เอกสารของอัยการออสเตรีย ระบุว่า โจเซฟ ฟริตเซล วัย 73 ปี พ่อชั่วที่จับลูกสาวตัวเองมาขังไว้ในห้องใต้ดิน และข่มขืนมานาน 24 ปี เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของลูกชายที่เพิ่งเกิดของเอลิซาเบธ ลูกสาว วัย 42 ปี เนื่องจากเขาไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าทารกอาจตายได้ ซึ่งหากอัยการสามารถพิสูจน์ได้ว่าฟริตเซลกระทำผิดจริง เขาก็อาจต้องโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต
ก่อนหน้านี้ฟริตเซลได้บอกกับตำรวจว่า ทารกที่เสียชีวิตซึ่งเป็นหนึ่งในฝาแฝด ตายตั้งแต่เกิด และเขาเพียงเป็นผู้เผาศพทารกในเตาเผาซึ่งอยู่ในห้องใต้ดินดังกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังได้พูดคุยกับเอลิซาเบธ ผู้เชี่ยวชาญซึ่งแต่งตั้งโดยศาล ได้ออกมาระบุว่า ทารกอาจรอดชีวิตหากได้รับการช่วยเหลือด้วยการรักษาที่เหมาะสม
ทั้งนี้นอกจากข้อหาฆาตกรรมแล้ว ฟริตเซลยังถูกแจ้งข้อหาข่มขืน แยกผู้อื่นออกจากสังคม ร่วมประเวณีกับสายเลือดตัวเอง ทำร้าย และปฏิบัติต่อผู้อื่นเยี่ยงทาส ซึ่งข้อหาเหล่านี้มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
เอกสารของอัยการออสเตรียยังระบุด้วยว่า ฟริตเซลกระทำต่อเอลิซาเบธราวกับลูกสาวเป็นสมบัติของเขา
ขณะที่ประธานศาลในเมืองแซงต์ โพเอลเทนของออสเตรีย กล่าวว่า คาดว่าไม่น่าจะมีการพิจารณาคดีของฟริตเซลจนกว่าจะถึงช่วงปลายเดือนมกราคมปีหน้า
สอดคล้องกับแหล่งข่าวศาลที่ระบุว่า การพิจารณาคดีน่าจะเริ่มได้ในเดือนมีนาคม ปี 2009
ด้านรูดอล์ฟ เมเยอร์ ทนายความของฟริตเซล กล่าวว่า เขายังไม่ได้รับการติดต่อจากศาลเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ทนายความปีศาจห้องใต้ดินได้กล่าวว่า ฟริตเซลอาจขอให้ศาลลดโทษให้เขาในการพิจารณาคดีต่อไป
อย่างไรก็ตามรายงาน ระบุว่า เมเยอร์มีเวลา 14 วันในการยื่นอุทธรณ์ หลังได้รับการติดต่อจากศาล
ในรายงานซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อกลางเดือนตุลาคม จิตแพทย์ซึ่งได้ตรวจสภาพจิตของฟริตเซล สรุปว่า ฟริตเซลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการลักพาตัวลูกสาวมากักขังไว้ และข่มขืน
ปัจจุบันเอลิซาเบธ และลูกอีก 6 คนซึ่งมีอายุระหว่าง 5-19 ปี อาศัยอยู่ที่คลินิกสุขภาพจิตแห่งหนึ่ง ใกล้กับเมืองอัมสเตทเทน ห่างจากกรุงเวียนนาไปทางตะวันตกประมาณ 100 กิโลเมตร หลังเอลิซาเบธได้กลับมาพบกับลูกๆ 3 คน ซึ่งฟริตเซลนำไปเลี้ยงบนบ้านอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่อีก 3 คนอยู่ที่ห้องใต้ดินกับผู้เป็นแม่
ด้านแพทย์ ระบุว่า อาการของเอลิซาเบธและลูกๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเหยื่อจะมีแนวโน้มหวาดกลัวทางจิตอยู่ ส่วนลูกๆ 3 คน ซึ่งใช้ชีวิตปกติอยู่บนบ้านกับฟริตเซลได้กลับไปเรียนหนังสือตามปกติแล้ว ขณะที่โรสแมรี แม่ วัย 69 ปีของเอลิซาเบธ ซึ่งปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อีกเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กัน
ก่อนหน้านี้ฟริตเซลได้บอกกับตำรวจว่า ทารกที่เสียชีวิตซึ่งเป็นหนึ่งในฝาแฝด ตายตั้งแต่เกิด และเขาเพียงเป็นผู้เผาศพทารกในเตาเผาซึ่งอยู่ในห้องใต้ดินดังกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังได้พูดคุยกับเอลิซาเบธ ผู้เชี่ยวชาญซึ่งแต่งตั้งโดยศาล ได้ออกมาระบุว่า ทารกอาจรอดชีวิตหากได้รับการช่วยเหลือด้วยการรักษาที่เหมาะสม
ทั้งนี้นอกจากข้อหาฆาตกรรมแล้ว ฟริตเซลยังถูกแจ้งข้อหาข่มขืน แยกผู้อื่นออกจากสังคม ร่วมประเวณีกับสายเลือดตัวเอง ทำร้าย และปฏิบัติต่อผู้อื่นเยี่ยงทาส ซึ่งข้อหาเหล่านี้มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
เอกสารของอัยการออสเตรียยังระบุด้วยว่า ฟริตเซลกระทำต่อเอลิซาเบธราวกับลูกสาวเป็นสมบัติของเขา
ขณะที่ประธานศาลในเมืองแซงต์ โพเอลเทนของออสเตรีย กล่าวว่า คาดว่าไม่น่าจะมีการพิจารณาคดีของฟริตเซลจนกว่าจะถึงช่วงปลายเดือนมกราคมปีหน้า
สอดคล้องกับแหล่งข่าวศาลที่ระบุว่า การพิจารณาคดีน่าจะเริ่มได้ในเดือนมีนาคม ปี 2009
ด้านรูดอล์ฟ เมเยอร์ ทนายความของฟริตเซล กล่าวว่า เขายังไม่ได้รับการติดต่อจากศาลเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ทนายความปีศาจห้องใต้ดินได้กล่าวว่า ฟริตเซลอาจขอให้ศาลลดโทษให้เขาในการพิจารณาคดีต่อไป
อย่างไรก็ตามรายงาน ระบุว่า เมเยอร์มีเวลา 14 วันในการยื่นอุทธรณ์ หลังได้รับการติดต่อจากศาล
ในรายงานซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อกลางเดือนตุลาคม จิตแพทย์ซึ่งได้ตรวจสภาพจิตของฟริตเซล สรุปว่า ฟริตเซลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการลักพาตัวลูกสาวมากักขังไว้ และข่มขืน
ปัจจุบันเอลิซาเบธ และลูกอีก 6 คนซึ่งมีอายุระหว่าง 5-19 ปี อาศัยอยู่ที่คลินิกสุขภาพจิตแห่งหนึ่ง ใกล้กับเมืองอัมสเตทเทน ห่างจากกรุงเวียนนาไปทางตะวันตกประมาณ 100 กิโลเมตร หลังเอลิซาเบธได้กลับมาพบกับลูกๆ 3 คน ซึ่งฟริตเซลนำไปเลี้ยงบนบ้านอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่อีก 3 คนอยู่ที่ห้องใต้ดินกับผู้เป็นแม่
ด้านแพทย์ ระบุว่า อาการของเอลิซาเบธและลูกๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเหยื่อจะมีแนวโน้มหวาดกลัวทางจิตอยู่ ส่วนลูกๆ 3 คน ซึ่งใช้ชีวิตปกติอยู่บนบ้านกับฟริตเซลได้กลับไปเรียนหนังสือตามปกติแล้ว ขณะที่โรสแมรี แม่ วัย 69 ปีของเอลิซาเบธ ซึ่งปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อีกเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กัน