xs
xsm
sm
md
lg

เผยโฉม"ทีอานา"เจ้าหญิงผิวดำครั้งแรกของดิสนีย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในช่วงปี 2005 ที่ผ่านมาค่ายการ์ตูนยักษ์ใหญอย่างดิสนีย์ ได้สร้างสรรค์ตัวละครเจ้าหญิงขวัญใจเด็กๆออกมามากมาย โดยหนึ่งในเจ้าหญิงที่ถูกวางตัวไว้มีรายงานว่าเป็นเจ้าหญิงผิวดำ ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวเจ้าหญิงที่เป็นคนดำครั้งแรกของดิสนีย์

ก่อนหน้านี้ดิสนีย์เคยเปิดตัวเหล่าบรรดาเจ้าหญิงที่เป็นขวัญใจเด็กๆมามากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าหญิงผิวขาว ก่อนที่จะมาสร้างตัวละครใหม่ที่เน้นความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากยิ่งขึ้นโดยเริ่มจาก โพคาฮอนทาส ที่เป็นชาวพื้นเมืองอเมริกันหรืออินเดียนแดง และ มู่หลาน เจ้าหญิงจากเอเชีย

และตัวละครที่เป็นคนดำนั้นก็ถูกวางไว้ก่อนที่จะเกิดกระแส บารัค โอบามา ฟีเวอร์ไปทั่วโลกด้วย แต่ถึงอย่างไรการเปิดตัวเจ้าหญิงคนดำครั้งนี้ของดิสนีย์ก็สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทีเดียว

ซึ่งทางสตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์เผยว่าทางค่ายได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของสังคมที่นับวันมีชาวแอฟริกัน - อเมริกัน เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมาย ทำให้ตัวละครเจ้าหญิง ทีอานา ถูกวางตัวไว้ให้เป็นลูกครึ่งที่มีส่วนผสมของแอฟริกัน - อเมริกัน ซึ่งจะปรากฏตัวในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า The Princess and the Frog

โดยทางดิสนีย์ได้เปลี่ยนคาแร็กเตอร์ของเจ้าหญิงเสียใหม่โดยเปลี่ยนจากสาวใช้มาเป็นสาวที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของร้านอาหาร พร้อมกับเปลี่ยนชื่อจาก แมดดี้ มาเป็น ทีอานา หลังโดนวิจาร์ณอย่างหนักในข้อหาเหยียดผิวโดยระบุว่าชื่อแมดดี้เป็นชื่อของทาส พร้อมกันนั้นยังวิจารณ์กันว่าเนื้อเรื่องดัดแปลงมาจาก Mammy เรื่องราวของทาสสาวผิวดำที่ทำงานอยู่ในครอบครัวของชาวผิวขาว

ตามรายงานระบุว่า ทีอานา ได้รับการพากษ์เสียงโดย อนิกา โนนี โรส ที่เคยแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Dreamgirls ขณะที่แม่ของทีอานา พากษ์เสียงโดยเจ้าแม่ทอล์คโชว์ชื่อดังอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์

ทางด้านเจ้าชายที่ทีอานาหลงรักนั้น ตามรายงานระบุว่าก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าชายของเธอนั้นถูกบรรยายไว้ว่าเป็นผู้ที่มีผิวสีโอลีฟ ซึ่งได้รับการพากษ์เสียงโดย บรูโน แคมโพส นักแสดงหนุ่มชาวบราซิลเลียน ซึ่งถือว่าไม่ใช่การตกหลุมรักกับเจ้าชายผิวดำอย่างที่หลายๆคนคาดการณ์กันไว้

นับได้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ถือเป็นการข้ามผ่านคำครหาในเรื่องการเหยียดผิว และเชื้อชาติของค่ายดิสนีย์ที่โดนกระหน่ำและได้รับการตั้งประเด็นเป็นกรณีศึกษาจากนักวิจารณ์มาทั่วโลกนานเกือบทศวรรษได้เลยทีเดียว



กำลังโหลดความคิดเห็น