อันดับที่ 8 การกู่่ไม่กลับของ "เอมี ไวน์เฮาส์"
หากจะวัดกันที่ตัวงานอย่างเดียว คงยากที่ใครจะปฏิเสธได้ว่าปี 2008 ถือเป็นปีทองของนักร้องสาวอังกฤษวัย 25 เอมี ไวน์เฮาส์ เมื่อเธอคว้ารางวัลแกรมมีคนเดียวจากผลงานอัลบั้ม Back to Black ไปถึง 5 สาขาทั้ง Record of the Year "Rehab", Song of the Year "Rehab", Best New Artist, Best Female Pop Vocal Performance "Rehab" และ Best Pop Vocal Album Back to Black ซึ่ง 3 ใน 4 สาขาใหญ่ของปีนั้นเธอกวาดมาเรียบ
แต่สิ่งที่ต่างจากผู้ชนะคนอื่นๆ ก็คือเธอไม่ได้มารับรางวัลกับมือซักตัวเดียว นอกจากการถ่ายทอดการแสดงจากบ้านเกิดมายังอเมริกา เนื่องจากเธอไม่ได้รับวีซ่าเข้าประเทศอเมริกาจากปัญหายาเสพติดที่รุมเร้าของเธอมานาน ซึ่งปัญหาเดียวกันนี้อาจจะทำให้ชีวิตบนเส้นทางดนตรีที่มีแต่คนอิจฉาอาจจะจบลงในไม่ช้านี้
เรื่องราวยุ่งๆ ที่วนเวียนอยู่กับปัญหายาเสพติดของเอมีเริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นปี เมื่อเจ้าหน้าที่สก็อตแลนด์ยาร์ดได้พบคลิปภาพที่นักร้องสาวกำลังเสพโคเคนอย่างจัง จนเธอต้องถูกส่งเข้ารับการบำบัดการติดยาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มต้นปีที่เธอต้องเข้าโรงหมอมากกว่าห้องอัดเสียอีก
แม้คลิปดังกล่าวจะไม่ทำให้เธอติดคุกตามสามี เบลค ฟีลเดอร์ ซีวิล ต้นตอของปัญหาดังกล่าวที่ส่งผลให้พฤติกรรมของเธอผิดแผกแตกต่างจากชาวบ้าน ทั้งเรื่องการทำร้ายตัวเองด้วยของมีคมตามแขนขา และการทำร้ายผู้อื่นจนเป็นข่าวด้วยเหตุผลเพียงเล็กน้อย
แต่ข่าวที่สร้างผลกระทบต่อแฟนเพลงของเธอมากที่สุดก็คือการถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการถุงลมปอดโป่งพองเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการสูบบุหรี่และเสพยามาอย่างโชกโชนของเธอเอง ซึ่งทางแพทย์ได้ออกมาเตือนว่าอาการของเธอยังพอจะรักษาให้หายขาดได้ถ้าเธอหันหลังให้กับการเสพยาอย่างเด็ดขาด
ปัญหาด้านสุขภาพที่มีต้นตอจากการเสพยาส่งผลถึงการงานของเธอโดยตรงทั้งการถูกฟ้องร้องจากผู้จัดคอนเสิร์ตหลายครั้งเมื่อเธอต้องยกเลิกการแสดงกะทันหันจากปัญหาสุขภาพ ขณะที่เพลงซาวด์แทร็คของเจมส์ บอนด์ภาคใหม่ที่ร้องโดยอลิเชีย คียส์และแจ็ค ไวท์นั้น ก็เป็นการมาแทนที่ผลงานของเอมีที่ต้องยกเลิกไปเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพของเธออีกเช่นกัน
การออกมาเปิดปากยอมรับผิดของตัวสามีอย่างเบลค ฟีลเดอร์ ซีวิลที่เผยว่าเป็นผู้ชักนำเอมีมาเข้าสู่โลกของยามรณะด้วยมือเขาเอง พร้อมไถ่โทษด้วยการยอมขอแยกทางโดยไม่เรียกร้องใดๆ จากเธอเพื่ออนาคตของเธอเอง ที่แม้เรื่องดังกล่าวจะยังไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่า เอมี ไวน์เฮาส์ ที่แฟนๆ ส่วนหนึ่งรู้จักเธอในฐานะนักร้องสาวที่เป็นอนาคตของวงการเพลงโลกจะกลับมามีตัวตนในถนนดนตรีอย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้งหรือไม่ แต่ก็ยังถือเป็นความหวังเล็กๆ ที่แฟนๆ อาจจะได้เธอกลับมาพร้อมกับ Stronger ชื่อที่เหมาะสมกับการเป็นผลงานชุดใหม่ที่จะออกมาสู่สายตาชาวโลกในปีหน้านี้
อันดับที่ 7 "บริทนีย์" และการกลับมาแห่งปี
บุคคลในวงการบันเทิงที่กลับมาโดนเด่นในรอบปีที่ผ่านมา สำหรับวงการภาพยนตร์ต้องยกให้กับสองนักแสดงหนุ่มอย่าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่หลังจากหายจากจอเงินไปนานจากมรสุมชีวิต ปี 2008 นี้การมาพร้อมกับ Iron Man หนังทำเงินอันดับ 5 ของปี และผลงานการแสดงใน Tropic Thunder ที่เบิ้ลให้เขาเข้าชิงลูกโลกทองคำ ถือเป็นการการันตีพื้นที่ดาราหัวแถวของฮอลลีวูดอย่างเป็นทางการของเขาอีกครั้งอย่างแท้จริง
อีกรายต้องยกให้กับ มิคกี รูค ที่กลับมาพร้อมกับการแสดงที่ทรงพลังใน The Wrestler ที่ส่งให้เขากลายเป็นเต็งหัวแถวดารานำชายของออสการ์ปีนี้ถือเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ เลยทีเดียว
ในวงการเพลงปี 2008 เป็นการของการกลับมาของวงร็อกรุ่นเก๋ามากมาย ที่มาพร้อมกับผลงานคืนวงการที่ประสบความสำเร็จมากน้อยลดหลั่นกันไป ทั้ง AC/DC, Metallica, Extreme และ Guns 'n' Roses ที่ออกสตูดิโออัลบั้มครั้งแรกในรอบ 16 ปีจนได้
แต่ที่สร้างความฮือฮาในกับแฟนเพลงบ้านเราในปีนี้ไม่พ้นการกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งในรอบกว่า 10 ปีของเจ้าพ่อเจ-ร็อก โยชิกิ ที่มาเปิดตัวอย่างอลังการทั้งเว็บไซต์ X Japan ภาษาไทย และการมาประกาศเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย (แม้สุดท้ายจะประกาศเลื่อนไปแล้วก็ตาม)
แต่การกลับมาที่หลายๆ คนดูจะเชียร์และรู้สึกดีกับการหวนคืนวงการมากที่สุดเห็นจะเป็น บริทนีย์ สเปียร์ส หลังจากที่เธอตกเหวไปนานตอนนี้เธอก็ได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งแล้ว เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาชีวิตของเธอตกเป็นข่าวช็อคโลกไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งเรื่องที่เธอโกนศีรษะตนเอง เข้าบำบัด คลุ้มคลั่งไล่ตีรถช่างภาพปาปารัสซี จนกระทั่งลองออกอัลบั้มดูก็แล้วแต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมยังจับลูกตนเองเป็นตัวประกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของนักร้องป็อปสตาร์สาวหายไปจากตัวเธออย่างสิ้นเชิง
จนกระทั่งในปีนี้ที่งานประกาศผลรางวัล เอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิค อวอร์ดส์ ที่มีการตัดสินให้เธอได้รางวัลติดมือกลับบ้านไปมากมาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้อัลบั้มที่แล้วของเธอยอดขายจะไม่ถึงเป้าและไม่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับ แต่ด้วยฝีมือก็ยังคงไว้ลายความเป็นซูเปอร์สตาร์ไว้ได้ และครั้งนี้เมื่อเธอคืนสติกลับมาเป็นผู้คนได้อีกครั้งแบบเต็มตัว เธอก็มาพร้อมอัลบั้มใหม่ Circus ที่งานนี้แฟนเพลงของเธอกลับมาให้การสนับสนุนอย่างล้นหลาม รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ ที่เคยชื่นชมก็ยอมอนุญาติให้ลูกๆ ได้ฟังเพลงของบริทนีย์ แล้วเช่นกัน เรียกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้ของบริทนีย์เป็นการกลับมาที่ทำให้สายตาของผู้คนทั่วทั้งโลกต่างเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทนแววตาเวทนาที่เคยมีมาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง