xs
xsm
sm
md
lg

“แตงโม” โคตรแมน แถลงผิดเองที่มีกิ๊ก ขอโอกาส “ก้อง” คืนดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แตงโม” แถลงข่าวยืดอกรับผิดเองที่เป็นฝ่ายมีกิ๊กมาตลอด เผยตอนนี้ “ก้อง” ให้อภัยเรียบร้อยแล้ว ลั่นต่อไปนี้จะเป็นเด็กดีของพี่ก้อง

หลังจากที่สาว “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ปล่อยโฮกลางงาน “Love carnival” ที่ เกษรพลาซ่า เมื่อหลายวันก่อน ทำเอาคนทั่วไปต่างงงเป็นไก่ตาแตก เข้าใจว่า ความรักกับไฮโซหน่ม “ก้อง กรุณ ซอโสตถิกุล” มีอันรักล่มจริงๆ ซะแล้ว แต่เจ้าตัวขอออกมาปฏิเสธแบบเปิดอก ว่า แท้จริงแล้วไม่เกี่ยวกับฝ่ายชายแต่อย่างใด เป็นความผิดของตนเองที่แอบปันใจให้คนอื่น เพราะฉะนั้นตนขอรับผิดทุกอย่าง

“ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษพี่ๆ นักข่าวทุกคนด้วยค่ะ เพราะว่าทุกคนก็จะรู้ว่าโมไม่เคยวิ่งหนีนักข่าวอยู่แล้ว และมีอะไรก็จะพูดหมดอยู่แล้ว แต่ว่าวันนั้นด้วยสภาพจิตใจเหมือนแบบมันไม่พร้อมจริงๆ สถานการณ์มันพาไป คือโมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะวิ่งหนี”

“ปกติโมไม่ค่อยร้องไห้นอกสถานที่ เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บอารมณ์ได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม โมจะกลับบ้านไปร้องไห้ทุกครั้ง แต่เรื่องบางเรื่องที่มันมีผลกระทบกับจิตใจมากๆ ทุกคนก็คงจะเห็นว่าโมพยายามกลั้นแล้ว คนอาจจะมองว่าโมสร้างข่าว สร้างภาพรึเปล่า คือ ถ้าคนที่รู้จักโมจะรู้ว่าโมไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรแบบนั้นเพื่อทำให้มีชื่อเสียง ทุกคนจะเห็นว่าโมค่อนข้างเข้มแข็งมาตลอด ไอ้เรื่องแบบนี้มันไม่มีทาง ถ้ามันแบบไม่สุดจริงๆ โมคงไม่ปล่อยมันออกมา”

“ก็เลยอยากจะบอกตรงนี้ค่ะว่ามันไม่ใช่ละครแน่ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ เวลาที่ภาพนั้นมันออกไป เวลาโมร้องไห้ตอนนี้ทุกคนมุ่งประเด็นไปที่ว่าพี่ก้องเป็นคนมาทำร้ายอะไรโมหรือเปล่า จริงๆ อยากให้มองใหม่คิดใหม่ เพราะจริงๆ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันจะทำให้ทุกคนเข้าใจอะไรๆ ได้ดีมากขึ้น คือพี่ก้องไม่ได้ทำอะไรเลย พี่ก้องอยู่เฉยๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดจากตัวโมเอง เท่าที่โมฟังจากคนอื่นทุกคนจะคิดว่า พี่ก้องมาทำร้ายอะไรโมหรือเปล่า สอง คือ โม ทนความเจ้าชู้ของพี่ก้องไม่ไหวหรือเปล่า สาม คือ พี่ก้องเป็นเกย์รึเปล่า”

“อยากจะบอกว่าทั้งสามข้อนี้ทิ้งมันไปได้เลยค่ะ แล้วก็ฟังจากโมตรงนี้ แล้วโมจะขอพูดที่นี่ที่เดียว ถ้าพี่ๆ เอาไปลง เอาไปเขียนหนูขอร้องว่าให้พี่ๆ ลงตามที่หนูพูดให้ตรงด้วย เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟสำหรับหนู สำหรับพี่ก้อง ครอบครัวพี่ก้องและครอบครัวหนูด้วยมากๆ”
 
“ก็คือ เมื่อเกือบๆ อาทิตย์นึงที่ผ่านมาก่อนที่จะมีงานวันนั้นเราอยู่ในช่วงที่ทะเลาะกันอยู่ แล้วก็ไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้ติดต่อกันเลย เป็นความผิดของโมเอง โมเป็นคนทำผิดร้ายแรงกับพี่ก้องเอง เป็นความผิดที่แบบโมลองนึกว่าเป็นตัวเขา โมก็คงทนไม่ได้รับไม่ได้ และตัวโมเองทำไปก็รู้สึกผิดมาก รู้สึกสำนึกมากๆ แล้วก็อยากจะขอโทษเขาตลอดเวลา”

“เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า โมไปสนิทกับเพื่อนคนนึง ซึ่งเป็นผู้ชาย แล้วมันก็เลยทำให้พี่ก้องเสียใจ มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่พี่ก้องได้รับรู้ข่าวสาร มันอาจจะมีหลายครั้งหน่อย  แล้วก็โมเคยรับปากเขาไว้หลายทีแล้ว แต่อาจจะมีติดต่อกันอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าจนถึงทุกวันนี้คือโมก็ไม่ได้สนิทกับเพื่อนคนนี้อีกแล้ว และโมก็ได้บทเรียนครั้งใหญ่แล้วว่า ทุกอย่างมันเป็นความผิด ความเลวของโมเอง คือความเป็นเด็กไม่ดี เป็นเด็กดื้อของโมเอง เพราะฉะนั้นตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกันโมพยายามขอโทษ โมพยายามรับสารภาพผิด โมพยายามติดต่อกับพี่ก้อง แต่ว่าโมไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากพี่ก้องเลย คือพี่ก้องเงียบหายไปเลย”

“แล้วโมก็รู้สึกว่าเรายังต้องทำงานด้วยกันอีกหนึ่งวัน ช่วงระหว่างนั้นโมก็ยังไม่รู้ว่า บทสรุปคือเราเลิกกันหรือเปล่า ณ เวลานั้นคือเรายังไม่ได้มีการเคลียร์อะไรกัน ยังไม่ได้เกิดจากการพูดคุย พอถึงวันนั้นโมเห็นเขามาแต่งตัวที่งาน โมก็ไม่มีความพร้อมที่จะคุย ณ เวลานั้น เพราะว่าโมกลัวว่าตัวเองจะทำงานไม่ได้ เพราะเรายังไม่รู้ว่าคุยไปแล้วมันจะเป็นในแง่บวกหรือในแง่ลบ ก็โอเคเก็บไว้ก่อนดีกว่าแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันที่บ้าน หรือไปเคลียร์กันอะไรก็ตาม แต่ว่าขอให้งานผ่านไปก่อน”
 
“ทางพี่ทีมงานก็ถามว่าโมทำงานไหวมั้ย ถามพี่ก้องแล้วว่าทำงานไหวมั้ย เราสองคนก็ทำตามด้วยความที่เรารับปากในการทำงานแล้ว เราก็ต้องแสดงความเป็นมืออาชีพ งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว เราทั้งคู่ก็บอกว่าโอเคเราทำงานได้ เพราะฉะนั้นเราก็ออกไปทำงานค่ะ”

“แต่ว่าด้วยอะไรก็ไม่รู้โมอาจจะคิดไปเองว่าเอ๊ะวันนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าที่โมกับพี่ก้องจะได้เจอกัน ก่อนที่จะเดินลงไปบันไดเลื่อนที่เตรียมไว้ถ่ายรูป โมก็เลยบอกพี่ก้องว่า พี่ก้องโมขอจับมือได้มั้ย หนูก็แค่คิดว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหรือเปล่าที่เราจะได้เจอกันอันนั้นก็ยังไม่รู้นะคะ พี่ก้องก็บอกว่าอย่าเลย พอบอกว่าอย่าเลยเท่านั้นแหละ คือนอกจากเราจะรู้สึกผิดในใจอยู่แล้วด้วยเพราะเราไปทำให้เขาเสียใจ แล้วก็ถูกเขาปฏิเสธแบบนี้อีก เราก็เลยพยายามกลั้นแล้ว ทุกคนจะเห็นว่าโมพยายามกลั้นแล้วจริงๆ แต่โมกลั้นไม่ไหวจริงๆ”

“แต่พอได้คุยกัน โมกับพี่ก้องยังคุยกันอยู่เลยว่า ถ้าพี่ยื่นมือให้เราจับ เราก็ร้องอยู่ดี ซึ่งก็อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาจจะด้วยความที่เราไม่ได้เจอกันมาเกือบอาทิตย์จากที่เราเคยเจอกันทุกวัน แล้วพอมาอยู่ในสถานที่เดียวกันโดยที่ไม่คุยกันเลย มันเลยรู้สึกอึดอัด แล้วก็อยากจะพูด อยากจะขอโทษ แต่ว่ายังไม่มีโอกาส วันนั้นโมค่อนข้างอึดอัดมาก โมเลยแบบ พอได้ยินคำว่า อย่าเลย น้ำตามันก็ไม่ไหล แต่ความรู้สึกคือมันร้องไห้ในใจ พอเดินไปสักพัก ข้างในมันไม่ไหว มันเลยไหลออกมา มันก็เลยมีเหตุการณ์ที่โมไม่ไหวแล้ว โมเลยขอตัวดีกว่าที่จะให้มันมีภาพที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ”
 
“ทีนี้พอคนในงานเห็น ก็เลยเข้าใจผิดว่าพี่ก้องมาทำอะไรโมหรือเปล่า ซึ่งอยากจะให้เข้าใจพี่ก้องว่า ถ้าคุณเป็นพี่ก้อง คุณก็คงต้องโกรธโมแบบนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นความผิดทุกอย่างโมขอรับไว้คนเดียว ทุกอย่างมันเกิดจากตัวโม โมทำร้ายตัวเอง โมทำให้พี่ก้องเสียใจ โมต้องได้รับบทลงโทษเหล่านี้เอง อย่าไปคิดว่าพี่ก้องไม่ดี อย่าคิดว่าพี่ก้องมาทำร้ายโม พี่ก้องไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ตลอดเวลาที่คบกันมา 3 ปี พี่ก้องดีกับโมตลอด”

“พอคืนวันนั้นก็ได้มีการติดต่อกันเพื่อจะเคลียร์ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป พี่ก้องก็ให้อภัยโม แล้วก็ให้โอกาสโม เพราะฉะนั้นก็ทุกอย่าง ณ เวลานี้กลับเป็นเหมือนเดิม ขอบคุณสำหรับคนที่คอยเป็นห่วง โมก็ต้องฝากขอโทษไปทางญาติๆ พี่ก้องด้วยที่ค่อนข้างเป็นห่วงพี่ก้อง แล้วก็รักพี่ก้อง โมขอโอกาส คือพี่ก้องก็ให้โอกาสโม แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
 
“แต่โมก็เข้าใจว่าทั้งสภาพจิตใจของโมและพี่ก้องเองคงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์คงไม่ได้ โมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อทำให้เขาเห็นว่าโมพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับเขาแล้วจริงๆ โมก็ต้องขอบคุณพี่ก้องด้วย และที่สำคัญคือคุณพ่อไม่ได้ถามเรื่องนี้กับโมเลย เพราะว่าคิดว่าโมคงต้องใช้เวลาในการคิดแก้ปัญหาของตัวเอง ก็ขอโทษคุณพ่อด้วยที่ทำให้เป็นห่วง แล้วก็ไม่ได้รายงานอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ก็ต้องขอโทษคุณพ่อด้วยค่ะ”

“สำหรับคนที่เอาใจช่วย เป็นกำลังใจ ให้อภัยโม ตอนแรกโมก็ไม่ให้อภัยตัวเอง โมถึงรู้สึกเครียดตลอดทุกวัน ตอนนี้โมก็ให้อภัยตัวเองแล้ว พอพี่ก้องให้อภัยโม โมให้อภัยตัวเอง โมก็พร้อมที่จะเป็นเด็กดีของพี่ก้องเหมือนเดิม ทุกอย่างตอนนี้ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะคะ ก็กลับมาคบกันเหมือนเดิม ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ และต่อจากนี้ไปโมขออนุญาติที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงมากไปกว่านี้ ทุกอย่างมันแฮปปี้ และโมก็ต้องขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นด้วยค่ะ”

“หลังจากที่เคลียร์กัน ก็เป็นธรรมดาที่โมตั้งใจจะมีสติแล้วก็เป็นผู้ใหญ่ให้ได้มากกว่านี้ แล้วก็ทำอะไรให้มันรอบคอบ พยายามคิดถึงสิ่งที่มันดีต่อเรา ณ วันนี้และในอนาคต พยายามทบทวนว่าเราทำอะไรลงไปแล้ว ผลกระทบใครบ้าง คือเรียกง่ายๆ ว่าต้องเป็นเด็กดีว่างั้นเถอะ ถ้าเผื่อว่าพี่ก้องจะมีความไม่ไว้ใจ นั่นคือบทลงโทษที่โมต้องได้รับแน่ เพราะว่าคนทำผิดต้องได้รับบทลงโทษ มันก็เหมือนกฎหมาย สมมติว่าวันนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมจริง จะให้พี่ก้องกลับมาไว้ใจโมเหมือนเดิม โมก็เข้าใจว่ามันคงจะยากสักหน่อย เพราะว่าโมเองที่ทำตัวให้เขาไม่ไว้ใจ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนเข้าใจพี่ก้องด้วยนะค่ะ”

“ออกมายอมรับแบบนี้กลัวเราจะเสียมั้ย โมว่าถ้าเราโกหกต่อไปมันไม่ใช่นิสัยโม แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้ค่ะ เรื่องที่โมไม่ผิด โมสุดใจขาดดิ้นจะต่อสู้กับความไม่ผิดของโม มันเหมือนกับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคนด้วยว่า ถ้ามีเหตุการณ์อะไรฟังจากปากโมเนี่ยเชื่อได้จริงๆ ไม่ต้องแถไปเรื่อยๆ แล้วให้ไปสืบหาข่าวกันเอาเอง โมออกมายอมรับเองดีกว่า แล้วก็ทุกคนจะได้รู้ว่าโมเป็นคนแบบนี้จริงๆ ผิดก็ยอมรับผิด ไม่ผิดก็อยากให้เชื่อด้วยว่าอะไรไม่ผิดก็คือไม่ผิดอะไรอย่างเนี้ยค่ะ”

“กับคนนั้นเราเลือกที่จะเดินออกมาเองอยู่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าบางเรื่องคุยปรึกษากันแล้วเข้าใจกันเท่านั้นเอง โมไม่ได้ตั้งใจที่จะสานสัมพันธ์อะไรกันมากมายอยู่แล้ว คงจะเป็นเพราะคุยกันเข้าใจ เจอกันบ่อยเท่านั้นเอง (คนเข้าใจว่าเป็นพี่ป้อง ณวัฒน์) อ้อ ไม่ใช่ค่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช่เลย โมไม่ขอพูดถึงบุคคลที่สาม เพราะว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาเป็นที่จดจำจากข่าวของเรา กับคนที่ร่วมงานถ่ายละครด้วยกันเนี่ยไม่มีใครทั้งนั้น มันไม่มีความลึกซึ้งละเอียดอ่อนขนาดจะมาสวีตกันได้”

“กับเจนี่ ไม่เกี่ยวค่ะ ไม่เกี่ยวเลย มันเป็นเรื่องความผิดของโมก็จบที่โมแล้วกัน ไม่ต้องโยงถึงคนอื่น เพราะว่ามันไม่เกี่ยว แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องนี้มันก่อนหน้านั้นค่ะ”




กำลังโหลดความคิดเห็น