xs
xsm
sm
md
lg

ทนายไม่ถือสา “ต้อย แอ็คเนอร์” โบ้ยจัดฉากโกหกสื่อ ลั่นทองแท้ไม่แพ้ไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ตุ๊ก วิมลเลขา” เผย “ต้อย แอ็คเนอร์” กลับคำให้การเป็นเรื่องธรรมดา ยันไม่ถือสาที่กล่าวอ้างว่า ทนายในสำนักของตนเขียนสคริปท์ให้แถลงข่าวโกหก บอกเป็นสิทธิทางกฎหมายที่สามารถทำได้ มั่นใจทองแท้ไม่แพ้ไฟ ยินดีที่ทั้งสองฝ่ายจบกันได้ด้วยดี

หลังจากที่ “ต้อย แอ็คเนอร์” เกรียงศักดิ์ สกุลชัย บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มายาแชนแนล ยอมออกมาแถลงข่าวขอโทษ “โอ๋ เพชรคัมภรณ์ งามชอชัยพฤกษ์” นักศึกษาฝึกงาน กรณีที่ถูกฝ่ายหญิงแจ้งความข้อหากระทำอนาจาร จนสามารถยุติข้อพิพาทดังกล่าวได้ โดยบรรณาธิการชื่อดังได้กล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากอุบัติสะดุดล้มทำให้ถลาเข้าไปกอดเพื่อหาหลักยึด จนทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิด

ส่วนเรื่องที่ตนเองเปิดแถลงข่าวตอบโต้ในช่วงแรกกล่าวหาว่า การแจ้งความของผู้เสียหายน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังสวนทางกับสิ่งที่แถลงข้อโทษนั้น เจ้าตัวอ้างว่า เป็นการพูดไปตามสคริปท์ที่ทนายความจัดให้ และขณะนี้ได้เกิดการผิดใจกับทนายความ ทางด้าน “ตุ๊ก วิมลเลขา ศิริชัยราวรรณ” ผู้บริหารสำนักงานทนายความดาราที่ต้อย แอ็คเนอร์ ไปขอคำปรึกษาก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นธรรมดาที่ลูกความจะพูดกลับไปกลับมาถือเป็นสิทธิทางกฎหมาย ยันไม่ถือสาเพราะเข้าใจดีว่าต้อย แอ็คเนอร์ คงจะวิตกกังวล

“คดีของพี่ต้อยกับน้องโอ๋กฎหมายเขาเปิดทางให้อยู่แล้ว คือไม่ถึงกับคอขาดบาดตาย ที่ปรึกษาก็มีหน้าที่จะให้เขาเข้าใจกันได้ยังไง ถ้าเข้าใจกันไม่ได้ก็สู้กันด้วยพยานหลักฐาน ถ้าเข้าใจกันได้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำให้ตรงกัน อย่างกรณีนี้พี่ต้อยก็เข้ามาปรึกษาและก็เล่าความจริงให้ฟัง เราก็พูดคุยกัน แต่ทีนี้มันมีเรื่องที่ว่าไม่น่าจะเกิดเหตุอย่างนี้ และมันเป็นกระแสสังคมที่เขารู้สึกกลัว ทำให้หลายๆ คนกลัวว่า ผู้บังคับบัญชาจะเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมีน้องกลุ่มอื่นๆ ที่ตุ๊กก็ฝากให้เข้าไปทำงานที่นี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่พอดีมีปัญหากับน้องโอ๋ซึ่งอาจจะเกิดจากการเข้าใจผิด”

“และมันมีอีกข้อหนึ่งเรื่องของตัวจำเลย ถ้าถูกแจ้งข้อหาไปแล้วและเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลเขาจะกลายเป็นจำเลย ซึ่งการเป็นจำเลยกฎหมายก็ยังเปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรก็ได้ แต่คนสุดท้ายที่จะเดือดร้อนก็คือเขา ถ้าเกิดเขาถูกลงโทษเขาจะต้องถูกจำกัดเสรีภาพฉะนั้นกฎหมายให้โอกาสเขาเสมอ เราทำงานตรงนี้เราเห็นมาตลอด บางคดีเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้แต่ก็ยังมีการไกล่เกลี่ยกัน ศาลหรือนักกฎหมายทุกคนไม่อยากเห็นทุกคนทะเลาะกันมันไม่วินไง แต่อย่างนี้มันวินด้วยกันทั้งคู่ เขาเข้าใจกันดีก็จบกันไป”

“ที่ปรึกษาทางกฎหมายไม่มีปัญหาอะไรเลย บางทีสภาวการณ์ที่ผู้ต้องหาเขาถูกกดดันเพราะคดีที่สื่อมวลชนให้ความสนเขาจะกดดันเป็นทวีคูณ การที่เขากลับไปกลับมาเป็นเรื่องปกติ เราไม่ได้ติดใจเพราะรู้ว่าเป็นธรรมดาขอให้ตัวเจ้าของเรื่องเขาเข้าใจกันก็พอแล้ว ที่ปรึกษาทางกฏหมายไม่ใช่ตัวเอกของเรื่องก็ไม่ควรมาต่อยอดให้มันเป็นเรื่องเป็นราว”

ไม่ขอเปิดเผยว่าขณะที่ “ต้อย แอ็คเนอร์” เข้ามาปรึกษาเรื่องคดี “ยอมรับ” หรือ “ปฏิเสธ” การกระทำอนาจารกับนักศึกษาคู่กรณี
“ตอนปรึกษาเล่าความจริง ขออนุญาตไม่ย้อนความจริงไปตรงนั้นก็แล้วกัน ถ้าจะพูดอย่างนั้นจะต้องไปถึงชั้นศาลแล้วถ้าเขาจะสู้กัน เมื่อเขาจบแบบนี้แล้วมันก็ไม่ควรมีการย้อนว่าใครผิด ใครถูก ใครโกหก หรือใครอะไรยังไงมันจบแบบการไกล่เกลี่ยที่จะวินๆ ด้วยกันทั้งคู่”

เผยถึงสาเหตุที่ทำให้ “ต้อย แอ็คเนอร์” พลิกยอมขอขมา “โอ๋” ทั้งทีก่อนหน้านี้แถลงข่าวตอบโต้ดุเดือด ซ้ำยังแฉว่าอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
“เขาก็ปรึกษาเรามาเรื่อยๆ ซึ่งมันมีสองทางให้เลือกคือ จะสู้กันไปถึงศาลเลยไหมถ้าเรามั่นใจ ซึ่งตรงนั้นเราก็บอกว่า มันมีแค่คนแพ้กับคนชนะ อีกทางหนึ่งก็คือลองมาคุยกันเพราะคดีไม่ได้หนักหนาสาหัสมันไม่ได้มีใครตาย ก็มาลองคุยกันมาปรับความเข้าใจมันอาจเป็นความเข้าใจผิดก็ได้ ซึ่งตอนแรกทางพี่ต้อยเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนเขาก็สวนไปก็จะสู้ คิดว่าตอนแรกทุกคนก็มีอารมณ์เหมือนกันหมดก็อาจจะยังคุยไม่ลงตัว ต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์โกรธอยู่ ก็คงจะเป็นที่มาของการแถลง สื่อเองก็ตามข่าวเพื่อรายงานให้ประชาชนทราบ คือเขาจะแถลงยังไงก็ได้ คือเวลาสู้กับเวลาคุยกันมันจะไม่มาเอาหรอกว่า เธอผิดฉันถูก พูดอย่างนั้นก็ไม่จบอีก”

“คือนอกจากเขาจะโดนความกดดันจากสังคมแล้วทางครอบครัวก็ไม่มีความสุข เขาก็เล่าสิ่งที่คับข้องใจให้ฟัง มันเหมือนกับว่าชนะแล้วได้อะไรกับสังคมนี้ มันสร้างแผลในใจให้กับทุกฝ่าย ฝ่ายหญิงก็มีแผลเหมือนกัน เราก็มีแผล ครอบครัวก็มีแผลเหมือนกัน ทั้งๆ ที่รูปคดีสู้ได้นะ แต่เราคิดว่าไม่เอาดีกว่าก็ให้เวลาเขาไปคิด เราเองก็แนะนำและสถานการณ์มันก็พาไป ทางลูกเขาก็โดนเพื่อนล้อว่าพ่อมีคดีแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นจะสู้ไปทำไม ก็มานั่งวิเคราะห์และก็ให้เวลาลูกความในการนิ่งและตัดสินใจว่าเขาเลือกจะไปแบบไหน”

“ให้เขาตัดสินใจเอง ถ้าเขาตัดสินใจจะพูดคุยเขาก็ต้องพูดคุยกันเอง บางคดีเขาจะทนายอย่าพึ่งนะให้ลูกความคุยกันก่อน เขาก็ได้มีเวลาคุยกันเองก็ปรับความเข้าใจกัน เข้าใจผิดกันหรืออย่างไรก็ว่ากันไป หน้าที่ของทนายมันมีตรงชั้นสอบสวนตำรวจหรือศาล และถ้าเป็นข้างนอกก็มาดูอีกทีว่าจบกันจริงๆ แล้วนะ ดูความเรียบร้อยในภาพรวม”

รับวันที่ “ต้อย แอ็คเนอร์” แถลงข่าวตอบโต้ “โอ๋” เป็นที่ปรึกษาให้แต่จะตัดสินใจอย่างไรขึ้นอยู่กับลูกความ
“ก็ไม่ถึงกับปรึกษาต่อหน้าเราก็คอยดูรูปการณ์อยู่ก็แล้วแต่เขา ท้ายที่สุดแล้วที่ปรึกษาจะคอยช่วยเหลือดูแลว่ามันมีตรงไหนที่ติดขัด แต่คนที่ตัดสินใจที่สุดคือตัวความไม่ใช่ตัวที่ปรึกษา”

การที่ “ต้อย แอ็คเนอร์” กลับลำออกมาขอโทษ “โอ๋” โดยอ้างว่าสิ่งที่เคยแถงแถลงข่าวตอบโต้ครั้งก่อนเป็นสคริปท์ที่ทางนายความจัดให้นั้น ทาง “ตุ๊ก วิมลเลขา” บอกว่า “ไม่ถือสา”
“คือฟังแล้วมันก็เหมือนกับที่เล่าไปแล้วคือ บางทีลูกความเขาอยู่ในสภาวะที่อาจจะพูดอะไรก็ได้เราก็ไม่ถือสา เราอะไรก็ได้ถ้าเขาจบกันได้ด้วยดีหมดหน้าที่เราแล้วเราก็โอเคไม่ถือสาอะไรทั้งสิ้น”

ไม่ถือสานี่ สรุปว่ามีสคริปท์หรือเปล่า หรือเป็นสิ่งที่เขาพูดเอง ?
“ตัวความเขาจะตัดสินใจเองเวลาเขาจะทำอะไร เรามีหน้าที่แค่ประคองเขาว่า มันจะเป็นแบบนี้นะ มันจะมีผลอย่างนี้นะ (งั้นก็แปลว่าวันนั้นเขาก็แถลงเองไม่มีสคริป) การพูดตอนนั้นคงเป็นการพูดที่จะดำเนินการต่อไป ทีนี้เอาอย่างนี้ประเด็นสุดท้ายก็คือ ตอนนี้มันจบแล้วก็หมดหน้าที่เราแล้วก็ไม่น่ามีอะไร สังคมนี้มันมีอะไรที่ต้องไปช่วยเหลือดูแลกันอีกเยอะ ย้อนศรมันไม่เป็นสาระแล้วล่ะ ทางเราเองก็ไม่ได้ติดใจ”

“เราไม่ได้รู้สึกอะไรเลยมันเป็นธรรมชาติของลูกความ อย่างที่บอกเวลาที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เขากังวลวิตกโดยเฉพาะเวลาที่มีสื่อมาสนใจมันก็ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวล ลูกความที่มีความวิตกกังวลมากกับลูกความที่เป็นเด็กก็ต้องมีเป๋บ้าง ก็ต้องแขวะโดนทนายนิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราเองก็เชื่ออยู่อย่างหนึ่งคือ เวลาที่เราเป็นที่ปรึกษาให้ใครเราไปช่วยเพราะเขาก็เป็นเพื่อนเป็นพี่ในวงการไม่ได้ช่วยเรื่องผลประโยชน์ ถ้าเขาจบกันได้ด้วยดีก็เป็นความสบายใจและเป็นความยินดีของพวกเรามากกว่า”

ไม่หวั่นหากคนทั่วประเทศจะเข้าใจผิดคิดว่าไปเขียนสคริปท์ให้ “ต้อย แอ็คเนอร์” โกหก
“จำไว้ว่า ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ คำนี้คำเดียวเลย และเราก็ทำงานมานานพอสมควรแล้ว แม้แต่คนที่เราไม่เคยรู้จักเราก็ให้โอกาสเขาเราไปปรึกษาให้เขาได้โดยที่ไม่ได้คิดค่าทำเนียมอะไรทั้งสิ้น ขนาดคนที่ไม่รู้จักเรายังช่วยเขาได้ แต่นี่เป็นคนในวงการเดียวกันเราก็ยิ่งอยากจะช่วยหาทางออกให้เขา อยากให้ทุกคนวินๆ ด้วยกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นอะไรที่มันเล็กๆ น้อยๆ เราต้องนิ่งเราตั้งใจทำงานมันมีผิดพลาดกันได้”

“ไม่ค่ะ ไม่ได้ติดใจ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้มันเกิดจากความกดดัน เราก็ยังคุยกันดีอยู่ว่ามันจบแล้วนะก็สบายใจกัน ต่อไปครอบครัวเขาคงจะเข้าใจกันดี เราเกิดมาเราทำหน้าที่ตรงนี้ก็จะทำให้ดีที่สุด ใครจะมองว่าเสียชื่อเสียงเราไม่ได้สนใจ เพราะเราไม่ได้สะเทือนแค่คำพูดแค่นี้ เราทำงานมานานเรารู้ว่าเป็นยังไง ชาวบ้านก็รู้ประชาชนก็รู้คงไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะ”

ยันไม่มีการตกลงกันล่วงหน้าระหว่าง “ทนาย” กับ “ต้อย แอ็คเนอร์” เพื่อให้พูดโบ้ยไปที่ทนายเรื่องจะได้จบๆ กันไป
“มันไม่ต้องซับซ้อนกันขนาดนั้นหรอก ไม่มีการตกลงอะไรกันหรอก เราไม่ใช่ทนายที่จะไปก๋าออกนอกหน้า อยู่วงการเดียวกันก็ช่วยกัน คือเขาจบแล้วทำไมเราจะต้องทำให้มีประเด็นต่อ มันไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนั้น หนึ่งลูกความอยู่ใกล้กับสื่อและมีความไม่เข้าใจในครอบครัวเขามีความกดดัน คนที่เป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยเขามีสิทธิ์ให้การอย่างไรก็ได้ แต่เราเป็นที่ปรึกษาเราก็บอกเขาไปว่าถ้าไปทางนี้มันจะมีผลแบบนี้ก็ยอมกันดีกว่าเพราะมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย”

ส่วนกรณีที่ “ต้อย แอ็คเนอร์” บอกว่าผิดใจกับทนายความทำให้ไม่ได้มาแถลงข่าวขอโทษร่วมกันนั้น “ตุ๊ก วิมลเลขา” บอกว่า ยังแฮบปี้กันดี แต่ยอมรับว่า ไม่มีทนายคนไหนเห็นด้วยกับการแถลงข่าว
“ทุกที่แหละไปถามได้เลยไม่มีทนายความคนไหนอยากให้ลูกความพูดกับสื่อเยอะๆ บางทีเรื่องมันเหมือนการพูดต่อกันไปเรื่องมันจะกลายไปเรื่อยๆ เหมือนไฟลามทุ่ง มันทำงานลำบาก เราก็ไม่แนะนำเขาก็ตัดใจไปแล้วก็เป็นดุลยวินิจของเขา พอเขาแถลงไปแล้วเราก็ไม่ได้พูดถึงก็เข้าใจกันไป เพราะเราไม่ติดใจก็เจอกันจนชินแล้ว”

“ตอนนี้เราก็ยังแฮบปี้กันมาก คือคุณต้องดูด้วยที่ปรึกษาเป็นไง ถ้าเป็นคนสบายมากให้ลูกความได้พิจารณาปัญหาของตัวเองให้เวลาได้นั่งได้คิดที่ปรึกษาไม่ได้ตามประกบ ถ้าเกิดเขาทำอะไรที่มีผลกระทบกับคนอื่นๆ แต่คนอื่นๆบอกว่าไม่เป็นอะไร มันก็ไม่มีอะไร ถ้าคนอื่นเกิดพีคอีโก้สูงก็จะหนักขึ้น แต่ในสำนักงานของเราไม่เป็นอย่างนั้น เอาอย่างนี้ถ้ามีโอกาสได้ฟังตุ๊กได้ไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้ในรายการวิทยุก็จะเห็นความตั้งใจของเราในการที่จะช่วยคนมากมายมากกว่าจะมาถือสาเรื่องอย่างนี้”

***
“ต้อย แอ็คเนอร์” ขอขมา นศ.อ้างตาใสถลากอดเพราะหกล้ม

“ต้อย” มาแปลก บอกให้อภัย “นศ.” ยันไม่ได้ปล้ำ ด้าน “ติ๋ม” โดดป้องสับผู้หญิงอยากดัง

“ติ๋ม” งดวิเคราะห์ข่าว “ต้อย” เผยรถหรูที่แท้ยืมมาขับ สุดอายไล่ไปเปลี่ยนนามสกุล

"ต้อย แอ็คเนอร์" ส่งทนายแจงปฏิเสธทุกข้อหา เตรียมแฉกลับ ด้านนศ.ไม่หวั่น มั่นใจบริสุทธิ์

“ต้อย แอ็คเนอร์” เก็บตัวเงียบ หลัง นศ.ฝึกงานแจ้งความโดนลวนลาม
ต้อย แอ็คเนอร์ วันที่ควงทนายความมาแถลงข่าวแฉ โอ๋
กำลังโหลดความคิดเห็น