xs
xsm
sm
md
lg

"สรพงศ์" ยึดซื่อสัตย์เป็นแนวทาง ปลื้มได้เป็นศิลปินแห่งชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สรพงศ์ ชาตรี" ยิ้มปลื้มได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในหมวดนักแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เจ้าตัวบอกไม่เคยร่ำเรียนด้านการแสดงจากมหาวิทยาลัยดังๆ แต่ที่มีผลงานสร้างชื่อเสียงมาได้ เพราะรักในการแสดงและซื่อสัตย์ต่ออาชีพ มาตลอดเกือบ 50 ปี ของชีวิตนักแสดง

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการคัดเลือก ศิลปินแห่งชาติประจำปี 2551 ที่มีทั้ง 3 สาขา ทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และ สาขาศิลปะการแสดง สำหรับ.สาขาศิลปะการแสดง มีผู้ได้รับยกย่อง 5 คน ได้แก่ หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง), นายประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว (นาฏศิลป์-โขน), พลเรือตรี วีระพันธ์ วอกลาง (ดนตรีสากล), นายศิริ วิชเวช (คีตศิลป์) และ นายกรีพงศ์ เทียมเศวต หรือ สรพงศ์ ชาตรี (นักแสดงภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์) หรือที่คุ้นหูกันดีในชื่อทางวงการบันเทิงไทยว่า "สรพงศ์ ชาตรี"

โดยคัดเลือกจากผู้มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับของวงการศิลปะแขนงนั้นๆ เป็นผู้มีคุณธรรม มีผลงานที่ยังประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติ ได้รับรางวัลหรือเกียรติคุณระดับท้องถิ่น ระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ ซึ่งมีกระบวนการพิจารณาเป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ โดยศิลปินแห่งชาติปี 2551 จะเข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 นี้และจะมีการจัดงานแสดงความยินดีพร้อมนิทรรศการเชิดชูเกียรติฯ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นวันศิลปินแห่งชาติ โดยเหล่า
ศิลปินแห่งชาติทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ต่อไป

สำหรับนายกรีพงศ์ เทียมเศวต หรือสรพงศ์ ชาตรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง เผยสั้นๆต่อรางวัลที่ได้รับว่ารู้สึกยินดี และเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอยางมากครับ ที่ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติปี 2551 ซึ่งมีอาชีพนักแสดงมา ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเกือบ 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีอาชีพอื่นเลย เพราะอาชีพนี้ตนเข้ามาด้วยความรัก และอาชีพนี้ได้ตอบแทนเรา ตนจึงได้นำสิ่งที่เราได้รับจากอาชีพนักแสดงมาตอบแทนสังคม สิ่งที่ได้รับในครั้งนี้ ถือว่าได้รับจากความซื่อสัตย์สุจริต ถือเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวของตนเอง
โดยบอกว่าตนเป็นเด็กมาจากท้องทุ่ง ไม่เคยร่ำเรียนเกี่ยวกับการแสดง สิ่งที่ได้มาทั้งหมดคือความอดทนและความซื้อสัตย์ที่อยากฝากให้น้องแสดงุร่นน้องเอาอย่างจากสิ่งนั้นมากที่สุด

"สรพงศ์ ชาตรี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ปัจจุบันอายุ 59 ปี ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จบชั้น ป.4 แล้วบวชเรียนตั้งแต่อายุ 8 ปี ที่วัดเทพสุวรรณ พระนครศรีอยุธยา และวัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ธนบุรี จนกระทั่งลาสิกขาบทเมื่อ พ.ศ. 2512 ปัจจุบันสมรสกับ "ดวงเดือน จิไธสงค์" รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ. 2529 มีบุตร 4 คน จากการสมรสครั้งก่อนเมื่ออายุได้ 19 ปี และได้พบกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งชักชวนให้มาอาศัยอยู่ที่วังละโว้ ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ สรพงศ์ เริ่มงานแสดงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2512 เป็นตัวประกอบ

และเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละครเรื่อง นางไพรตานี ฉายทางช่อง 7 และเล่นเป็นตัวประกอบในละคร ห้องสีชมพู และ หมอผี ซึ่งหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้กำกับหลังจากเดินทางกลับจากเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา และชื่อ "สรพงศ์ ชาตรี" ที่ใช้ในการแสดง ผู้ตั้งให้คือ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ" และ "หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา" โดยคำว่า "สร" มาจาก อนุสรมงคลการ, "พงศ์" มาจาก สุรพงศ์ โปร่งมณี (ผู้พามาฝากตัวกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม) และ "ชาตรี" มาจาก ชาตรีเฉลิม

สรพงศ์ ชาตรี รับบทพระเอกครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง มันมากับความมืด (พ.ศ. 2514) ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม จากนั้นได้รับบทในภาพยนตร์ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม แทบทุกเรื่อง ทั้งบทพระเอก พระรอง ตัวประกอบ และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในบางครั้ง มีผลงานแสดงประมาณ 500 เรื่อง ได้รางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกจากเรื่อง ชีวิตบัดซบ และ สัตว์มนุษย์ สองปีติดต่อกัน และมีชื่อเสียงในต่างประเทศจากเรื่อง แผลเก่า (พ.ศ. 2520) กำกับโดยเชิด ทรงศรี

"เอก สรพงศ์" มีผลงานการแสดง ตั้งแต่ พ.ศ. 2514 จนถึงปัจจุบัน มากกว่า 500 เรื่อง ละคร 50 เรื่อง อาทิ แผลเก่า มันมากับความมืด สุริโยทัย นเรศวร เป็นต้น จนได้รับฉายาพระเอกชั้นครูและพระเอกตลอดกาล

ได้รับรางวัลมากที่สุดในวงการภาพยนตร์ไทย อาทิ รางวัลตุ๊กตาทอง 5 รางวัลรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ 2 รางวัล รางวัลดาราทอง รางวัลดาราดาวรุ่งยอดเยี่ยม รางวัลเพชรสยาม รางวัลบันเทิงเทิดธรรม Nine Entertain Award 2008 และเป็นเจ้าของรางวัล 5 รางวัลตุ๊กตาทอง จากการเข้าชิง ดารานำชาย 14 ครั้งติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2517 - 2539 และเป็นเจ้าของ 2 รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ จากการเข้าชิง 9 ครั้งติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2522 - 2545 และเป็นพระเอกที่ได้เข้าชิง และได้รับรางวัลมากที่สุด จาก 2 สถาบันหลักของประเทศไทย คือ สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง (พระสุรัสวดี)และ สมาคมผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ (สุพรรณหงส์) อีกทั้งยังเคยออกอัลบั้ม 2 ชุด คือ อัลบั้ม หัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก และอัลบั้ม เล็ดสะโก สังกัดอาร์เอสโปรโมชั่น พ.ศ. 2533

***
(ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพิเดีย)
กำลังโหลดความคิดเห็น