xs
xsm
sm
md
lg

“หมอดู” บนเส้นทางถนนสายบันเทิง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“กราบตีนดิ...”

ประโยคเชิงบังคับจากปากของนางศันสนีย์ วิสุทธิธาดา (วนาไชยเกียรติ) มารดาของนักร้องหญิง “ลิเดีย ศรัณย์รัชต์” ที่มีต่อชายหนุ่มที่มีชื่อว่า “กฤษฏ์ ศุกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์” ทำเอาบรรดาแขกและสื่อมวลชนที่มาร่วมงานเลี้ยงงานเลี้ยง “สยามดาราสตาร์คัลเลอร์ฟูล” ในคืนวันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม 2551 ต้องตกตะลึงไม่น้อย

และมันก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่จะต้องถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าหนึ่งของแวดวงบันเทิงเกี่ยวกับการเป็นไม้เบื่อไม้เมาที่มีสาเหตุมาจาก “หมอดู”
..........
หากจะนับเอาชื่อแรกๆ ของ “หมอดู” ที่เข้ามาร่วมทำนายทายทักดวงชะตาของดารา-นักร้องตลอดจนคนดังผ่านสื่อ คงจะต้องเริ่มกันที่ “หมออรรถวิโรจน์ ศรีตุลา” ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ รวมไปถึงรุ่นใหญ่อย่าง “อ.เก่งกาจ จงใจพระ”

แต่ที่เริ่มจุดกระแสขึ้นมาจริงๆ คงจะต้องยกให้กับชื่อของจอมฟันธง “ลักษณ์ เรขานิเทศ” ที่นอกจากกระแสของหมอดูคู่ดาราแล้ว คำทำนายของเขาในหลายๆ ครั้งยังทำให้ 2 วงการนี้ กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาควบคู่กันไปอีกต่างหาก

ไม่ว่าจะเป็นกรณีการไปทำนายทายทักว่าคู่ของ พลอย-โดม จะเลิกกัน (ในระหว่างที่ทั้งสองคบหากันใหม่ๆ) จนฝ่ายหญิงต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์สวนกลับ รวมถึงการทำนายคู่ของ “กบ-บรู๊ค” ที่ว่าถ้าไม่แต่ง ฝ่ายชายจะสอบตกการเมืองทำเอานางเอกสาวช่อง 7 ออกมาต่อว่าอย่างรุนแรง

ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่หมอหนุ่มมาแรงในปัจจุบันอย่าง หมอกฤษฏ์ จอมคอนเฟิร์ม “ศุกฤษฏ์ ปทุมศรีวิโรจน์” คนนี้จะมีเรื่องกับนักร้องสาว “ลิเดีย” แล้ว ทาง “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” เอง ก็เคยออกมาพูดถึงบรรดาหมอดูด้วยความไม่พอใจมาแล้วเช่นกัน...“หลายหมอดูทำนายดวงชะตาของผมว่า เดี๋ยวเต๋าขาขึ้น-ขาลง ผมนี่ล่ะจะไปหา ผมไม่เข้าใจว่าจะทายไปทำไม”

“ถ้าอย่างนั้นผมก็เป็นหมอดูได้ว่าอีก 3 นาที คุณอาจจะโดนเตะ...คุณไม่สนใจคุณได้ตังค์ได้ชื่อเสียง มีหมอดูบางคนเคยทายว่าผมเป็นตุ๊ด อย่างผมนี่หรือเป็นตุ๊ด ผมบอกเลยว่าพวกคุณอย่ามายุ่งกับผม”

เช่นเดียวกับ หนุ่มกฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ เองก็เคยฉุนไม่น้อยเช่นกันเมื่อถูก อ.เก่งกาจ ออกมาทำนายว่าเขาเป็นคนดวงกินเมีย ถ้าหากแต่งกับ “มาช่า วัฒนพานิช” ก็จะต้องหย่าหรือไม่ฝ่ายหญิงก็จะต้องตาย!

ขณะที่ทางด้านของ หนุ่มกรรชัย ก็เคยถูกการทำนายของหมอดูว่าจะตายโหงจนเจ้าตัวของขึ้นมาแล้ว

“คือ ที่เขาดูเขาบอกว่าดวงทำอะไรไม่ขึ้น ต้องตายโหง แต่เรื่องเจ้าชู้เขาไม่ได้พูดถึง ผมฝากบอกหมอคนที่ดูแล้วกันว่า ผมเปิดไอซ์มอนเตอร์ 15 สาขา แล้วก็จะเปิดต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นจะลำบากตรงไหน แล้วผมก็มั่นใจว่าไม่ตายโหงเพราะระวังตัวตลอดเวลา ผมว่าหมอดูจะตายโหงมากกว่าเพราะโดนยิงปาก”
..........
ไม่แม่นไม่จำ
การทำนายดวงชะตาของหมอดูโดยส่วนใหญ่นั้นโดยทั่วไปจะเป็นไปแบบกว้างๆ และตั้งอยู่บนความเป็นไปได้แต่ก็ไม่ได้ปิดประตูความเป็นไปไม่ได้ไปเสียเสียเลย อาทิ “ระวัง การทำงานในช่วงนี้จะมีอุปสรรค โดยที่ปัญหาอาจจะมาจากหัวหน้าหรือไม่ก็เพื่อนร่วมงาน”...(ถ้าระวังก็อาจจะไม่เกิด, ช่วงนี้ที่ไม่ได้บอกว่าระยะเวลาจะนานแค่ไหน และสำหรับคนที่ทำงาน แน่นอนว่าเรื่องของอุปสรรคย่อมเป็นสิ่งที่คู่กัน ขณะที่ในการทำงานนั้นก็มีคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่เกี่ยวข้อง หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน)

หรือคำทำนายที่ว่า...“ปลายปีคุณมีดวงจะได้รับเงิน แต่ขณะเดียวกัน ก็มีเกณฑ์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบางอย่าง” (เงินโบนัส ค่าเดินทาง ค่าสังสรรค์ ค่าของขวัญ) ตลอดจน...“ช่วงนี้ดวงความรักอาจจะมีปัญหา ไม่จากตัวเราก็คนรัก หรือไม่ก็อาจจะมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง” ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าคำทำนายเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความคล้ายคลึงกันทั้งสิ้น

ด้วยเหตุผลที่ว่า หมอดูส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันจึงต้องพยายามหาจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เช่น “หมอเกตุ ธันยมัย ธำรงพุทธิกุล” (คอลัมนิสต์นิตยสาร WOMAN PLUH และ HOME & D?COR) ที่มาพร้อมกับความสวย “หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม” และ “หมอลักษณ์ฟันธง”

นอกจากเหตุผลของการได้ปรากฏหน้าจอบ่อยๆ การเลือกทำนายดวงของดารา นักร้อง คนดังผ่านสื่อ จะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับหมอดูเหล่านี้แล้ว อีกประการหนึ่งที่ทำให้คนจดจำคนเหล่านี้ได้ก็เป็นเพราะพื้นฐานของมนุษย์ที่มักจะจำเฉพาะสิ่งที่คนที่มีอาชีพนี้ทายถูกนั่นเอง

ตัวอย่างเช่นหมอลักษณ์ฟันธง ที่ฮือฮาเหลือเกินกับคำทำนายทายทักการตั้งท้องของนักแสดงหญิง “แหม่ม คัทลียา” ทั้งๆ ที่ก็มีหลายคำทำนายของเจ้าตัวที่ไม่ตรง ซึ่งไม่ค่อยจะมีคนสนใจจะนำมาพูดถึงสักเท่าไหร่ เช่น เจ้าตัวเคยทำนายดวงดาราปี 2549 ไว้ว่า...โอเด็ต แจ๊คโคมิน ตามดวงคู่เขาเยอะ ความรักอยู่ในมุมเสื่อม มีทุกข์มากกว่าสุข ถ้าเอาดวง บอล-ภราดร กะ โอเด็ต มาอยู่ด้วยกัน จะอยู่ดีมีความสุข แต่ต่างคนต่างแว้บ โอเด็ต มีแนวโน้มโกอินเตอร์ ปี 50-51 เป็นช่วงขาขึ้นของภราดร มีสิทธิ์ได้แชมป์ระดับโลก วิบากกรรมเลิกราไม่มี แต่อาจจะแยกกันไปเป็นการแก้เคล็ด

ราศีนี้เป็นคู่ครองกันเลยนะ แต่เป็นราศีคนสมัยใหม่ จะอยู่ก็ได้เลิกก็ได้ แต่คนที่จะแต่งกับภราดรได้ต้องถูกต้องตามประเพณี ภราดรจะได้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก...ส่วนน้องนุ่น ศิรพันธ์ เกิดราศีเดียวกับแท่ง รู้ใจกันมากที่สุด คู่นี้ถ้าคบกันจะมีความสุขมาก การงานเกื้อกูล คู่นี้จะบอกพี่น้องกันตลอด กระทั่งท้องนั่นแหละถึงจะยอมรับ

นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเคยทำนายไว้ด้วยว่า อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร มีดวงของเทพจุติ การเข้ามาเป็นนายกฯรอบสองในปี 2548 จะอยู่ครบเทอม (ยุบสภาต้นปี 49-เดือนกันยามีการปฏิวัติ) หมอลักษณ์ ทำนายไว้ว่า มิถุนายน 2549 จะมีสึนามิครั้งใหญ่อีกครั้ง (ไม่เกิด) ทำนายไว้ว่า 10 สิงหาคม จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เชียงใหม่ (ไม่เกิด)

รวมไปถึงคำทำนายการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา ว่า ชูวิทย์ ซึ่งเป็นประเภทมวยไฟท์ติ้งอาจจะเบียดเอาชนะมวยบ็อกเซอร์อย่างอภิรักษ์ ได้ แต่ต้องใช้สไตล์บุกบั่นฟันธง โฉงเฉง ดุเด็ดเผ็ดมัน ถึงลูกขุนทะลวงฟัน (ผลสรุปเจ้าตัวสามารถเอาชนะน็อกได้จริงๆ ทว่ากลับไม่ใช่อภิรักษ์ที่น็อก แต่เป็น “วิศาล ดิลกวณิช” พิธีกรช่อง 3 ที่ถูก ชูวิทย์ ซัดลงไปกองกับพื้นเพราะไม่พอใจคำพูดของอีกฝ่าย)
..........
หมอเดาแล้วทำไมคนไทยชอบดู
ในความคิดเห็นของนายแพทย์ วิทยา นาควัชระ จิตแพทย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาตนเองและนักบริหาร คลินิกสุขภาพจิต เผยว่า เหตุผลที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบดูหมอดูนั้นก็เพราะพื้นฐานดั้งเดิมของคนไทยในเรื่องของการเกษตรที่ผูกพันกับเรื่องของธรรมชาติซึ่งในอดีตเกี่ยวโยงพันไปที่ ภูติ ผี เทพ เทวดา ส่งผลให้คนในสังคมเชื่อในเรื่องของสิ่งเร้นลับ

ขณะที่เรื่องที่ควรเชื่อถ้าไม่ลี้ลับก็จะไม่เชื่อ

“ยกตัวอย่างมีคนมียืนฉี่ปัสสาวะที่หน้าบ้านเรา แล้วเราเขียนป้ายบอกว่ากรุณาอย่าฉี่เลยนะมันเหม็น คนจะไม่เชื่อ ก็ปัสสาวะต่อ เราก็โกรธ แล้วไปเขียนใหม่ว่าที่หมาเยี่ยว เขาก็โกรธ ก็ฉี่ต่อ ในทางกลับกันถ้าเราเอาศาลพระภูมิจะเก่าหรือใหม่ก็ได้ ปักตูมเข้าไป เอาธูปสักกำไปปัก ผูกผ้าแดงเข้าไป ปรากฏว่าได้ผล”

“การพัฒนาของเราไม่ได้พัฒนาเรื่องความเชื่อเลย ไม่ได้พัฒนาทางด้านจิตใจ เพราะฉะนั้น ก็เลยเชื่อเรื่องนี้ เขาก็เอามาแตก กลายเป็นเชื่อโชค ลาง ของขลัง เชื่อเวทย์มนต์ คาถาคุณไสย ไสยศาสตร์ แน่นอนรวมทั้งหมอดู การทำนายทายทักทั้งหลาย”

ในมุมมองของนักจิตวิทยา นายแพทย์ วิทยา บอกว่า สำหรับคนที่มีการทรงเจ้าเข้าทรง หรือว่าผีสิงนั้น มีความเป็นไปได้ว่าคนเหล่านี้บางส่วนจะเป็นโรคฮิสทีเรียชนิดหนึ่ง

“หมอดูมันมีหลายแบบ ถ้าในหลักจิตเวชศาสตร์ คนที่ผีเข้า เจ้าสิง องค์ลง มีแนวโน้มว่าจะเป็น ฮิสเทอริคอล นิวโรซิส (Hysterical Neurosis) คือ เป็นโรคฮิสทีเรียชนิดหนึ่งที่ต้องการให้คนมารักและมาเข้าใจมากๆ ซึ่งไม่ได้ดังใจ ได้ไม่พอ จึงเปลี่ยนตัวเองแปลงเป็นเทพได้ แปลงเป็นเจ้าได้ เพราะว่าคนจะได้มาสนใจถึงขั้นกราบไหว้ ขนาดพ่อแม่เองก็ยังกราบไหว้เลย”

“ซึ่งในสังคมที่เขาเจริญคนเขาจะเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อและเกิดประโยชน์ อย่าง หมอดูหมอเดาทั้งหลายเขาจะไม่เชื่อ ก็มีบ้าง แต่เขาไม่ได้คลั่งไคล้หรือใฝ่หากันมากมาย เพราะถ้าคนเชื่ออย่างนี้แล้วมันพัฒนายากที่สุด”

ส่วนกรณีของนักร้องดังที่ถูกหมอดูทำนายว่ามีเกณฑ์ท้องนั้นในมุมมองของนายแพทย์วิทยาเจ้าตัวบอกไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหมอดู เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเลย

“บางคนอาจจะรู้สึกว่าถ้าไม่ท้องก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรเลย ซึ่งไม่ถูก เพราะต้องอย่าลืมว่าสังคมไทยมีความคิดที่พร้อมจะเชื่อกับเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องหวั่นไหวเป็นธรรมดา คุณเล่นไปทำนายชื่อเขาออกสื่อ แล้วไม่ใช่เรื่องที่ดี เขาเสียหาย”

“คือ มาดูและมาทายในทำนองเสียหาย แล้วบอกว่าเป็นหน้าที่เป็นอาชีพของเขาที่จะต้องทำ เอ๊ย มันไม่เกี่ยวเลย แล้วมันดีที่ไหนล่ะ ไม่ควรพูด เพราะพูดแล้วมันเกิดประโยชน์มั้ย มันไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสังคมเลย ถามว่าการเชื่อหมอดูนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ตนเองกับผู้อื่นมั้ย ผมว่าไม่เกิด เพราะมันมีแต่จะทำให้เราเนี่ยหลงเชื่อ หลงผิด”

“เป็นการส่งเสริมคนให้ขาดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ธรรมชาติมนุษย์เราควรจะมั่นใจตัวเอง มีความมั่นใจในศักยภาพตนเองตามความเป็นจริงๆ แนะนำว่าการจะเชื่ออะไรก็แล้วแต่ต้องเชื่อะไรที่มั่นก่อให้เกิดประโยชน์กับตนเองและสังคมด้วย ถ้าไม่ก่อก็ไม่ควรเชื่อ”

“อะไรที่ควรเชื่อล่ะ เช่น กฎแห่งกรรมอย่างนี้ เชื่อสิ ถามว่าจริงมั้ย มันจะจริงยังไงก็เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนิจจัง อนัตตาทั้งนั้น แปลว่ามันไม่แน่นอน ยึดถือไม่ได้ กฎแห่งกรรมก็เช่นกัน แต่ถามว่ากฎแห่งกรรมสร้างสรรค์มั้ย มันสร้างสรรค์ทั้งกับตัวเราและสังคมด้วย”

“เพราะว่ามันทำให้เราไม่อยากทำชั่ว อยากทำความดีมากขึ้น ถามว่าตัวเราเองดีมัย ดีขึ้น สังคมดีขึ้นมั้ย ดีขึ้น อย่างนี้ควรเชื่อให้มากขึ้น หมอดูไม่ควรเชื่อ อย่าเอาชีวิตเราไปฝากกับอะไร บางคนดูทุกวัน ดูทุกอาทิตย์เลย มันแสดงถึงความไร้สมรรถภาพ”

“ไม่เชื่อแต่ลบหลู่ไม่ใช่ คำนี้ผมไม่ชอบเพราะมันไม่ได้ให้คำตอบอะไรเลย ไม่เชื่อ ไม่สนใจไปเลย ไม่ต้องดู ไม่ต้องอ่าน”
..........
ถูกขโมย (ดู) ดวง ฟ้องได้มั้ย
ในระยะหลังๆ กับการออกมาทำหน้าที่ของหมอดูผ่านสื่อด้วยการทำนายทายทักดวงชะตาทั้งที่เป็นไปในทางดีและไม่ดีโดยที่ผู้ที่ถูกดูมิได้เต็มใจหรืออย่างน้อยๆ ก็คือ ไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายดูให้นั้นได้กลายเป็นข้อสงสัยว่า คนดังผู้ที่ถูกโขมยดูดวงเหล่านี้สามารถเอาฟ้องร้องเอาผิดได้หรือไม่?

เกี่ยวกับเรื่องนี้นายพนม จอดเกาะ ทนายความที่เคยรับหน้าที่ว่าความให้กับหนุ่มแด็ก บิ๊กแอส (เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด) กรณีที่มีสื่อนำเสนอข่าวไปว่าเขาทำผู้หญิงท้อง ได้ให้ความเห็นว่า...

“ได้แน่นอนครับ เพราะอย่างนี้มันเป็นกรณีไปให้ข่าวกับบุคคลที่ 3 ไปออกสื่อ ซึ่งทางผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องได้ การไต่สวนก็จะมีการเรียกคนอื่นๆ เข้ามา อย่างของคุณลิเดียก็อาจจะเป็นทางแฟนคลับ ซึ่งอาจจะรู้สึกไม่ดีเลยต่อข่าวที่ออกมา แบบนี้ก็ถือว่าคุณลิเดียเสียหาย”

“เหมือนกับกรณีของแด็ก ซึ่งมีหนังสือพิมพ์เอาข่าวเขาไปลงว่าทำผู้หญิงท้อง ก็มีคนมาด่าเขาโดยไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ซึ่งเขาเสียหาย หลังศาลไต่สวนพบว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมีมูลความผิด ก็ลงโทษ แต่กรณีของคุณลิเดียสื่อเองไม่น่าจะมีความผิดนะ สื่อคงไม่ได้มีเจตนา อยู่ที่คนที่ใช้สื่อ”

“คือ เรื่องจริงถึงเขาจะท้องแต่ถ้าเขาไม่ประสงค์จะเปิดเผยคุณก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะความเสียหายมันมีตามมา ตำรวจสามารถนำสืบญาติๆ ได้ว่าได้รับผลกระทบ ถูกต่อว่าต่อขาน ถูกนินทาว่าร้าย ก็ฟ้องหมิ่นประมาทได้”
..........
หลากทัศนะดาราต่อหมอดู
หมิง ชาลิสา บุญครองทรัพย์
“หมิงคิดว่าที่หมอดูมาดูให้เนี่ยหมิงก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ต้องไม่มาก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคน ไม่ควรให้เกิดปัญหาอย่างนี้ค่ะ หมิงว่าที่ดาราออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้หมิงว่าก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะเป็นสิทธิ์ของเขาเอง ถ้าดูก็ควรจะดูแค่พองามก็พอ ไม่ล้ำเส้นกันเกินไป ปกติหมิงก็ชอบดูดวงแต่จะดูเป็นการส่วนตัวเท่านั้นค่ะ”

สงกรานต์ กระจ่างเนตร
“ผมไม่ชอบดูเลยครับ ถือเป็นเรื่องไร้สาระมาก ถ้าเขาจะมาดูให้ผม ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาดูให้ทำไม ไม่คิดจะดูเลยครับในชีวิตนี้”

ต่าย ณัฐพล ลียะวณิช
“ผมว่าใครก็คงไม่อยากให้มาดูให้มั้งครับ เพราะถ้าดูในแง่ลบแล้วเอาไปออกสื่อด้วย ผมว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรอย่างมาก เหมือนล่วงเกินสิทธิส่วนบุคคลด้วยครับ ผมก็ดูดวงบ้าง แต่นี่ก็ไม่ได้ดูมาเป็นปีแล้ว ถ้าเกิดเขามาดูให้เราแล้วเอาไปออกสื่อผมก็ไม่ชอบนะครับ ควรจะถามความคิดเห็นของเราก่อนด้วยว่าสามารถเอาไปลงได้ไหม”

แพนเค้ก
“ปกติเป็นคนไม่ดูดวงค่ะ ไม่ชอบ เฉยๆ มากกว่าเรื่องของการดูดวง คือมองว่าการดูดวงเป็นการชี้แนะ เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ถ้าเป็นสิ่งที่ดีก็รับไว้ สิ่งไหนที่ไม่ดี ก็อย่าเอามาให้บั่นทอนจิตใจเรา คิดว่าทุกคนจะมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง ก็ไม่ควรที่จะมาก้าวก่ายชีวิต หรือมาแตะต้องชะตาของเรา”

ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร
“ถ้ามีหมอดูมาดูให้จะไม่ดูนะ เพราะเป็นคนไม่ชอบดูดวงเลย แต่ถ้าเขาอยู่ดีๆ ก็มาดูให้เราเนี่ย เราก็เลือกที่จะไม่เปิดรับฟังการทำนายของเขาครับ ถามว่าคิดยังไงกับหมอดูในปัจจุบันนี้ผมก็ว่าบางคนเขามีฐานะดีเลยนะจากอาชีพนี้ ในความเป็นจริงแล้วการดูเนี่ยมันน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนมากกว่า ไม่ควรไปดูให้เขา หรือออกมาพูดว่าจะเป็นเช่นไร”

แน็ต เอวิตา
“ก็พอได้ค่ะ ดูเล่นๆ ได้ค่ะ ดูหนุกๆ ขำๆ ไม่จริงจังอะไรมากกว่า เป็นเรื่องสถิติแต่ว่าคาดเคลื่อนได้ อนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าตัวเองโดนดูหมอให้จะรู้สึกยังไงแล้วอยากให้ดูไหม บางคนดูแบบสร้างสรรค์ แน็ตก็โอเคคะ แต่ถ้าดูแบบไร้สาระไม่มีประโยชน์อะไร แน็ตว่ามันไม่ค่อยเวิร์ก”

ครีม เปรมสินี
“คือ มองได้หลายแบบหลายแง่ ถ้าเขาดูแล้วเตือนเรา แล้วมีขอบเขตในการดู มันก็โอเค เหมือนเป็นสิ่งที่เตือนเราแต่ถ้าไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่วางไว้ ก็ไม่ดี ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ถ้าเกิดมาดูให้โดยไม่รู้ตัว เราเองก็ไม่พอใจ เหมือนมาก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเรา”
กำลังโหลดความคิดเห็น