xs
xsm
sm
md
lg

“จอห์น มกจ๊ก” ประกาศตายคาห้องแถว ถึงรวยก็ไม่หนีเพราะ “ผีโจ้-เจนนี่” มาหาทุกวันพระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จอห์น มกจ๊ก” อู้ฟู่ขายน้ำพริกได้วันละหมื่น เผยถึงจะรวยแค่ไหนก็จะไม่ย้ายหนีไปจากห้องแถวที่เคยอยู่กับ “โจ้” และ “น้องเจนนี่” สามีและลูกที่ตายไป เพราะทั้งคู่จะมาหาทุกวัน ทำให้ชีวิตมีความสุขเหมือนได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา

หลังจากที่ผันชีวิตจากตลกหันมาขายน้ำพริกสู้ชีวิตกระปุกละ 20 บาทบนสะพานลอยหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว ส่งผลให้ชีวิตของ “จอห์น ม๊กจก” ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก ตลกแคระที่อาภัพสูญเสียสามี “โจ้ สมชาย จันทรเจือ” และ “น้องเจนนี่” ลูกสาวในเวลาไล่เลี่ยกันกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนท์ต่างๆ ที่มักจะเชิญจอห์นไปออกบูทขายน้ำพริกตามงานต่างๆ รวมไปถึงประชาชนทั่วไปที่ช่วยกันอุดหนุนน้ำพริก จนเวลานี้ยอดขายทะลุวันละพันกระปุก รวมๆ แล้วมีรายได้วันละเป็นหมื่นบาท

ชีวิตของจอห์นวันนี้เรียกว่าดีขึ้นมากและมีเงินเหลือเก็บอยู่จำนวนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะใช้เงินไปซื้อบ้านหลังใหม่ทดแทนบ้านหลังเก่าที่ขายไปแล้ว แต่กลับพอใจที่จะอยู่ห้องแถวที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับลูกและสามีเมื่อสมัยที่ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะนอกจากจะมีความหลังความผูกพันกับห้องนี้แล้ว จอห์นยังเปิดเผยให้ฟังว่า ตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ โจ้ และ น้องเจนนี่ ก็ได้มาหาทุกวันพระเป็นประจำ ทำให้จอห์นมีความสุข ประกาศขอตายที่นี่ ถึงแม้จะมีเงินก็ไม่ขอย้ายไปอยู่ที่ไหน

“ตอนนี้น้ำพริกก็ขายเรื่อยๆ ก็มีคนช่วยเหลือมีออเดอร์มาเพียบ รายได้ก็เยอะขึ้น น้ำพริกก็ออกเยอะดี ยิ่งเป็นข่าวก็ยิ่งออกเยอะกว่าเมื่อตอนยังไม่ได้เป็นข่าว ตอนช่วงแรกๆ ก็ขายวันละ 150-200 กระปุก แต่ช่วงนี้ก็ขายได้เป็นพัน เมื่อก่อน 150-200 กระปุกก็ได้ประมาณ 4,000 แต่ตอนนี้เป็นพันก็ได้เงินหมื่น”

“ชีวิตของจอห์นตอนนี้ก็ดีขึ้น อยากให้ทุกคนรู้ว่า จอห์นคนเก่าที่เป็นแฟนโจ้ได้ตายไปแล้ว เหลือแต่จอห์นน้ำพริกสู้ชีวิตคนเดียว ซึ่งทุกคนก็ให้กำลังใจจอห์นก็อยากจะกราบขอบคุณ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนหรือใครก็ตามที่ได้ช่วยฟื้นชีวิตใหม่ของจอห์น จอห์นก็ไม่เคยใฝ่ฝันหรือวาดหวังว่าจะมีชีวิตใหม่เลย จอห์นก็อยู่อย่างไม่มีความหวังไม่มีอะไรจะดีขึ้นมาเลย ไม่ได้คาดฝันว่าจะมีวันนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้มันหมดไปทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแล้ว”

“พอเป็นข่าวก็มีรายได้เข้ามาเยอะแต่ก็เหนื่อยเยอะเพราะเราก็ต้องทำตามใจลูกค้า แต่ก็ดีที่ทำแล้วก็มีเงินเหลือทำบุญทำทานให้ลูกให้แฟน ซื้อของไปให้คนโน้นคนนี้แจกเด็กๆ เมื่อก่อนตอนยังไม่เป็นข่าวเราทำบุญให้ลูกให้แฟนก็ไม่ได้ทำใหญ่โตแต่ก็ทำทุกปี ครบวันไหนก็ทำ วันเกิดวันเสียก็ทำจะซื้อสังฆทานซื้อเค้กให้เขาและก็ใส่บาตรให้ลูกให้แฟน แต่ตอนนี้พอเป็นข่าวก็ดีขึ้นตรงที่เรามีรายได้มีเงินเพิ่มขึ้น จอห์นก็อยากจะทำบุญแยอะๆ เกิดชาติหน้าจะได้ไม่เป็นแบบนี้”

เผยตอนนี้เริ่มมีตังค์เก็บบ้างแล้ว และจะดูแลเรื่องการเงินไม่ให้ผิดพลาดเหมือนครั้งก่อน
“ตอนนี้ก็เริ่มมีตังค์เก็บบ้างแล้วแต่เมื่อก่อนไม่มี ถึงแม้ตอนนี้เราจะมีชีวิตใหม่แล้วแต่ก็จะตั้งหน้าตั้งตาทำน้ำพริกต่อไปเหมือนเดิม ที่ล้มครั้งก่อนก็เป็นเพราะเราวางแผนการเงินไม่ดีและเรื่องคนด้วย แต่จอห์นไม่อยากจะพูดถึงมันเป็นความผิดของจอห์นไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น จอห์นพลาดไปแล้ว จอห์นไม่มีเพื่อนไม่มีที่ปรึกษาก็ไม่รู้เรื่องใครอยากได้อะไรจอห์นก็ให้ ความผิดพลาดทั้งหมดจอห์นขอรับไว้คนเดียว ถึงใครจะบอกว่าจอห์นเล่นการพนันจอห์นก็ยอมรับ จะจริงหรือเท็จจอห์นก็ยอมรับคนเดียว”

“ตอนนี้ถ้าจอห์นมีเงินนะจอห์นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่ว่าญาติพี่น้องหรือใครก็ช่าง จอห์นจะตั้งใจเก็บไว้เผื่อตอนจอห์นแก่หรือจอห์นพลาดพลั้ง หรือไม่ก็เอาไปบริจาคให้คนที่ไม่มีกว่าจอห์น จอห์นจะทำบุญเยอะๆ จะไม่ให้ใครทั้งสิ้น จะไม่เหมือนเดิมจะไม่ยุ่งกับใคร ใครจะมาแตะนิดแตะหน่อย ใครจะมาบอกว่ายืมตังค์หน่อยก็จะไม่ให้อีกเลย จอห์นเจ็บแล้วต้องจำ”

“คนที่เคยทำกับจอห์นเรื่องเงินนี่มีเยอะ จอห์นจะเลิกยุ่งแล้ว และจอห์นก็จะไม่รู้จักด้วย อย่างถ้าใครที่เคยรู้จักและทำให้จอห์นพลาดมาถามจอห์นนะ จอห์นจะแบบเป็นใครเหรอ ไม่รู้จัก จอห์นจะพูดอย่างนี้เลยนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”

“จอห์นทำน้ำพริกโด่งดังมีชื่อเสียงมามีคนเก่าๆ มาทักมาถามจอห์นเยอะเลยนะ จอห์นก็จะแบบคุณเป็นใครเหรอ จอห์นไม่เคยหน้าเลย จอห์นไม่เคยรู้จัก จอห์นจะพูดแบบนั้นไป เพราะจอห์นเจ็บแล้วจอห์นจำ ถ้าเป็นญาติพี่น้องจอห์นก็จะบอกว่า ไม่มีแล้ว ญาติพี่น้องตายหมดแล้ว โกหกตัวเองได้แต่โกหกใจตัวเองไม่ได้ จอห์นยอมรับบาปยอมรับผิดที่จะบอกว่า ญาติพี่น้องตายหมดไม่มีใครแล้ว”

“ตอนที่เรามืดไม่มีใครเลย เราเสียหลักอยากจะให้พี่น้องมาช่วย คนที่สนิทกับเรามาช่วยแต่ที่ไหนได้มีแต่มาเบียดเรามาเอากับเรา มาตั้งข้อหาโน้นข้อหานี้กับเรา ก็โอเคเรายอมรับคนเดียว ตอนนี้ถ้าหามาได้ก็จะไม่ให้ใครไม่เกี่ยวกับใคร”

เผยพอชีวิตเริ่มดีขึ้น ญาติๆ ก็เริ่มติดต่อมาหา
“ตั้งแต่ขายบ้านไปจอห์นก็ไม่เคยติดต่อกับใคร แบบว่าจอห์นคนเก่าได้ตายไปแล้ว ถึงจะไม่มีจะกินก็ไม่ติดต่อหาเขา จอห์นจะสู้ของจอห์นอยู่อย่างนี้ แต่เขาก็ติดต่อมานะแต่จอห์นไม่รับสาย ถ้ารับก็ถามว่าเป็นใครแค่นั้น และก็ให้คนอื่นรับหน้าแทนจอห์นไม่รับสาย หลังเป็นข่าวเขาก็ติดต่อมาแต่จอห์นไม่รับสาย จอห์นแค่บอกว่าจอห์นไม่รู้จักและก็ให้คนอื่นรับสายแทน เขาก็บอกว่าขอสายพี่จอห์นจากตรงโน้นตรงนี้ จอห์นก็จะบอกว่า จอห์นไม่รู้จักเพราะเราตัดขาดกันไปแล้ว”

เข็ดกับปัญหาญาติพี่น้องสมัยที่ยังมีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ เผยตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวเดิมที่เคยอยู่กับ “โจ้” และ “น้องเจนนี่” มีความสุขมากเหมือนว่าทั้งคู่อยู่ด้วยตลอดเวลา
“ชาตินี้ถึงมีตังค์จอห์นจะไม่เอาบ้านแล้วไม่ซื้อบ้านแล้ว เพราะจอห์นอยู่ตรงนี้จอห์นมีความสุข ห้องแถวตรงนี้เป็นที่เก่าที่แก่ก็อยู่ตรงนี้ แต่งงานก็อยู่ตรงนี้ คลอดน้องเจนนี่ก็อยู่ตรงนี้ โจ้เสียก็อยู่ตรงนี้ จอห์นกลับมาที่เก่าจอห์นมีความสุขมาก ถึงแม้วันนี้โจ้กับน้องเจนนี่จะจากไปนานแล้ว แต่ก็เหมือนเขาอยู่กับเราตลอดเวลา”

“พอใกล้จะถึงวันพระน้องเจนนี่เขาจะมาเล่นด้วยทุกคืน อันนี้เป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหก ใครไม่เชื่อก็ช่างแต่จอห์นเชื่อคนเดียว แต่ตอนที่อยู่บ้านหลังโน้น(หลังที่ขายไป) เขาก็ไม่มา อยู่บ้านหลังนั้นจอห์นไม่มีความสุขเลย มันมีแต่ความวุ่นวายอิจฉาริษยา”

“อยู่บ้านหลังโน้นโจ้ไม่มาน้องเจนนี่ก็ไม่มา แต่อยู่ที่นี่วันแรกที่จอห์นขายบ้านจอห์นมาอยู่ที่นี่ประมาณ 4 ทุ่มก็จะไปเรียกเขาว่า โจ้น้องเจนนี่จอห์นมาอยู่ตรงนี้แล้วนะ รู้แล้วใช่ไหมว่าอยู่ตรงไหนตามมานะ ก็ปรากฏว่าเข้านอนไปน้องเจนนี่ก็มาจับหูสะกิดและก็พูดภาษาเขานั่นแหละ แม่จอห์นๆ เราก็สะดุ้งพรวดขึ้น อ๋อ...หมาน้อยชอบที่เก่าล่ะสิวิ่งเล่นอยู่”

“คนที่ห้องแถวเขาก็เห็นนะ เขาจะเห็นน้องเจนนี่วิ่ง ในความรู้สึกคือลูกอยู่กับเราตลอด ทุกวันจอห์นจะชงกาแฟให้โจ้จุดบุหรี่ให้โจ้ และก็หาอะไรให้น้องเจนนี่กิน เขาจะมาหาเราเป็นประจำอย่างสมมติว่า วันพรุ่งนี้วันพระเขาจะมาหาเราวันนี้ บางทีก็มาคนเดียวบางทีก็มาสอง อย่างถ้าโจ้มาจะได้กลิ่นตัวมาเลยเป็นกลิ่นบุหรี่มาก่อนเขาชอบดูดบุหรี่”

“น้องเจนนี่ย้ายมาคืนแรกก็เจอคืนนั้นเลย แต่โจ้เจอหลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือน วันนั้นนอนอยู่แล้วเหมือนกลิ่นตัวเขามานอนอยู่ข้างเราและก็สะกิดด้านข้าง เราจำได้ก็บอกเขาไปว่า อ๋อเธอกลับมานอนที่เก่าล่ะสิ จำได้ล่ะสิ นี่ห้องตัวเองเคยมานอน เคยอยู่ที่นี่เคยตายอยู่ที่นี่ มีความสุขไหมที่เรากลับมาแล้ว เรามีความสุขนะ”

“จอห์นจะชอบพูดเล่นกับเขา อย่างเวลาที่กลับมาห้องก็จะชอบพูดเล่นกับเขา น้องเจนนี่สบายดีไหม กินข้าวหรือยัง พ่อพากินข้าวกับอะไร ไม่เห็นโทรศัพท์กลับมาหาแม่บ้างเลยอะไรแบบนี้ ก็จะพูดกับรูปภาพเขาแบบนี้”

“เขามาหาก็ไม่กลัวนะ จอห์นเป็นคนไม่กลัวอะไร จอห์นจะเป็นคนที่ตื่นแต่เช้า ตื่นตี 3 จะเงียบจอห์นจะเปิดผ้าม่านหรือเปิดประตูออกมาเพราะอยากจะเห็นโจ้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาจากเล่นตลก อยากจะเจอจังๆ แบบนั้น บางทีก็มานั่งเล่นหน้าห้องอยากเจอเขาลงมอเตอร์ไซค์เดินต่อกแต่กๆ มา”

“ไม่เหมือนอยู่บ้านหลังโน้นเขาไม่มาหา ก็น่าจะเป็นเพราะว่า โจ้เขาไม่ชอบบ้าน เขาเคยพูดว่า ถ้าเรามีตังค์เราก็ไม่ซื้อบ้านนะเราจะไปอยู่บ้านนอก แต่จอห์นซื้อมันคือเวรกรรมของจอห์นเพราะจอห์นอยากซื้อไว้ให้ลูก พอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็สัญญากับกับโจ้และน้องเจนนี่ต่อหน้ารูปของเขาว่า โจ้เราจะไม่ไปไหนถ้าตายก็ขอให้ตายอยู่ตรงนี้ จะร่ำจะรวยหรือจะมีเงินแค่ไหนเราก็เข็ดแล้ว เราจะไม่ไปไหนทั้งสิ้นเราจะไม่กล้าไปไหนทั้งสิ้น”

“เราก็รู้นะว่าเขาไม่มีตัวตน แต่ตอนนี้เราก็ไประเบิดจิตกับอาจารย์จุฬามา ท่านก็บอกให้ใจเย็นๆ ตั้งสติให้ดีเพราะมันเป็นกรรมของเราเป็นเวรของเรา แต่ตอนนี้มันหมดแล้วหมดทุกสิ่งทุกอย่าง รถก็ไม่ใช่ของจอห์น บ้านก็ไม่ใช่ของจอห์น น้องเจนนี่ก็ไม่ใช่ของจอห์น มันเป็นของโจ้หมด จอห์นเคยใฝ่ฝันไหม เคยคิดไหมว่าจะได้แต่งงาน”
 
“ซึ่งจอห์นก็เคยพูดหลายครั้งแล้วว่า จอห์นไม่เคยใฝ่ฝันเลยว่าจะได้มีครอบครัวจะได้แต่งงาน แต่พอแต่งงานปุ๊บโจ้ก็ไปจากจอห์น น้องเจนี่ก็ไปจากจอห์น รถโจ้ก็ชอบเขาก็เอาไป บ้านเขาก็บอกว่าใช่ เพราะอาจารย์บอกว่าใช่ อาจารย์บอกว่าจอห์นไม่เคยเสียดายอะไรทั้งสิ้นเพราะมันไม่ใช่ของจอห์น เราตั้งสติดีแล้ว”

“อาจารย์ก็แนะนำสั่งให้ไปแก้อะไรก็แก้ตาม ตอนแรกไม่เชื่อเพราะคิดว่าชีวิตของจอห์นคงไม่มีอะไรดีขึ้น สั่งให้ไปแก้อะไรก็ทำตามไปอย่างนั้น แต่ปรากฏว่าชีวิตของจอห์นดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อาจารย์ก็โทรนัดมาอีกว่าให้เราไปทำแก้กรรมตามที่ท่านบอก ก็ไปแก้ชีวิตของจอห์นก็ดีขึ้นมาก”

“นอกจากนั้นแล้วอาจารย์ก็ทายว่า ให้ระวังนะ ระวังจะดังอีกนะ เราก็บอกพอแล้วอาจารย์หนูไม่อยากจะดังอะไรอีกแล้ว เราไม่มีทางสู้แล้ว อยู่คนเดียวไม่อยากจะอะไรอีกแล้ว ท่านก็บอกว่าปีหน้านี่แหละไม่ช้าก็เร็วจะดังกว่าเก่า ไม่เกี่ยวกับวงการไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น แต่เกี่ยวกับน้ำพริกตัวเอง”

“ถ้าจะดังและมีตังค์จริงๆ จะเอาเงินไปทำทุนบ้าง ฝากแบงค์บ้าง ไม่อยากได้อะไร ไม่เอารถไม่เอาอะไรทั้งสิ้น เอาแล้วเกิดความวุ่นวาย”
กำลังโหลดความคิดเห็น