xs
xsm
sm
md
lg

SPARROW : จอมใจจอมโจร

เผยแพร่:   โดย: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี


ยุคทองของหนังฮ่องกงได้ล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว มันผ่านช่วงตกต่ำอย่างถึงที่สุด อาจจะกระเตื้องขึ้นบ้างในระยะ 4-5 ปีให้หลังมานี้ แต่ก็ไม่สามารถพุ่งสูงเท่ากับที่เคยเป็นในปลายยุค 70 – ต้น 90 ได้อีกเลย
จอห์นนี่ ตู้ หรือ ตู้ฉีฟง (หรืออาจจะอ่านชื่อตามภาษากวางตุ้งได้ว่า ตู้เข่ยฟง) ท้าทายภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมหนังฮ่องกงในช่วงปี 1996 ด้วยการเปิดบริษัทสร้างหนังของตัวเองและเพื่อนๆ ในชื่อ มิลกี้เวย์ อิมเมจ ในขณะที่คนทำหนังชื่อดังหลายๆ คน อย่าง จอห์น วู หรือ ฉีเคอะ ตระเตรียมแผนสำรองให้กับชีวิตด้วยการไปทำหนังในฮอลลีวู้ด

ในปีที่คนฮ่องกงยังไม่ทราบชะตากรรมที่แน่ชัดของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตู้ฉีฟงยืนยันจะทำหนังอยู่ที่เดิม ด้วยเงื่อนไขที่ท้าทายตัวเองกว่าเดิม

ผู้กำกับวัย 53 ปีคนนี้โด่งดังมาจากการกำกับหนังเรื่อง All About Ah-Long (อาหลาง, 1989) และ The Heroic Trio (สวยประหาร, 1993) รวมถึงการโปรดิวซ์หนังฮิตที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอย่าง A Moment of Romance (ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ, 1990)

ช่วงปี 1998 – 1999 ตู้ฉีฟง ทำหนังรวดเดียว 4 เรื่อง ได้แก่ A Hero Never Dies, The Mission, Running out of Time, Where a Good Man Goes – ทั้งหมดนั้นเป็นหนังที่ลงทุนสูง และเต็มไปด้วยความทะเยอะทะยาน

ในฐานะที่ไม่ใช่แฟนของตู้ฉีฟง หนังเรื่อง PTU (ออกฉายในปี 2003) ของเขา ทำให้ผมประหลาดใจอย่างมาก มันเป็นงานที่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนในการทำงานของเขาอยู่กลายๆ นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับเนื้อหาและความสมจริง ภาษาหนังและจังหวะจะโคนต่างๆ ก็สุกงอมได้ที่ ไม่มีอาการประดักประเดิดให้เห็นเหมือนงานชิ้นก่อนๆ

ชั้นเชิงที่ตกผลึกยังผลให้หนังแอ๊กชั่นชิ้นถัดๆ มาอย่าง Breaking News (2004), Throw Down (2004), Election (2005), Exiled (2006) กลายเป็นงานที่น่าพึงพอใจทั้งหมด นั่นยังครอบคลุมถึงหนังขายๆ ที่เขาทำร่วมกับ ไหว่กาไฟ (กำลังหลักอีกคนของมิลกี้เวย์ฯ) อย่าง My Left Eye Sees Ghosts (2002) หรือ Mad Detective (2007) ด้วย

ผลจากการทำงานอย่างหนัก นอกเหนือจากการช่วยพยุงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ภายในประเทศ (ได้ในระดับหนึ่ง) แล้ว เขายังได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ, Throw Down เคยไปฉายที่เทศกาลหนังเมืองเวนิซ, Election ได้เข้าไปฉายในสายประกวดของเมืองคานส์ โดยเฉพาะเรื่องหลังนี้ เควนติน ตารันติโน่ ชื่นชมอย่างออกหน้าออกตา โดยยกย่องว่า มันเป็นหนังที่ดีที่สุดในปี 2005

Sparrow ออกฉายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับเลือกให้เข้าสายประกวดในเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลิน แน่นอน มันเป็นหนังคุณภาพเยี่ยมตามแบบฉบับของตู้ฉีฟงแท้ๆ และเป็นงานแก้ตัวที่ได้ผล หลังจากที่โดนนักวิจารณ์สับเละกับ Linger หนังรักฟอร์มดีที่นำแสดงโดย วิค โจว (F4) ซึ่งออกฉายในปีเดียวกัน

ไม่มีใครคิดว่า Sparrow จะเป็นงานที่ดีได้เลย เนื่องจากหนังถ่ายๆ หยุดๆ อยู่เป็นเวลาถึง 3 ปี ตู้ฉีฟงทำหนังเรื่องนี้หลังจากถ่าย Election เสร็จ แต่ก็มีเหตุให้ไปทำหนังเรื่องอื่นๆ ก่อนตลอดเวลา เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมทำหนังเรื่องนี้อย่างมีความสุข และไร้แรงกดดัน เมื่อผมกับทีมเขียนบทคิดอะไรใหม่ๆ ได้ เราก็จะถ่ายมันทันที ก่อนจะหยุดยาวไป แล้วเมื่อคิดอะไรได้ก็ถ่ายต่อไปเรื่อยๆ ผมเดาว่า หากผมไม่ได้รับคำเชิญจากเบอร์ลิน ผมก็ยังถ่ายหนังเรื่องนี้ไม่เสร็จ”

แต่นั่นกลับกลายเป็นข้อดีของมันอย่างคาดไม่ถึง เพราะทำให้มันเป็นหนังที่ผ่อนคลายมากที่สุดของเขา อีกทั้งยังไหลลื่น สดใสและรื่นรมย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

บรรยากาศของ Sparrow ก็คล้ายกับหนังเรื่องก่อนๆ ของเขา มันเกี่ยวพันกับอาชญากรรม เกมแมวไล่จับหนู มิตรภาพระหว่างลูกผู้ชาย นางเอกเสน่ห์ล้น และการคลี่คลายที่เรียกร้องความสนใจจากผู้ชม แต่ความตึงเครียดจะมีน้อยกว่า เพราะมันวางตัวเองไว้เป็นหนังตลก

เยิ่นต๊ะหัว รับบทนำเป็น อาเข่ย พี่ใหญ่ของแก๊งฉกทรัพย์กระจอกๆ แก๊งหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วย อาโป้ น้องชายที่ชอบกวนประสาท (หลั่มกาตง), อาซัก (เหลาอิ่งเชง) ชายร่างเตี้ยหน้าตาขี้เหร่ และ อาหมัก (เคนเนธ เฉิง) หนุ่มผู้เงียบขรึม – แม้จะเป็นโจรกระจอกๆ แต่คุณความดีที่พวกเขามีอยู่บ้างคือ มีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือคนยาก ถือมิตรภาพเป็นเรื่องสำคัญ และก็ไม่เคยคิดทำร้ายใคร

วันดีคืนดี มีหญิงลึกลับหน้าตาเย้ายวนนางหนึ่ง (เคลลี่ หลิน) ปรากฏตัวขึ้นให้ทุกคนเห็นในต่างกรรมต่างวาระกัน และทั้ง 4 ก็หมายมั่นว่าจะพิชิตใจสาวเจ้าให้ได้ ก่อนที่จะพบว่า เธอเป็นนางนกต่อที่จะนำพวกเขาไปสู่เกมการฉกทรัพย์ที่ซับซ้อนที่สุดที่พวกเขาเคยเจอ

อุปสรรคหนึ่งที่นักดูหนังอาจจะต้องกระโดดให้ผ่านก่อนจะเพลิดเพลินกับหนังของตู้ฉีฟงได้ก็คือ องค์ประกอบหลายๆ อย่างในหนังของเขา ล้วนหาไม่ได้ในโลกของความเป็นจริง โลกที่หัวขโมยดำรงชีวิตอยู่อย่างเปรมอุรานั้น ห่างไกลจากการรับรู้ของคนทั่วไปพอสมควร

ยังรวมถึงศิลปะการฉกทรัพย์ (และการใช้มีดโกนกรีดกระเป๋า) อันแสนอัศจรรย์นั้น ก็เป็นเพียงแฟนตาซีของผู้ชายเหมือนที่เราได้เห็นกันจนชินตาในหนังแก๊งสเตอร์จากฮ่องกง (ตู้ฉีฟงเล่าว่า เขาพยายามทำ Sparrow โดยไม่ให้มีปืนและเลือดอยู่ในฉากเลย เพื่อให้มันแตกต่างจากหนังแอ๊กชั่นพิมพ์นิยม)

Sparrow เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของ มิลกี้เวย์ อิมเมจ อย่างแท้จริง ตั้งแต่ทีมเขียนบท การถ่ายภาพ การตัดต่อ ดนตรีประกอบ การแสดง และแน่นอน ทั้งหมดถูกควบคุมอย่างมีสีสันโดยตู้ฉีฟง

ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องยาวประมาณ 20 นาที และถ่ายภาพแบบไฮสปีดทั้งหมด (ภาพออกมาเป็นสโลวโมชั่น ที่ทุกอย่างเคลื่อนที่อย่างแช่มช้า) ทีมออกแบบงานสร้าง ดีไซน์โทนของฉากให้เป็นสีมืดทึม ในคืนฝนตกที่มีคนถือร่มเดินขวักไขว่

ดนตรีประกอบของ เฟรด อาฟริล และ ซาวิเยร์ ฌาโมซ์ ทำการคารวะหนังของ ฌากส์ เดอมี เรื่อง The Umbrellas of Cherbourg ด้วยงานดนตรีแจ๊ซเย็นๆ แบบ มิเชล เลอกรองด์ รับกับภาพการเยื้องย่างของร่มสีดำนับสิบคัน

ฉากที่ว่านี้นอกจากจะเป็นฉากแอ๊กชั่นที่ดูสนุก และกระตุ้นเร้าความสนใจจากคนดูได้สมบูรณ์แบบแล้ว มันยังเป็นฉากที่งดงาม สร้างสรรค์อย่างที่ผู้ชมต้องจำไปอีกนาน หนำซ้ำมันยังถูกนำเสนอออกมาอย่างมีรสนิยมเสียด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น