“สันติ” ไม่หวั่น “แพง” คบฟลุค ให้อิสระเต็มที่ จะอกหัก โดนหลอก ก็เรื่องของแพง สุดใจป้ำถ้าลูกจะอยู่ก่อนแต่ง ไม่เชื่อหมอดูทักว่าจะท้องก่อนแต่ง บอกคนละคนกับ “โบ ชญาดา”
ตกเป็นข่าวใหญ่โตเลยทีเดียว เมื่อ “ฟลุค เกริกพล มัสยวานิช” ตามไปเฝ้า “ดีเจแพง ขวัญข้าว เศวตวิมล” ถึงตึกแกรมมี่ ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายอมรับหน้าตาเฉยว่า กำลังจีบแพงอยู่ทั้งที่พึ่งเลิกกับ “แป้ง อรจิรา แหลมวิไล” ได้ไม่นาน เห็นลีลาปลาไหลเรียกพ่อของหนุ่มฟลุคแล้ว ทำให้หลายๆ คนเป็นห่วงว่า คู่นี้อาจจะไปด้วยกันไม่รอด นกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำ ก็อาจจะโดนชิ่งเหมือนกรณีแป้ง
ใครจะห่วงอะไรก็ห่วงไป แต่สำหรับ “สันติ เศวตวิมล” นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ซึ่งเป็นคุณพ่อของแพงบอกว่า ไม่ห่วง อยากจะทำอะไรก็ทำไป ถ้าจะอกหัก โดนหลอก ก็เรื่องของแพง แถมยังใจป้ำถ้าลูกจะไปใช้ชีวิตอยู่ก่อนแต่ง ส่วนที่หมอดูฟันธงว่า แพงจะท้องก่อนแต่ง เจ้าตัวบอกว่า คนละคนกับ “โบ ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์” คงไม่เกิดกรณีซ้ำกัน
“ผมทราบเรื่องของแพงผ่านหนังสือพิมพ์ซะส่วนใหญ่ และผมก็ไม่ค่อยได้รู้เรื่องอะไรเลย โดยความเป็นจริงผมค่อนข้างให้อิสระลูกเพราะเขาก็ทำงานแล้ว ยกเว้นตอนเรียนหนังสือเราต้องดูแลเขาใกล้ชิด ตั้งแต่เขาจบคุรุศาสตร์จุฬาปริญญาตรีผมถือว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ให้อิสระในการเลือกทำงาน เขาอยากทำงานด้านดีเจอยากทำงานด้านสื่อมวลชนผมก็โอเค เพราะเขารักอะไรก็ทำในสิ่งที่เขารัก”
“ส่วนเรื่องความรักผมเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนอายุ 20 กว่าๆ ขึ้นไป ถ้าไม่มีความรักผมว่ามันแปลก และผมก็ให้อิสระเรื่องความรัก ไม่ว่าเขาจะรักใคร หรือใครจะรักลูกผม ผมไม่ใช่คนที่หวงลูกสาว ถ้าหวงไม่หวงแต่ห่วงผมห่วง และผมก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่แพงจะต้องดูคนที่รักเขา และต้องถามตัวเองว่าแพงรักใคร แล้วในความรักมันเป็นเรื่องอิสระเป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคนผมไม่เข้าไปก้าวก่าย”
“ที่ผ่านมา ตั้งแต่เด็กเรื่องความรักของแพงผมยังไม่เคยเห็น ชั้นประถมมัธยมจนกระทั่งถึงเตรียมอุดมศึกษาก็ยังไม่เห็นเขามีปัญหาเรื่องความรัก แต่ถ้าถามว่าคนรักที่แท้จริงเขาเป็นใคร สมัยก่อนที่เขาเคยมีข่าวนานมาแล้วก็คงจะเป็นแอนดี้ (แอนดี้ เขมพิมุข) มั้ง ผมก็เฉยๆ แอนดี้ก็มาหาผมก็บอกว่าคบกัน ผมก็บอกคบกันก็ดูแลกันฝากน้องด้วย ผมก็ไม่เคยไปยุ่งว่าแอนดี้เป็นไง แพงเป็นไง จนกระทั่งเขาเลิกลากันไป ผมก็ยังไม่เคยถาม ทุกวันนี้ก็ยังไมเคยถามว่าเขาเลิกกันเพราะอะไร”
“อย่างทุกวันนี้ที่เขามีข่าวกับฟลุคเป็นแฟนกัน ผมก็ยังไม่เคยไปถามลูกเลยว่าจริงหรือเปล่า แต่ผมจะรอวันหนึ่งที่ลูกเดินเข้ามาหาผม เหมือนที่เขาเข้ามาคุยกับผมเรื่องแอนดี้ เขาก็บอกว่าเขาคบกับแอนดี้อยู่ ผมถามเขาว่า ชอบพอกันหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเป็นเพื่อน แอนดี้เป็นคนดีปกป้องเขาได้ แอนดี้เขาก็ดีมาส่งที่บ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีก็ดีผมก็ไม่ได้ซักไปมากกว่านั้น เมื่อเขาเลิกกันผมก็ไม่ได้ถามว่าทำไมเลิกกัน เพราะเขาก็ไม่ได้มาเล่าให้ผมฟังก็ไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย”
“คนที่เขาเคยพาเข้ามาหาผมก็มีแอนดี้ เขาก็มาหาผมที่บ้านเรียกผมพ่ออย่างดีเลย (หัวเราะ) แล้วก็มีบุ้ง (ณัฐชาติ ชั้นกาญจน์) อีกคนที่พามา แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่าเพราะระยะเวลาที่คบกันค่อนข้างสั้นมากประมาณ 1 ปี เขาก็น่ารักทั้งสองคน แอนดี้ก็น่ารักอย่างหนึ่ง บุ้งก็น่ารักอีกอย่างหนึ่ง แต่ในสายตาแพงเขาจะรักใครก็เป็นเรื่องขา”
“ผมคิดว่าสองคนนี้เขาก็เป็นเพื่อนแพงหมดเพราะเขายังไม่ได้เข้ามาแนะนำว่าคนนี้แฟน ส่วนใหญ่ก็จะพูดว่าเพื่อน ยังไม่เคยบอกว่าใครเป็นแฟน ที่แพงให้สัมภาษณ์ว่าบุ้งไม่ใช่แฟน แต่บุ้งบอกว่าเป็นแฟน ก็เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมก็เคยเห็นบุ้งมาที่บ้านเหมือนกัน แต่แพงก็แนะนำว่าเป็นเพื่อน เขามาที่บ้านไม่ค่อยบ่อย แต่จะเจอกันข้างนอกหรือเปล่าผมไม่รู้”
“ผมกับแพงไม่ได้ห่างกันนะครับ ในความเป็นอยู่เราใกล้ชิดแต่เรื่องส่วนตัวผมจะไม่เข้าไปแทรกแซง เพราะว่าเขาอายุมากแล้ว 25-26 แล้วเขาควรที่จะเป็นตัวของตัวเอง ผมไม่ควรจะไปก้าวก่ายว่าลูกจะต้องรักกับใครชอบกับใคร ผมเองก็เป็นอิสระ ผมจะรักใครผมก็รัก ใครบอกคนนี้ไม่น่ารักแต่ผมจะรักของผมเรื่องอะไรของคุณ สมมติถ้าแพงเขาจะรักใครก็เรื่องแพงไม่ใช่เรื่องผม”
ในฐานะที่เป็นคนเจ้าชู้มาก่อน “สันติ” บอกว่า เข้าใจความรู้สึกดี และมั่นใจว่า คนที่เจ้าชู้จะหยุดเมื่อเจอคนที่รักจริง
“ผมเป็นคนเจ้าชู้คนหนึ่งของประเทศไทยคุณไปสืบประวัติดูได้ คนเจ้าชู้เป็นคนที่มีปมด้อย เพราะคนที่เจ้าชู้เป็นคนที่ต้องการ NEED LOVE ต้องการความรัก แต่ทำไมเขาต้องรักคนโน้นคนนี้ เพราะเขายังไม่เจอคนที่รักเขาจริง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไปเจอคนที่เขารักจริง ผมว่าผู้ชายทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่าเจ้าชู้นั้นจะหยุดเลย”
แสดงว่าที่ผ่านมา “ฟลุค เกริกพล” ไม่เจอคนที่รักเขาจริง
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ผมเป็น ผมอยู่กับแม่แพง 35 ปี ผมเจอแม่แพงตอนที่เขาอายุ 19 ผมอายุ 31 แก่อ่อนกว่าเขารอบหนึ่ง ก็อยู่กันมาจนอายุ 63 ปีนี้ ผมก็รักแม่แพงนะ และก็ยังรักชั่วชีวิต ทั้งที่ผมก็เคยเป็นคนที่ผ่านชีวิตมาแบบเจ้าชู้ มีผู้หญิงหลายคน แต่อย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนอื่นนะ นี่ผมพูดถึงตัวเองผมเองนะ แล้วทำไมผมเลิกล่ะ ผมเคยถามตัวเอง ก็เลิกเพราะว่าเขาไม่รักผมจริง และผมก็ไม่ได้รักเขาจริง เว้นแต่เมื่อไหร่ที่ใครรักผมจริง ความรักแบบนี้หายากจะตาย”
“ฉะนั้นผมก็ไม่ได้เลยคิดเรื่องนี้ ใครจะมองว่าไปเป็นแฟนกับฟลุคแล้วฟลุคเจ้าชู้ เรื่องนี้ผมเฉยๆ ถึงเขาจะทิ้งแพงไป แพงต้องเลิกกับเขา ก็เรื่องเขาไม่ใช่เรื่องของผม แพงจะต้องดูแลตัวเอง ครีเอทตัวเอง แพงจะต้องคิดเอง และเมื่อไหร่ที่เขาเดินเข้ามาหาผม พ่อแพงอยากจะมาปรึกษาเรื่องคุณฟลุควันนั้นเราถึงจะคุยกัน”
“ผมไม่ได้เป็นห่วงเลย ผมกลับว่าดีนะ กับคุณฟลุคเองผมก็ไม่เคยเจอนะ เคยเจอตั้งแต่ตอนที่ผมได้รับรางวัลครอบครัวตัวอย่างเมื่อวันพ่อปีที่แล้ว ทางเซ็นทรัลเขาจัดงานเอาครอบครัวที่อบอุ่นมา ก็มีผม คุณนก ฉัตรชัย เปล่งพานิช และก็มีคุณฟลุค ผมก็เห็นเขาแต่ไม่ได้คุยกันเพราะว่าไม่ได้รู้จักกัน และผมก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะเขามากับลูกชายเขาแล้วแม่ไปไหน”
“ผมมองเขาในฐานะที่เป็นนักหนังสือพิมพ์ มองในฐานะที่เป็นนักคิด ผมมองในฐานะที่เป็นพ่อ เด็กหนุ่มคนนี้น่าสงสารจังเมียอยู่ไหน ทำไมวันนี้เด็กหนุ่มคนนี้มารับรางวัลพ่อที่ดี มีแค่ลูกมาเคล้าเคลียแต่ไม่มีแม่ไม่มีเมียมาแสดงความยินดีด้วย แต่ครอบครัวผมมาหมด เจ้านก ฉัตรชัยก็มาคนเดียว คุณนก สินจัยก็ไม่มา ซึ่งคุณฟลุคกับคุณฉัตรชัยก็มาและก็นั่งเศร้าๆ ผมสะท้อนใจน่าสงสาร”
“ลูกผมสามคนนี่ผู้หญิงหมดนะ เขารักใครก็เรื่องของเขา ถ้ามาปรึกษาผมให้คำปรึกษาแต่จะไม่เข้าไปก้าวก่าย อย่าไปรักคนนี้มีเมียแล้ว อย่าไปรักคนนี้เจ้าชู้ แม้กระทั่งมีหมอดูฟันธงว่า แพงจะต้องท้องก่อนแต่งงาน ผมว่าแพงนี่ไม่ใช่คุณโบ(ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์) นี่ มันคนละคนกันนะคุณ(หัวเราะ) ทำไมสรุปง่ายนักล่ะ อันนี้ผมก็ต้องขออภัยคุณโบด้วย เพราะมันมีข่าวออกมาว่า คุณโบท้องก่อนแต่งงาน ผมเคยได้ยินมานะ แต่ถ้าผิดโปรดอภัยนะ แต่มันคือคนละคนมันจะเหมือนกันได้ยังไง คนบางคนชอบร้อนคนบางคนชอบเย็น”
“ผมไม่ได้มั่นใจว่าลูกจะไม่ท้องก่อนแต่ง ถ้าคิดอย่างนั้นเข้าข้างลูกตัวเองเกินไป แต่ผมคิดว่ามันคนละคน สมมติว่าแพงจะท้องก่อนแต่งก็เรื่องของแพง ผมก็เฉยๆ กรรมมันอยู่ที่ใครล่ะ กรรมเป็นของผู้กระทำกรรม สัตว์โลกพึงกระทำกรรม สมมติเกิดแพงท้อง ผมไม่ขายหน้า ผมไปขายหน้าด้วยเหรอ คนที่ขายหน้าคือแพง สมมติคนท้องก่อนแต่งงานไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครหรือคุณโบอย่างที่เป็นข่าวก็ตาม ผมว่าคนนั้นน่าอับอายขายหน้า ไม่ใช่พ่อแม่คุณโบอับอายขายหน้า พ่อแม่คุณโบเขาไปท้องด้วยหรือเปล่าล่ะ”
“อันนี้คือการยกตัวอย่างสมมตินะ ผมเคยได้ยินว่าคุณโบเนี่ยท้องก่อนแต่งงาน เดี๋ยวจะมาว่าผมหมิ่นประมาท อันนี้ผมพูดตามที่เขาเคยมีข่าวนะ แล้วหมอดูก็มาหยิบประเด็นว่าแพงจะต้องเป็นแบบคุณโบตามข่าวที่เขาว่ากัน ผมว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกัน ผมสอนลูกมาดี จนสำเร็จมหาวิทยาลัย จนได้ทุนจุฬาครุศาสตร์ไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ผมไม่ได้ให้ไปเพราะผมไม่อยากให้ลูกเป็นนักดนตรี ผมต้องการให้ลูกเป็นนักธุรกิจทางดนตรี ฝันให้ลูกสร้างโรงเรียนเป็นผู้บริหารไม่ได้เป็นมิวสิคเคิล”
ค่อนข้างให้อิสระลูกมาก และถ้าวันหนึ่ง “แพง” จะไปอยู่ก่อนแต่งก็ไม่ว่าอะไร
“ก็เรื่องของเขา ถามกันตรงๆ เลย เด็กวัยรุ่นอยู่กันก่อนแต่งงานเยอะที่สุดเลย มันจะกลายเป็นอเมริกาเข้าไปทุกที ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัดเข้ามาอยู่กรุงเทพ แต่คนในกรุงเทพลูกอยู่ในบ้านผมแล้วจะไปอย่างนั้นได้ยังไง ต้องไปดูที่บ้านผม แพงก็มีบ้าน ผมก็ต้องดูว่าวันนี้แพงกลับหรือเปล่า ถ้าไม่กลับก็ต้องบอกว่า พ่อวันนี้หนูจะไปหัวหินสองวัน ไม่ใช่หายไปเกิดอะไรขึ้นเราจะไปรู้ได้ยังไง”
“แต่ถ้าเขาคิดจะไปอยู่ก่อนแต่งเขาจะต้องมาบอกผมก่อน โอเคผมยอม ทำไปเลยลูก แต่จะต้องบอกว่าไปอยู่ไหน และจะเป็นใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นคุณฟลุคหรือใครจะต้องมาคุยกับผมให้รู้เรื่อง มันเป็นความสมัครใจของคุณเอง ถ้าคุณอยากทดลองอยู่ด้วยกันก็โอเคทดลองอยู่”
“ผมฟรีแมน คำว่าพรหมจรรย์มันไม่ได้อยู่ที่เยื่อเวอร์จิ้นต์ แต่มันอยู่ที่จิตใจ พรหมจรรย์คือจิตใจอันประเสริฐสุด ผู้หญิงโสเภณียังมีพรหมจรรย์อยู่นะ แต่ผู้ที่หญิงดีๆ ที่มีพรหมจรรย์อาจจะไม่ใช่คนที่มีพรหมจรรย์ เพราะเขามีความอิจฉาริษยา กล่าวหาใส่ร้าย พวกนั้นถือว่าไม่มีความเป็นพรหมจรรย์”
“จิตเป็นพรหมคือ ต้องมีเมตตา มุทิตา อุเบกขา นี่ก็เป็นพรหมแล้ว พระพุทธเจ้าเปรียบว่า จรรย์ คือความประพฤติที่เป็นพรหม จรรย์ที่มีความประพฤติที่เป็นพรหมก็คือ มีเมตตา มีความกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา มันไม่ได้อยู่ที่เวอร์จิ้น เวอร์จิ้นไม่มี ขี่ม้าเวอร์จิ้นขาดแล้ว”
“ผู้ชายในยุคผมไม่ได้แคร์เวอร์จิ้นเลยนะ ผมไม่ได้เกิดสมัยอยุธยา ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเวอร์จิ้น ถ้าคุณรักกับผม แล้วผมไปถามที่รักคุณยังมีพรหมจรรย์หรือเปล่า บ้าคุณตบหน้าผมเลย มึงไม่รักกูจริง ถ้ารักจริงต้องไม่พูดถึงพรหมจรรย์ พรหมจรรย์มันไม่มี เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง และถ้าเอาให้ลึกกว่านี้โบราณเขาก็ไม่แคร์พรหมจรรย์”
“ในสังคมขอมมีฤาษีหรือนักบวชทำลายพรหมจรรย์ ภาพแกะสลักที่เขาพนมรุ้งก็ยังมี สาวขอมจะต้องถูกฤาษีเบิกพรหมจรรย์โดยใช้ปลัดขลิกเบิกพรหมจรรย์ ในฝรั่งเศสยุคกลางผู้หญิงจะต้องไปเสียพรหมจรรย์ให้กับคนแปลกหน้า หลายประเทศในโลกยังต้องมีคนเบิกพรหมจรรย์ ผมว่ามันไร้สาระคนที่พูดเรื่องพรหมจรรย์เข้าใจผิดแล้ว พรหมจรรย์มันอยู่ที่ใจไม่ได้อยู่ที่เยื่อเวอร์จิ้น”
“คุณโกหกตัวเองหรือเปล่า ผู้หญิงที่เดินมาในกรุงเทพ 10 คน คุณคิดว่ามีพรหมจรรย์กี่คน การเสียตัวครั้งแรกเป็นความผิดพลาดของผู้หญิงด้วยซ้ำ ผู้หญิงมักจะแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ใช่คนแรกของเธอ บางทีเสียไปด้วยความโง่ถูกหลอกถูกข่มขืนก็มี ผมว่าการเสียโดยการตัดสินใจไปอยู่ด้วยกันมันมีเหตุมีผล ดีกว่าโดนหลอกหรือโดนใส่ยา”
เพราะเป็นคนเจ้าชู้เลยไม่แคร์เรื่องเซ็กซ์ยอมให้ลูกไปอยู่ก่อนแต่ง...
“ไม่ใช่เลย แต่ผมพูดโดยสภาวะสังคม หลายประเทศในโลกเป็นแบบนี้ฟอนเฟะ ไม่ใช่ว่าผมเจ้าชู้แล้วเป็นแบบนี้ ผมบอกแล้วว่าผมเคยเป็นคนเจ้าชู้มีแฟนเยอะ เพราะผมไม่เจอคนที่รักผมจริง และผมก็ไม่สามรถจะรักเขาจริงได้”
คิดว่าเข้าใจ “ฟลุค” ในส่วนนี้
“ผมไม่รู้ ผมรู้จากตัวผมเอง แต่ถ้าคนไปกล่าวหาว่าคุณฟลุคว่าเจ้าชู้ ผมว่าให้โอกาสเขาสิ ให้โอกาสเขาพิสูจน์ ในความเป็นจริงผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนหรือมีความสัมพันธ์กับแพงแบบไหน เขาก็ไม่ใช่สามีแพง คือถ้าเป็นแฟนก็ไม่ใช่เมีย ถ้าเป็นเมียก็ไม่ใช่ชู้ สมมติถ้าแพงแต่งงานแล้วไปมีอะไรกับคุณฟลุคก็เรียกว่าชู้ หรือคุณฟลุคมีภรรยาแล้วไปมีอะไรกับแพงก็ต้องเรียกว่าเป็นชู้ แต่นี่เขาหย่ากับภรรยาเขาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่ก็น่าสงสารนะเพราะเขาเลี้ยงลูก ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าผมเห็นดีเห็นงามอยากจะเอาฟลุคมาเป็นลูกเขย แต่ในสายตาของผมก็แค่เป็นแฟน ไม่ใช่ผัว ไม่ใช่สามีภรรยา ฟลุคก็มีสิทธิ์จะเลิกกับแพงเมื่อไหร่ก็ได้ แพงก็มีสิทธิ์จะเลิกกับฟลุคเมื่อไหร่ก็ได้ ผมว่าเร็วไปที่สังคมจะมามองว่า แพงจะท้องไม่มีพ่อ”
“ถ้าหมอดูจะฟันธงก็ว่ากันไป แต่ถ้ามันไม่เป็นจริงก็แสดงว่า ไอ้หมอดูคนนั้นทายผิดอย่าได้ไปเชื่อถือ ผมก็เห็นหมอดูทายผิดมาตลอด หมอดูคู่กับหมอเดา ผมไม่ได้ว่าเขาแต่ผมไม่เชื่อหมอดู ผมไม่ได้โกรธด้วย แต่ผมคิดว่าที่เขาพูดอย่างนั้น อาจะเป็นเพราะว่าเขารักแพงเป็นห่วงแพง กลัวจะเกิดเรื่องอย่างที่เคยเป็นมาก็ขอบคุณ”
“ถ้าถามว่าผมห่วงไหมที่ฟลุคเจ้าชู้ ผมอยากให้ไปถามเมียผม เขาแต่งงานกับผู้ชายเจ้าชู้อย่างผมมาตั้ง 35 ปีแล้วมันเป็นยังไง เมื่อคืนก็ยังนอนกอดกันอยู่เลย เขาดูหนังผีมากลัวจังเลยก็มาๆ สิ ผมว่าอย่าไปสรุปง่ายๆ ว่าคนเจ้าชู้จะเลว ผมว่าคนเจ้าชู้เขามีเหตุผล และผมกลับเชื่อว่า คนเจ้าชู้นี่รักลูกรักเมียมากนะ เพราะเขา NEED LOVE ไง”
“ใครที่จะมองว่าคนเป็นหม้ายไม่ดี แบบนี้มันไม่เป็นธรรม เหมือนสมัยก่อนที่มองว่าผู้หญิงแม่หม้ายจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงแม่หม้ายสามีเขาอาจจะไม่ดีก็ได้ถึงต้องหย่า คุณรู้เหรอว่าครอบครัวเขามีปัญหาอะไร คุณไม่รู้แล้วสรุปด้วยตัวเองได้อย่างไร คนที่เป็นหม้ายเขาก็มีเหตุมีผลทั้งสิ้นอย่าไปสรุปอะไรง่ายๆ”
“ผมไม่ได้ห่วงอะไรแพง รู้สึกเฉยๆ เพราะถ้าเราปล่อยวางได้มันเป็นสุขเลย คุณจะไปแบกทำไม มันเรื่องของแพงกับคุณฟลุคมันไม่ใช่เรื่องสันติเลย ผมว่าผมเฉยๆ ถ้าทำไม่ดีก็ความผิดของเขา ถ้าใครจะมาบอกว่าเลี้ยงลูกยังไงก็จะบอกว่า เฮ้ย..เลี้ยงแบบนี้ สั่งสอนอบรมมาแล้ว แต่เขาเป็นอย่างนี้ก็เป็นการตัดสินใจของเขา”
“เหมือนผมเป็นพ่อลูกมันเดินไปเหว ผมก็ต้องบอกว่า นั่นมันเหวนะอย่าเดิน แต่เขาไม่สนใจเขาจะเดินตกไปเหว นั่นมันก็เรื่องของเขา ผมไม่ได้ตกเหวด้วย แล้วตอนนี้คิดว่าเขาอยู่ปากเหวหรือยังล่ะ....”
“ผมก็คิดว่าให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็น ทำอย่างที่เขาอยากจะทำ เว้นแต่เมื่อไหร่ที่เขาเดินเข้ามาบอกว่า ขอความเห็นผมถึงจะพูด ตอนนี้แพงก็ยังไม่ได้พาคุณฟลุคมาหาผม แต่ผมก็รู้สึกเฉยๆ จะมาหรือไม่มาก็เท่านั้น จะรักหรือไม่รักก็เท่ากันไม่ได้คิดอะไรอายุก็ปูนนี้แล้ว สิ่งเดียวที่ผมคิดคือเราต้องให้โอกาส มีหลายครั้งที่เราเข้าใจผิด มองคนถูกเป็นผิด มองคนเลวเป็นคนดี ชีวิตมันเป็นอย่างนี้ อย่าเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น”
ในฐานะที่เป็นนักข่าวเกี่ยวข้องกับบันเทิง เห็น “ฟลุค” ตั้งแต่เข้าวงการย่อมรู้ดีว่าฟลุคเป็นคนอย่างไร แต่ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของ “แพง”
“ฟลุคในสายตาผมที่รู้ ก็คือ เขาเป็นคนรูปหล่อเจ้าชู้ถูกกล่าวหาเยอะแยะ หาว่าเป็นแฟนกับพี่เมียบ้าง อันนี้ผมอ่านตามข่าวนะอย่ามาฟ้องผม มาเป็นแฟนกับพี่สาวบ้าง แล้วก็มาได้กับน้องสาว และข่าวมาว่าคุณโบท้องก่อนแต่งงาน ผมก็เฉยๆ ก็เรื่องของเขา ผมไม่ได้เป็นอะไรเกี่ยวกับคุณฟลุค ไม่ได้เป็นอะไรเกี่ยวกับคุณโบ ทั้งที่แม่โบผมก็รู้จัก”
“ถามว่า ประวัติแบบนี้คุณสมบัติแบบนี้ผ่านไหม มันอยู่ที่คนแต่งงานไม่ได้อยู่ที่ผม หมดลัทธิคลุมถุงชนมานานแล้ว เมียผมก็คิดเหมือนผมเราน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่งั้นอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“แพงโตแล้วผมต้องให้อิสระเต็มที่ เพราะหนึ่งเขาก็เป็นลูกที่ดี เรียนจบตามที่สมควรจะเรียนอย่าน้อยก็ปริญญาตรี สองทำงานก็ดีมีชื่อเสียง สามเขาไม่เคยทำให้ผมเจ็บช้ำน้ำใจดูแลผมอย่างดี ผมขี่รถเก่าๆ แพงก็ไปซื้อรถใหม่ให้ผม ไปไหนก็ซื้อนั่นนี่มาให้ผม เขาก็ไม่เคยทำอะไรเสียหาย หาเรื่องผิดเขาก็ไม่ได้ แล้วเราจะไปเอาอะไรกับเขาอีก”
“เรื่องที่มีข่าวว่าคุณฟลุคจีบแพงตั้งแต่ยังไม่เลิกกับคุณโบ อันนี้ผมไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องจริงๆ และผมก็ไม่ถามเพราะต้องให้ลูกเข้ามาพูดเอง ถ้าไม่พูดก็ไม่พูด เขาคงเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะไปพูด ก็ไม่รู้นะว่าผมเป็นพ่อชนิดไหน แต่ผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของลูกที่เขาจะไปรักกับใครก็เรื่องของเขา จะเลิกกับใครก็เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าจะแต่งงานค่อยเป็นเรื่องของผม”
“ผมไม่ห่วงอะไรเขาหรอก เลิกกันแล้วฆ่าตัวตายคงไม่ใช่แพง ความรักมันยังมีโอกาสมีเวลาอีกเยอะแยะ สิ่งที่ผมห่วงลูกก็คือ เมื่อตอนเป็นเด็กเรียนหนังสือหรือเปล่า ตอนที่ไปเรียนดนตรีเชลโล่เข้าใจไหม และก็ห่วงความประพฤติเช่นเขาเจ้าอารมณ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องความรักผมถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา”
“ผมไม่ได้มั่นใจว่าเขาจะตัดสินถูก เขาย่อมอาจจะผิดได้แต่ก็เรื่องเขาชีวิตของเขานี่ ผมสอนคำนี้ผมพูดคำนี้ เขาต้องเจอบ้าง ความทุกข์คือครู ความผิดหวังจะสอนให้เราเกิดสติและฉลาด ความสุขทำให้เราหลงระเริง ความทุกข์เป็นสัจจะ สัจจะกับมายาจะคู่กันเสมอ และมันก็ห่างกันเพียงก้าวเดียว ถ้าวันนี้เขาทุกข์เขาคิดเป็นเขาจะได้ปัญญา”
และถ้าวันนี้สมมติว่าแพงจะอกหักจากฟลุคและมีเสียงวิจารณ์ว่า สมน้ำหน้าเตือนแล้วไม่ฟัง ก็ไม่สนใจ
“ผมจะถามว่า แล้วมันความผิดผมเหรอ ความผิดแพงเหรอ คนจะพูดหรือวิจารณ์อะไรก็พูดไป เราจะไปทำอะไรได้ โลกเรามีสามอย่า ไม่รักก็เกลียด ไม่เกลียดเราก็กลางๆ ผมไม่คิดอะไรหรอก ไม่คิดจริงๆ ถ้าเขาจะเลิกกันแล้วมีคนวิจารณ์หรือนักข่าวอยากจะเขียนอะไรก็เขียนไปเลย พูดไปเลย แหม....ถามหน่อยเหอะคนเราอายุขนาดนี้ เคยรักมากี่ครั้ง ผิดหวังมากี่ครั้ง อกหักมากี่ครั้ง ตายไหม โลกถล่มไหม เราก็ยังเป็นเราแถมยังแข็งขึ้นอีกแกร่งขึ้นอีก ยิ่งเจอยิ่งแกร่งยิ่งเข้าใจขึ้น”
ไม่หวั่นถ้า “ฟลุค” จะรักง่ายหน่ายเร็ว
“ก็ดีครับ เลิกๆ กันผมก็ไม่ได้ว่าอะไร (หัวเราะ) ผมไม่กลัวว่าเขาจะมาหลอกแพง เพราะแพงเขาเป็นคนยินดีให้ถูกหลอก รู้เขาหรอกแต่เต็มใจให้หลอก ผมไม่เกี่ยวอย่ามาหลอกผมก็แล้วกัน คนเจ้าชู้ค่อนข้างมีเสน่ห์ เอาใจเก่ง พูดก็เก่ง อะไรก็เก่งทุกอย่าง สาวๆ ก็เลยหลงรัก ถ้าจะให้ผมไปสอนเทคนิคอะไรแพงให้ระวังคนเจ้าชู้ก็ไม่ได้ เพราะเขายังไม่ได้มาปรึกษาอะไรผมเลย”
“วันนี้บอกได้เลยว่าผมไม่ได้ห่วงอะไรแพงแล้ว เพราะเขาโตแล้ว เมื่อตอนที่ผมอายุ 26 เท่าเขาผมตั้งตัวได้แล้ว ผมกลับเห็นว่าแพงแบกภาระหนักเหลือเกิน ไม่ใช่เรื่องความรักนะแต่เป็นเรื่องงาน เขามีความรับผิดชอบดี เขาจะคุยกับผมเรื่องงานไม่ใช่เรื่องความรัก แพงอยากจะทำโน้นอยากจะทำอย่างนี้ เขาคิดเหมือนผมเลย ผมทำงานเป็นนักข่าวตอนอายุ 17 ก็คิดตลอดว่าทำไงถึงจะทำงานดี ผมคิดตลอดและผมก็เชื่อว่า ลูกผมต้องคิดเหมือนผม คิดเรื่องงานมากกว่าเรื่องความรัก”