งึก งึก งัก งัก มันป็น งึก งึก งัก งัก
มัน เป็นสะเม็ก มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ
ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม...
ใครจะคาดคิดบ้างว่าคำเหล่านี้จะกลายเป็นภาษาที่ถูกเขียนขึ้นมาเป็นเนื้อเพลงได้
และจะมีใครคาดคิดบ้างว่าเพลงที่เกิดขึ้นมาจากภาษาเหล่านี้จะกลายเป็นฮิตขึ้นมาได้
...
กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของวงการเพลงบ้านเราไปเสียแล้วที่ว่าในแต่ละปีจะต้องเกิดปรากฏการณ์กระแสเพลงฮิต ขึ้นมาสักเพลงสองเพลง ชนิดที่ว่าไม่ได้แค่ดังแค่เฉพาะในกลุ่มคนฟังเพลงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น หากแต่สามารถเข้าถึงคนฟังทุกเพศ-ทุกวัย โดยที่บางคนอาจจะมิได้ชื่นชอบอะไรมากมาย แต่ได้ยินจนติดหู และหลายคนสามารถร้องท่อนฮุกได้อย่างติดปาก
ทั้งนี้ เพลงดังที่เข้าข่ายเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากสายของเพลงลูกทุ่ง ทั้งที่เป็นลูกทุ่งเพื่อชีวิต, ลูกทุ่งอีสาน, ลูกทุ่งปักษ์ใต้ แทบจะทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วกับเพลง หมีแพนด้า ของศิลปินไฮโร, จี่หอย ของพี สะเดิด, ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ ของ ตั๊กแตน ชลดา, ขอนไม้กับเรือ ของ บ่าววี, ไก่ ตาฟาง ของ ธันวา ราศรีธนู, คนบ้านเดียวกัน ไผ่ พงศธร ฯ
และที่กำลังฮิตระบาดเปิดฟังกันตั้งแต่ล้านลาบ ส้มตำ ข้างทางต่างจังหวัด ไปยันแม้กระทั่งผับ-เธคหรูหราในเมืองกรุงในเวลานี้ ก็คือ เพลงที่มีชื่อว่า “มันต้องถอน” ของศิลปินจากแดนดินถิ่นอีสาน “ปอยฝ้าย มาลัยพร”
กับเนื้อร้องที่ยากจะเข้าใจในความหมาย จนบางคนอาจจะสบถออกมาว่ามันร้องอะไรของมันฟะ? แต่เชื่อว่าหลายคนฟังแล้วคงอดที่จะอมยิ้มไม่ได้
งึก งึก งัก งัก มันป็น งึก งึก งัก งัก งึก งึก งัก งัก มันป็น งึก งึก งัก งัก มันเป็นกะอึกกะอัก มันเป็นจึก จึก จั๊ก จั๊ก มันเป็นอยากได๋จักกั๊ก มันเป็นบ่คึกบ่คัก ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตั๊ม ตัม ตั๊ม ตัม ตั๊ม ตัม ตั๊ม ตัม ตัม ตัม จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน...
โชงโล่งเซงเลง มันเป็น โซงโลงเซงเลง โชงโล่งเซงเลง มันเป็น โซงโลงเซงเลง มันมะโล่งมะเล่ง มันเป็นคือโซ่บ่เค่ง มันเป็นวิน วิน เซง เซง มันเป็นโอ่งโล่ง เอ่งเล่ง ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ต๋อม ต่อม ต้อม ต๊อม ต๋อม ต๋อม ต่อม ต๋อม ต๋อม ต่อม ต้อม ต๊อม ต๋อม ต๋อม ต่อม ต๋อม จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน…..(ถอนอย่างเดียว)
กินเหล้าเมิดคืนมันบ่ซืนบ่แจ่ม มันกะอ๋อมกะแอ๋ม มันงึก งึก งัก งัก คันได๋มาถอน ละซ่วงวะ ซ่วงวะจั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน…..(ถอนแล้วจั่งซี่ซ่วง)
มัน เป็นสะเม็ก มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ คันถอนคือสิซ่วงวะ จั่งซั่นเอาจั่งซี่ซะ ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม หยอย หย่อย หย๋อย หยอย หยอ่ย หย่อย หยอ่ง จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน…
แม้จะดูแปลกในเรื่องของคำที่ใช้แต่หากพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่ารูปแบบของการเขียนเพลงๆ นี้มิได้แตกต่างนักจากเพลงอย่างจี่หอยของ พี สะเดิด หรือถ้าไปกลกว่านั้นหน่อยก็คืออีกหลายเพลงของศิลปินแนวกันตรึมอย่าง “ร็อคคงคย” ที่เคยทำให้เพลงกันตรึมเป็นกระแสมาแล้ว
“ไม่มีอะไรเลยก็แค่เล่นคำ มันมีเยอะมากนะเพลงที่มีเนื้อร้องแบบนี้ โดยเฉพาะในเพลงประเภทลูกทุ่งอีสาน เพียงแต่หลายเพลงมันไม่โดน ไม่เด่นเท่ากับเพลงนี้” แคน สาริกา นักข่าว-นักเขียนรุ่นใหญ่ที่คลุกคลีอยู่กับวงการเพลงลูกทุ่งมานานแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ เจ้าตัวยังบอกต่อไปด้วยว่า ถึงวันนี้แม้การทำเพลงลูกทุ่งประเภทต่างๆ จะไม่มี “สูตรสำเร็จ” ที่บอกได้ว่าเพลงไหนจะดัง เพลงไหนจะได้รับความนิยม แต่หลักสำคัญที่เป็นแนวคิดของคนทำงาน ก็คือ เรื่องของการเล่นคำ มุกตลก รวมทั้งท่อนฮุก
“แทบจะไม่เกี่ยวกับจังหวะเลยนะ อาจจะมีส่วนบ้าง แต่เพราะจังหวะของเพลงประเภทนี้มันค่อนข้างจะซ้ำๆ กันอยู่ ประเภทร้อยเนื้อทำนองเดียว เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมาวัดกันที่การใช้คำ แล้วก็ท่อนฮุก อย่างเพลงจี่หอย หอยจี่ นี่ก็คือการเล่นคำ หรือขนาดหมีแพนด้าแค่บ่นยังดังได้เลย”
“มันจะมีสูตรกลางๆ ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตาย คือ ต้องมีคำขาย ต้องมีท่อนฮุก แล้วปัญหาไม่ใช่ว่าทุกคนทำแล้วจะโดน ยกตัวอย่างก็คือ ทุกคนต่างรู้เหมือนกันหมดว่าจะทำการตลาดแบบไหน เพราะมันมีทฤษฎีอยู่ เพียงแต่ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน และออกมาโดนกว่ากัน”
เพลงมันต้องถอนนี้เขียนเนื้อร้องโดย “บุญล้อม คู่กะสังข์” ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเขียนเพลงของ “สัญสาลักษณ์ ดอนศรี” เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อเพลงโจ๊ะ” นักแต่งเพลงชื่อดังที่ว่ากันว่ากำลังมาแรงเหลือเกินในสายเพลงลูกทุ่งสายอีสานในตอนนี้ โดยเขาเองเป็นคนที่ทำให้ ศิลปินสาวอย่าง “สาวมาด เมกะแดนซ์” เป็นที่รู้จักมาแล้วกับเพลง “สาวลาดพร้าว” กับคำร้องที่ว่า “บ้านน๊อกบ้านนอก”
รวมไปถึงเพลง “ดาวมหาลัย” ที่นอกจากจะฮาแล้ว เนื้อหาของเพลงนี้ยังฉายให้เห็นภาพความคิดของเด็กบ้านนอกส่วนใหญ่ที่มาหลงแสงสีความฟุ้งเฟ้อโลกแห่งวัตถุนิยมของเมืองหลวงกระทั่งลืมความเป็นบ้านนอกไปอีกต่างหาก
เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ เซเว่น บิ๊กซี ไม่มีที่บ้านหนองใหญ่
มีแต่ตลาดนัดคลองถม ไร้รสนิยม ดาวรับไม่ได้
...
เคยเดินเล่นแถวเซ็นเตอร์พอยท์
ต้องมาเดินต้อยๆ ไล่วัวไล่ควาย
คิดมาเศร้าใจอดสู คิดถึงสังคมหรูๆ
...
ใส่เอวต่ำสายเดี่ยวเกี่ยวข้าว
ควายเถิกควายเฒ่ายืนน้ำลายไหล
คุณแม่พานั่งรถอีแต๊ก หัวสั่นด๊อกแด๊ก
กลับถึงบ้านเป็นไข้ อยู่มหาลัยเป็นเชียร์ลีดเดอร์
เป็นพริตตี้ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้มาเป็นฟาร์เมอร์
...
“จะว่าไปแล้วเพลงประเภทที่เน้นขายเนื้อหาแบบมุกตลก หรือว่าอะไรทำนองนี้มันมีมานานแล้วนะ อย่างโปงลางสะออนนี่ก็ใช่ แต่คำถามก็คือทำไมเพลงของโปงลางไม่ดังแบบเปรี้ยงปร้างล่ะ ตรงนี้แหละมันอยู่ที่กึ๋นของคนทำเพลงไง”
“อย่างสาวมาดนี่จะว่าไปแล้วบุคลิกก็มาจากลูลู่ลาล่าอะไรทำนองนั้น เพียงแต่ว่าต้องบอกว่าสาวมาดนั้นมาขโมยซีนไปเลย”
นอกจากจะโชคดีในเรื่องที่ว่ากลุ่มเป้าหมายของวงการเพลงลูกทุ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างจะมีความจงรักภักดีกับศิลปินคนโปรดของตนเอง และไม่สันทัดมากนักในเรื่องเทคโนโลยีฟังเพลงแบบไม่ต้องเสียกะตังค์เหมือนกับที่คนทำเพลงประเภทแนวป๊อป-สตริง ทั้งหลายต้องเผชิญอยู่แล้ว
ว่ากันว่า การเติบโตของธุรกิจทางด้านเคเบิลในต่างจังหวัด รวมถึงโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนั่นเองที่มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำให้เพลงลูกทุ่งในหลากหลายรูปแบบมีการเผยแพร่ไปยังกลุ่มผู้คนในวงกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และนี่เองที่เป็นคำตอบส่วนหนึ่งของคำถามที่ว่าทำไมเพลงลูกทุ่งหลายๆ เพลงถึงได้ดังแรง ดังเร็ว และดังอย่างที่วัยรุ่นบางส่วนหนึ่งไม่รู้สึกว่าเชยตรงกันข้ามอาจจะรู้สึกว่าเท่ห์เสียด้วยซ้ำไปหากสามารถร้องท่อนฮุกของเพลงที่กำลังฮิตนั้นได้
“สังเกตได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ค่ายเพลงใหญ่ๆ หันไปให้ความสนใจกับทีวีดาวเทียมมากขึ้น เพราะว่าต้นทุนต่ำ สามารถโฆษณาขายศิลปินของตนเองได้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง ออกไปดูตามต่างจังหวัดตอนนี้เราจะเห็นแทบทุกบ้านมีจานรับดาวเทียมกันหมดแล้ว”
“แล้วลองคิดดูสิ ขนาดที่ว่าร้านอาหารที่เคยเอาคาราโอเกะมาตั้งแล้วต้องมาเจอเก็บค่าลิขสิทธิ์อะไรเนี่ย หลายร้านเขาเลิกไปเลยนะ หันมาติดจานดาวเทียมแล้วเปิดช่องเพลงที่ฉายมิวสิกวิดีโอตลอดวันตลอดคืนแทน คือ ประหยัด แล้วก็ปลอดภัยพวกนักบินมาเก็บเงินด้วย” แคน สาริกา ทิ้งท้าย
มัน เป็นสะเม็ก มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ
ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม...
ใครจะคาดคิดบ้างว่าคำเหล่านี้จะกลายเป็นภาษาที่ถูกเขียนขึ้นมาเป็นเนื้อเพลงได้
และจะมีใครคาดคิดบ้างว่าเพลงที่เกิดขึ้นมาจากภาษาเหล่านี้จะกลายเป็นฮิตขึ้นมาได้
...
กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของวงการเพลงบ้านเราไปเสียแล้วที่ว่าในแต่ละปีจะต้องเกิดปรากฏการณ์กระแสเพลงฮิต ขึ้นมาสักเพลงสองเพลง ชนิดที่ว่าไม่ได้แค่ดังแค่เฉพาะในกลุ่มคนฟังเพลงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น หากแต่สามารถเข้าถึงคนฟังทุกเพศ-ทุกวัย โดยที่บางคนอาจจะมิได้ชื่นชอบอะไรมากมาย แต่ได้ยินจนติดหู และหลายคนสามารถร้องท่อนฮุกได้อย่างติดปาก
ทั้งนี้ เพลงดังที่เข้าข่ายเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากสายของเพลงลูกทุ่ง ทั้งที่เป็นลูกทุ่งเพื่อชีวิต, ลูกทุ่งอีสาน, ลูกทุ่งปักษ์ใต้ แทบจะทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วกับเพลง หมีแพนด้า ของศิลปินไฮโร, จี่หอย ของพี สะเดิด, ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ ของ ตั๊กแตน ชลดา, ขอนไม้กับเรือ ของ บ่าววี, ไก่ ตาฟาง ของ ธันวา ราศรีธนู, คนบ้านเดียวกัน ไผ่ พงศธร ฯ
และที่กำลังฮิตระบาดเปิดฟังกันตั้งแต่ล้านลาบ ส้มตำ ข้างทางต่างจังหวัด ไปยันแม้กระทั่งผับ-เธคหรูหราในเมืองกรุงในเวลานี้ ก็คือ เพลงที่มีชื่อว่า “มันต้องถอน” ของศิลปินจากแดนดินถิ่นอีสาน “ปอยฝ้าย มาลัยพร”
กับเนื้อร้องที่ยากจะเข้าใจในความหมาย จนบางคนอาจจะสบถออกมาว่ามันร้องอะไรของมันฟะ? แต่เชื่อว่าหลายคนฟังแล้วคงอดที่จะอมยิ้มไม่ได้
งึก งึก งัก งัก มันป็น งึก งึก งัก งัก งึก งึก งัก งัก มันป็น งึก งึก งัก งัก มันเป็นกะอึกกะอัก มันเป็นจึก จึก จั๊ก จั๊ก มันเป็นอยากได๋จักกั๊ก มันเป็นบ่คึกบ่คัก ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตั๊ม ตัม ตั๊ม ตัม ตั๊ม ตัม ตั๊ม ตัม ตัม ตัม จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน...
โชงโล่งเซงเลง มันเป็น โซงโลงเซงเลง โชงโล่งเซงเลง มันเป็น โซงโลงเซงเลง มันมะโล่งมะเล่ง มันเป็นคือโซ่บ่เค่ง มันเป็นวิน วิน เซง เซง มันเป็นโอ่งโล่ง เอ่งเล่ง ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ต๋อม ต่อม ต้อม ต๊อม ต๋อม ต๋อม ต่อม ต๋อม ต๋อม ต่อม ต้อม ต๊อม ต๋อม ต๋อม ต่อม ต๋อม จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน…..(ถอนอย่างเดียว)
กินเหล้าเมิดคืนมันบ่ซืนบ่แจ่ม มันกะอ๋อมกะแอ๋ม มันงึก งึก งัก งัก คันได๋มาถอน ละซ่วงวะ ซ่วงวะจั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน…..(ถอนแล้วจั่งซี่ซ่วง)
มัน เป็นสะเม็ก มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ มันเป็น อุ๊ อุ๊ อ๊ะ อ๊ะ คันถอนคือสิซ่วงวะ จั่งซั่นเอาจั่งซี่ซะ ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ๋ม ตึ่ม ตึ่ม ตึม ตึม ตึ๋ม หยอย หย่อย หย๋อย หยอย หยอ่ย หย่อย หยอ่ง จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน…
แม้จะดูแปลกในเรื่องของคำที่ใช้แต่หากพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่ารูปแบบของการเขียนเพลงๆ นี้มิได้แตกต่างนักจากเพลงอย่างจี่หอยของ พี สะเดิด หรือถ้าไปกลกว่านั้นหน่อยก็คืออีกหลายเพลงของศิลปินแนวกันตรึมอย่าง “ร็อคคงคย” ที่เคยทำให้เพลงกันตรึมเป็นกระแสมาแล้ว
“ไม่มีอะไรเลยก็แค่เล่นคำ มันมีเยอะมากนะเพลงที่มีเนื้อร้องแบบนี้ โดยเฉพาะในเพลงประเภทลูกทุ่งอีสาน เพียงแต่หลายเพลงมันไม่โดน ไม่เด่นเท่ากับเพลงนี้” แคน สาริกา นักข่าว-นักเขียนรุ่นใหญ่ที่คลุกคลีอยู่กับวงการเพลงลูกทุ่งมานานแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ เจ้าตัวยังบอกต่อไปด้วยว่า ถึงวันนี้แม้การทำเพลงลูกทุ่งประเภทต่างๆ จะไม่มี “สูตรสำเร็จ” ที่บอกได้ว่าเพลงไหนจะดัง เพลงไหนจะได้รับความนิยม แต่หลักสำคัญที่เป็นแนวคิดของคนทำงาน ก็คือ เรื่องของการเล่นคำ มุกตลก รวมทั้งท่อนฮุก
“แทบจะไม่เกี่ยวกับจังหวะเลยนะ อาจจะมีส่วนบ้าง แต่เพราะจังหวะของเพลงประเภทนี้มันค่อนข้างจะซ้ำๆ กันอยู่ ประเภทร้อยเนื้อทำนองเดียว เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมาวัดกันที่การใช้คำ แล้วก็ท่อนฮุก อย่างเพลงจี่หอย หอยจี่ นี่ก็คือการเล่นคำ หรือขนาดหมีแพนด้าแค่บ่นยังดังได้เลย”
“มันจะมีสูตรกลางๆ ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตาย คือ ต้องมีคำขาย ต้องมีท่อนฮุก แล้วปัญหาไม่ใช่ว่าทุกคนทำแล้วจะโดน ยกตัวอย่างก็คือ ทุกคนต่างรู้เหมือนกันหมดว่าจะทำการตลาดแบบไหน เพราะมันมีทฤษฎีอยู่ เพียงแต่ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน และออกมาโดนกว่ากัน”
เพลงมันต้องถอนนี้เขียนเนื้อร้องโดย “บุญล้อม คู่กะสังข์” ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเขียนเพลงของ “สัญสาลักษณ์ ดอนศรี” เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อเพลงโจ๊ะ” นักแต่งเพลงชื่อดังที่ว่ากันว่ากำลังมาแรงเหลือเกินในสายเพลงลูกทุ่งสายอีสานในตอนนี้ โดยเขาเองเป็นคนที่ทำให้ ศิลปินสาวอย่าง “สาวมาด เมกะแดนซ์” เป็นที่รู้จักมาแล้วกับเพลง “สาวลาดพร้าว” กับคำร้องที่ว่า “บ้านน๊อกบ้านนอก”
รวมไปถึงเพลง “ดาวมหาลัย” ที่นอกจากจะฮาแล้ว เนื้อหาของเพลงนี้ยังฉายให้เห็นภาพความคิดของเด็กบ้านนอกส่วนใหญ่ที่มาหลงแสงสีความฟุ้งเฟ้อโลกแห่งวัตถุนิยมของเมืองหลวงกระทั่งลืมความเป็นบ้านนอกไปอีกต่างหาก
เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ เซเว่น บิ๊กซี ไม่มีที่บ้านหนองใหญ่
มีแต่ตลาดนัดคลองถม ไร้รสนิยม ดาวรับไม่ได้
...
เคยเดินเล่นแถวเซ็นเตอร์พอยท์
ต้องมาเดินต้อยๆ ไล่วัวไล่ควาย
คิดมาเศร้าใจอดสู คิดถึงสังคมหรูๆ
...
ใส่เอวต่ำสายเดี่ยวเกี่ยวข้าว
ควายเถิกควายเฒ่ายืนน้ำลายไหล
คุณแม่พานั่งรถอีแต๊ก หัวสั่นด๊อกแด๊ก
กลับถึงบ้านเป็นไข้ อยู่มหาลัยเป็นเชียร์ลีดเดอร์
เป็นพริตตี้ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้มาเป็นฟาร์เมอร์
...
“จะว่าไปแล้วเพลงประเภทที่เน้นขายเนื้อหาแบบมุกตลก หรือว่าอะไรทำนองนี้มันมีมานานแล้วนะ อย่างโปงลางสะออนนี่ก็ใช่ แต่คำถามก็คือทำไมเพลงของโปงลางไม่ดังแบบเปรี้ยงปร้างล่ะ ตรงนี้แหละมันอยู่ที่กึ๋นของคนทำเพลงไง”
“อย่างสาวมาดนี่จะว่าไปแล้วบุคลิกก็มาจากลูลู่ลาล่าอะไรทำนองนั้น เพียงแต่ว่าต้องบอกว่าสาวมาดนั้นมาขโมยซีนไปเลย”
นอกจากจะโชคดีในเรื่องที่ว่ากลุ่มเป้าหมายของวงการเพลงลูกทุ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างจะมีความจงรักภักดีกับศิลปินคนโปรดของตนเอง และไม่สันทัดมากนักในเรื่องเทคโนโลยีฟังเพลงแบบไม่ต้องเสียกะตังค์เหมือนกับที่คนทำเพลงประเภทแนวป๊อป-สตริง ทั้งหลายต้องเผชิญอยู่แล้ว
ว่ากันว่า การเติบโตของธุรกิจทางด้านเคเบิลในต่างจังหวัด รวมถึงโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนั่นเองที่มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำให้เพลงลูกทุ่งในหลากหลายรูปแบบมีการเผยแพร่ไปยังกลุ่มผู้คนในวงกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และนี่เองที่เป็นคำตอบส่วนหนึ่งของคำถามที่ว่าทำไมเพลงลูกทุ่งหลายๆ เพลงถึงได้ดังแรง ดังเร็ว และดังอย่างที่วัยรุ่นบางส่วนหนึ่งไม่รู้สึกว่าเชยตรงกันข้ามอาจจะรู้สึกว่าเท่ห์เสียด้วยซ้ำไปหากสามารถร้องท่อนฮุกของเพลงที่กำลังฮิตนั้นได้
“สังเกตได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ค่ายเพลงใหญ่ๆ หันไปให้ความสนใจกับทีวีดาวเทียมมากขึ้น เพราะว่าต้นทุนต่ำ สามารถโฆษณาขายศิลปินของตนเองได้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง ออกไปดูตามต่างจังหวัดตอนนี้เราจะเห็นแทบทุกบ้านมีจานรับดาวเทียมกันหมดแล้ว”
“แล้วลองคิดดูสิ ขนาดที่ว่าร้านอาหารที่เคยเอาคาราโอเกะมาตั้งแล้วต้องมาเจอเก็บค่าลิขสิทธิ์อะไรเนี่ย หลายร้านเขาเลิกไปเลยนะ หันมาติดจานดาวเทียมแล้วเปิดช่องเพลงที่ฉายมิวสิกวิดีโอตลอดวันตลอดคืนแทน คือ ประหยัด แล้วก็ปลอดภัยพวกนักบินมาเก็บเงินด้วย” แคน สาริกา ทิ้งท้าย