาเหตุที่แต่งงานครั้งนี้ว่า....

 

          “จริงๆ แล้วคืออย่างนี้ท่านอาจารย์ (พระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร-เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ จ.กาญบุรี) จะเชิญไปทำอาหารไทยในงานที่กรุงเวียนนา ทีนี้อาจารย์เขาก็บอกว่าจะมีการแต่งงาน ก็เลยบอกว่าไหนๆ ไปแล้วเราก็เลยอยากเป็นทูตวัฒนธรรมกับเขาด้วย(หัวเราะ) เพราะเท่ากับว่าถ้าเผื่อว่าเราไปทำอะไรดีๆ ก็ถือว่าดีๆ นะครับ
         
          “ถือว่าเป็นการสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่นะครับ ให้เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อความรู้สึกของคนทั่วไป หรือว่าจะไปจุดประกายอะไรบางอย่างที่มันมีประโยชน์ต่อประเทศไทยในเรื่องของวัฒนธรรม เพราะว่าเป็นครั้งแรกของมหาวิทยาลัยเวียนนาที่เขามาจัดเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาติอื่นนะครับ และเขาก็เลือกเอาชาติไทย วัฒนธรรมไทย
         
          “ผมก็ถามอาจารย์ว่าทำไมเขาถึงเลือกของเรา อาจารย์บอกไม่ทราบเหมือนกัน เพราะมีคนส่งแจ้งความประสงค์ไปตั้งเยอะแยะนะครับ แต่เขาก็เลือกของเรานะครับ ตรงนี้ก็เลยเป็นเรื่องที่ถ้ามีอะไรที่จะทำได้ก็ถือว่าเป็นความภูมิใจของทั้งสองคน และก็เป็นความภูมิใจแทนคนไทยทุกคนด้วยครับ
         
          เผยว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะอยู่ด้วยกันมานานและคนทั่วไปต่างรู้กันดี และที่สำคัญเรื่องคดีการหย่ากับอดีตภรรยาก็จบไปเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ยังยืนยันว่าถึงแม้จะแต่งแล้ว ก็ไม่ขอจดทะเบียน
         
         จริงๆ เราสองคนก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วนะครับ ใครๆ ก็รู้ แล้วเรื่องคดีความมันก็จบไปแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้มันก็น่าจะเป็นอะไรที่มันดีๆ ล่ะนะ มันไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรนะครับ ก็คิดว่าเป็นการใช้ชีวิตคู่ที่น่าจะเป็นแบบฉบับอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ นะครับ จดทะเบียนเอาไว้อีกเรื่องหนึ่ง เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง(หัวเราะ)
         

ด้าน เอ๋ ชญาณิศวร์ ว่าที่เจ้าสาวก็ได้เปิดเผยว่า....
           จริงๆ สำหรับความรู้สึกของเอ๋แล้ว เอ๋คิดว่าคงไม่จดนะคะ เพราะว่ามันเป็นเจตนารมณ์ของเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะว่าเมื่อช่วงก่อนนี้มีพี่นักข่าวก็ถามเหมือนกัน เราก็บอกว่าจริงๆ แล้วมันอยู่ที่ความรู้สึกของเรามากกว่า เราคงไม่ไปยึดติดกับแค่คำว่าทะเบียนสมรสนะคะ เพราะว่าทุกวันนี้เราก็อยู่กันด้วยความเข้าใจอยู่แล้ว
         

ด้านฝ่ายชาย เอ๋ ไพโรจน์ ก็กล่าวเสริมทันที
          คือทะเบียนสมรสบางที มันก็อาจจะเป็นตัวที่ก่อให้เกิดปัญหาเหมือนอย่างที่เราเกิดขึ้นมาแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นเราคิดว่าความรู้สึกจริงๆ มันอยู่ที่ใจเรามากกว่านะครับ ถ้ามีคำว่ากฎหมายเข้ามาอยู่ในระหว่างชีวิตคู่เนี่ย มันกลายเป็นเหมือนเป็นข้อต่อรอง เหมือนเป็นอะไรหลายๆ อย่างนะครับ ซึ่งมันมีทั้งดีและทั้งเสีย แต่เราคิดว่าถ้าเราเอาใจผูกกันไว้ได้เนี่ยมันจะไม่มีอะไรเสีย จริงๆ เราเห็นปัญหาตรงกันมานะ(หัวเราะ)
         
          เอ๋ ชญาณิศวร์ : จริงๆ โดยส่วนตัวเคยบอกแล้วว่าพี่เอ๋เขาคงไม่กล้าจดแล้วล่ะ เพราะเขาเข็ด(หัวเราะ)
         
          เอ๋ ไพโรจน์ :ก็พูดอย่างนั้นก็ได้ครับ(หัวเราะ) แต่เราถือว่าทุกวันนี้เราไม่ต้องไปมีอะไรเริ่มต้น คือถ้ามีเริ่มต้นเดี๋ยวก็มีจุดจบ เราเอาให้ทุกๆ วันเหมือนกันดีกว่านะ(หัวเราะ)
         
          เอ๋ ชญาณิศวร์ : เพราะจริงๆ นอกจากที่ไปแต่งโดยเป็นทูตวัฒนธรรมคราวนี้นี้ เราก็ได้ไปโชว์การปรุงอาหารของไทยด้วยค่ะ เมื่อกี้ก็ได้คุยกับท่านพระอาจารย์แล้ว
         
          เอ๋ ไพโรจน์ :  จริงๆ เริ่มต้นเพระอาจารย์บอกว่าจะให้ไปทำ แต่บังเอิญมีตรงนี้ท่านอาจารย์ก็เลยชวนนะครับ แล้วก็บอกว่ามีแต่คนที่อยู่ทางนู้นแต่งกัน
         
          เอ๋ ชญาณิศวร์ :  ก็จะมีเราคนไทยที่บินไปจากไทยเนี่ยคู่เดียวค่ะ
         
          เอ๋ ไพโรจน์ :  ก็น่าจะเป็นการจุดประกายให้คนหันมาสนใจทางด้านวัฒนธรรม เพราะว่าคนไทยที่อยู่ทางโน่นก็เยอะนะครับ อย่างน้อยที่สุดก็คงจะมีการบอกต่อกันไปว่าเป็นดาราจากเมืองไทยไป ก็น่าจะจุดประกายอะไรบางอย่างให้กับวัฒนธรรมไทยเราได้นะครับ ก็ถือเป็นเกียรติ วันที่ 6 มิถุนาครับ
         
          เอ๋ ชญาณิศวร์ :  ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่ว่ามันก็เป็นความรู้สึกดีๆ เพราะว่าถ้าเราได้แต่งกับคนที่รู้สึกดีหรือรักเขาก็โอเคค่ะ แต่ว่าไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้อย่างนั้น อันนี้มันคือผลพลอยได้ ซึ่งถือโอกาสไปทำงานแล้วก็ได้มีโอกาสนี้ เราอยู่ด้วยกันมา 3-4 ปีได้แล้ว (ฮันนีมูนต่อเลยมั้ย) จริงๆ พี่สาวอยู่ที่เวียนนาอยู่แล้ว ก็เลยดีใจที่ได้ไปเจอพี่สาวด้วย
        

สำหรับเรื่องทายาทนั้น ฝ่ายหญิงบอกว่า ไม่อยากมีเพราะอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแก่โดยที่ไม่ต้องมานั่งเลี้ยงลูกเล็กๆ
         มีน้องคงไม่มีนะคะ อันนี้ยืนยันเพราะว่าจริงๆ ความรู้สึกเราอยากอยู่ดูแลกันในยามที่เราอายุเยอะๆ ไม่อยากแบบว่าพออายุเยอะแล้วต้องมาเลี้ยงลูกเล็กๆ อยู่ คือเรายังอยากไปไหนด้วยกันอยู่ เดี๋ยวเขาก็จะมีข้ออ้างว่าโอ๊ยอย่าไปเลยอยู่บ้านดีกว่าอะไรอย่างนี้(หัวเราะ)
         
          เอ๋ ไพโรจน์ : “คือถ้ามีตอนนี้กว่าลูกจะจบมหาลัยเนี่ยอายุเข้าไปเกือบ 80 มันท่าจะแย่นะครับ มันคงจะไม่เป็นผลดีต่อทุกส่วน เรื่องสินสอดไม่มีครับ และก็คงไม่ได้กลับมาจัดที่เมืองไทยความเข้าใจสำคัญกว่า จัดใหญ่โตอะไรยังไงก็คงเห็นอยู่แล้วว่าคงไม่ใช่ส่วนที่ทำให้คนเรายึดใจไว้ได้
         
          “คือเห็นว่าอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเผื่อว่าการแต่งงานมันจะเป็นตัวอย่างอันดีงามในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่นะครับ ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนี้ก็น่าจะทำอย่างน้อยที่สุดก็เป็นตัวอย่างดีๆ ให้กับรุ่นน้องๆ รุ่นหลานๆ
         
          เอ๋ ชญาณิศวร์ :แต่รู้สึกจะเป็นการแต่งงานครั้งแรกของคุณไพโรจน์ใช่มั้ยคะ
         
          เอ๋ ไพโรจน์ :  เคยแต่งแต่ในหนัง(หัวเราะ)
         
          เผยถึงธุรกิจหนังสือที่นักแสดงรุ่นเก๋าเคยเปิดตัวไปคือ ตำราอาหารสามัญประจำบ้านนั้น เจ้าตัวเผยว่ายังคงขายได้เรื่อยๆ แม้รายได้จะลดไปกว่าครึ่งก็ตาม
         
          “หนังสือก็ไปเรื่อยๆ ครับ แต่เห็นบอกว่าวงการหนังสือโดยภาพรวมรายได้มันหายไปครึ่งหนึ่ง อันนี้ก็แสดงว่าตอนนี้คนอาจจะบริโภคหนังสือในส่วนที่จำเป็นนะครับ ในส่วนของเราก็ไปได้เรื่อยๆ เราก็พอใจ เพราะว่าเราไม่ได้ตั้งเป้าอะไรไว้สูงนะครับ
         
          “สิ่งที่เราต้องการก็คือเราอยากจะเชิญชวนให้ทุกคนหันมาสนใจในการที่ดูแลสุขภาพ และก็จุดประกายอยากให้ทุกคนหันมาสนใจในเรื่องของการทำอาหาร ซึ่งเราก็คิดว่าเราสัมฤทธิ์ผลตรงนั้นแล้วนะครับ เรื่องยอดขายไม่เป็นไรหรอก ขายได้เท่าไหร่เราก็เอาเท่านั้น
         
          เผยถึงเรื่องคดีที่อดีตภรรยาเตรียมยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลในเรื่องของการแบ่งทรัพย์สินนั้น เจ้าตัวเผยว่าไม่น่าจะมีปัญหา ค่อยไปว่ากันในศาล
         
          “ไม่ทราบเหมือนกันครับ เดี๋ยวจะต้องถามทางทนาย รู้สึกเขาจะขอหรืออะไรไม่ทราบเหมือนกัน แต่ว่าคืออย่างนี้นะครับ อุทธรณ์เนี่ยถ้าเขาจะขอได้คือไม่ได้เกี่ยวการหย่า จะเกี่ยวกับเรื่องของทรัพย์สินนะครับ เขาอุทธรณ์ในส่วนนั้น เพราะว่าเรื่องเกี่ยวกับการหย่าจบแล้ว คือศาลตัดสินไปแล้ว หย่าเรียบร้อยแล้ว
         
          “ตอนนี้ผมไม่ได้จดทะเบียนกับใครทั้งสิ้น คือถ้าเผื่อว่าศาลไม่ได้ตัดสินอย่างชัดเจนเราคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ให้ทุกคนมาถามเรานะครับ เรื่องทรัพย์สินก็ยังอยู่ในขั้นศาล ถ้าเขาอุทธรณ์ก็อาจจะบอกว่ายังไม่พอใจเรื่องที่จะต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้เดี๋ยวก็ไปว่ากัน

 

กำลังโหลดความคิดเห็น