ยังคงเป็นคดีที่ใครหลายคนให้ความสนใจติดตามอยู่ในขณะนี้ สำหรับความคืบหน้าในการสืบสวนติดตามหาตัวผู้ที่แอบถ่ายคลิปเปลือยวิดีโอสองนักร้องชื่อดังจากค่ายอาร์เอสฯ "โฟร์-มด" ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังทำภาระกิจส่วนตัวในห้องน้ำ
เรื่องที่ฮือฮาที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นกรณีที่ทางมูลนิธิปวีณาได้นำตัวชายหนุ่ม 3 คน ซึ่งยอมรับว่ามีส่วนรู้เห็นกับคลิปวิดีโอดังกล่าวออกมาแถลงข่าวในช่วงเย็นของวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้ง 3 ประกอบไปด้วย นายรุ่งโรจน์ หรือตี๋ ตันศิริ อายุ 32 ปี รปภ.โรงแรมที่เกิดเหตุ นายวิชาญ หรือโด้ ปะกิระนันท์ อายุ 34 ปี กุ๊กประจำโรงแรม และนายธีรชัย หรืออู๊ด มูลรัตน์ อายุ 28 ปี เจ้าของโทรศัพท์มือถือซึ่งอ้างว่าถูกใช้ในการถ่ายคลิป
โดยนายอู๊ดเล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค.50 ภายหลังจากที่ 2 นักร้องหญิงได้เข้าพัก ณ โรงแรมที่เกิดเหตุหลังเสร็จจากการแสดงคอนเสิร์ตในผับแห่งหนึ่งในช่วง 01.00 น. ในตอนนั้นนายปิยะนัส หรือเนม กาบละคร อายุ 21 ปี พนักงานบริการของโรงแรม ได้มายืมโทรศัพท์มือถือของตนไปโดยบอกว่าจะนำไปถ่ายคลิปโฟร์กับมด ตนจึงให้ยืมโดยไม่ได้คิดอะไร
ส่วนนายวิชาญ กุ๊กของโรงแรมอ้างว่าไปเห็นนายเนมกำลังยืนถ่ายคลิปวีดิโออยู่บนเครื่องคอมเพรสเซอร์ แอร์ ด้านหลังห้องพักของนักร้องสาวจึงได้เดินเข้าไปดูด้วย ขณะนั้นได้มีนายโตไม่ทราบชื่อและนามสกุลพนักงานโรงแรมอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา จึงเรียกให้สลับกันขึ้นไปแอบดู ก่อนที่ตนจะกลับเข้าไปทำงานต่อในห้องครัว และได้เล่าเรื่องนี้ให้กับนายตี๋ รปภ.ของโรงแรมฟัง นายตี๋จึงรีบออกไปปีนดูนักร้องสาวทั้งสองคนด้วย
หลังถ่ายคลิปเสร็จ ทั้งนายเนมและนายตี๋ได้นำคลิปวีดิโอมาเปิดดู แล้วคืนโทรศัพท์มือถือให้เจ้าของ ต่อมาในตอนเช้าแฟนสาวของนายเนมได้นำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปขอโหลดคลิปวีดิโอลงเครื่อง ก่อนที่คลิปที่ว่าจะกลายเป็นข่าวครึกโครมในช่วงต้นเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา
เสร็จจากการแถลงข่าว ทางมูลนิธิปวีณาก็ได้นำตัวทั้ง 3 ไปออกรายการทีวี "เรื่องเด่นเย็นนี้" ทางช่อง 3 ก่อนจะมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน ปดส.สอบต่อ
แทนที่คดีนี้น่าจะจบลงได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อได้มีการตั้งข้อสงสัยถึงการแถลงข่าวที่ว่านี้มากมาย
เริ่มกันตั้งแต่จากคำพูดของนายเสรี ชยามฤต หัวหน้าข่าวบันเทิงหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ซึ่งเผยว่า ตนรู้เรื่องคลิปนี้มานานแล้วจึงได้ปรึกษากับเพื่อนตำรวจ และเข้าไปคุยกับทางอาร์เอสฯ ก่อนจะประสานงานไปยังมูลนิธิปวีณาเพื่อสืบข้อมูลใน "ทางลับ" เนื่องจาก "ไม่ต้องการให้เป็นข่าว" เพราะเกรงว่านักร้องสาวทั้งสองคนจะได้รับความอับอาย
แต่ทว่าทั้งหมดกลับนำตัวทั้ง 3 มาตั้งโต๊ะแถลงกันอย่างเป็นงานเป็นการกระทั่งเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ในวันแถลงข่าวดังกล่าวนั้นไม่มีตัวแทนของทางฝ่ายอาร์เอสฯ เข้าร่วมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของเครื่องมือที่ใช้ถ่ายคลิป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้วว่าไม่น่าจะเป็นการถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ หากแต่น่าจะเป็นการถ่ายด้วยกล้องวิดีโอมากกว่า เนื่องจากความละเอียดของภาพนั้นมีความคมชัดมาก
ที่สำคัญก็คือไฟล์ของคลิปฯ ที่มีการฟอร์เวิร์ดกันทางอินเทอร์เน็ตก็เป็นไฟล์ Window media หาใช่ไฟล์ .3gp ซึ่งเป็นไฟล์ที่ได้ถ่ายด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือแต่อย่างใด
"ถ้าจะบอกว่ามีการแปลงไฟล์แล้วค่อยเอาไปโพสต์ก็ใช่ แต่ถ้าต้นฉบับมาแบบเบลอๆ หยาบๆ เกรนแตกไปหมด มันก็ยากที่จะทำให้ชัดได้ถึงขนาดที่ใครดูแล้วรู้สึกว่านี่ต้องถ่ายมาจากกล้องวิดีโอแน่ๆ..." พนักงานตัดต่อรายการทีวีอิสระคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น
ด้วยข้อสงสัยเหล่านี้นี่เองที่ทำให้หลายคนมองว่าการแถลงข่าวในครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องของการจัดฉาก ขณะที่บางส่วนก็พากันเกิดความกังวลว่าคดีนี้จะไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงมาลงโทษได้
ซื่งเมื่อว่ากันตามเนื้อผ้ารวมถึงการพิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของ "นางปรวิษา ชัยรัตน์" มารดาของสาวมดที่ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดกับบางสิ่งบางอย่าง และไม่สามารถพูดอะไรได้มากเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว มีโอกาสสูงทีเดียวที่เรื่องจะลงเอยอย่างที่ว่า
สำหรับในส่วนของสถานที่เกิดเหตุที่มีชื่อว่าโรงแรมรื่นรมย์ แม้จะไม่ใช่โรงแรมที่ใหญ่โตหรูหราระดับ 5 ดาว ทว่าก็เป็นโรงแรมที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนในตัวเมืองขอนแก่น และที่ผ่านมาโรงแรมแห่งนี้ก็มีศิลปินชื่อดังมาพักอยู่เป็นประจำ
ขณะที่ตัวของนายธิติ พูนนิติพร หรือปอ วัย 23 ปี ที่เปิดเผยตัวว่าเป็นเจ้าของโรงแรมรื่นรมย์นั้น แหล่งข่าวในท้องที่เปิดเผยว่า หนุ่มคนนี้ต้องถือว่ามีสถานะที่ไม่ธรรมดาเพราะเป็นหลานแท้ๆ ของนักการเมืองชื่อดังในแถบภาคอีสาน "สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" เจ้าของฉายา "ขุนค้อน" จากพรรคพลังประชาชน เจ้าของกลุ่มการเมืองอีสานพัฒนา ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนั่นเอง
ส่วนผับที่มีชื่อว่า "ชิค ผับ" ซึ่งนักร้องอาร์เอสฯ ส่วนใหญ่ รวมทั้งสองสาวโฟร์-มดถูกเชิญมาทำการแสดงก็เป็นของบิดาของนายฐิติ (ภายหลัง "ชิค ผับ" ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "บาร์กู" และในปัจจุบันได้ปิดตัวลงแล้ว) ขณะที่ผู้เป็นลุงของนายฐิติซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของโรงแรมรื่นรมย์ก็ยังมีลูกเขยที่เป็นคนใกล้ชิดกับสส.ดัง "สุวิทย์ คุณกิตติ" หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินอีกด้วย
และนี่ก็อาจจะเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของคำตอบที่ว่า ทำไมทีมงานของอาร์เอสฯ ถึงเลือกที่จะให้นักร้องสาวทั้งสองพักอยู่ ณ โรงแรมแห่งนี้?
อย่างไรก็ตามมิใช่เรื่องภายนอกที่ดูจะสับสน คลุมเครือเท่านั้น หากแต่ในฟากภายในของทางบริษัทอาร์เอสฯ ต้นสังกัดของสองสาวเองก็ดูจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
นับตั้งแต่กรณีการจัดให้มีการแถลงยอมรับว่า 2 สาวในคลิปเป็นสองนักร้องสาวจริงๆ จนกลายเป็นข่าวดังและสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้เกิดกับผู้ที่แต่แรกอาจจะมิได้สนใจ (แทนที่จะบอกไปในลักษณะทำนองที่ว่า ถึงจะใช่หรือไม่ใช่แต่ทางเราก็จะดำเนินการกับผู้ที่เผยแพร่คลิปให้ถึงที่สุด) รวมไปถึงกรณีการเข้าแจ้งความที่ค่อนข้างจะช้า หรือแม้กระทั่งการฉกฉวยจังหวะจากกระแสข่าวที่ว่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ บันเทิง ออนไลน์ ได้รับแจ้งจากผู้ที่ใช้บริการจากการดาวน์โหลดมิวสิควิดีโอผ่านโทรศัพท์มือถือระบบยักษ์ใหญ่ยี่ห้อหนึ่งว่า หลังมีข่าวเกี่ยวกับคลิปออกมาก็ได้มีการนำเอากระแสข่าวของ 2 นักร้องสาวมาใช้ในการโฆษณาที่ว่านี้
โดยผู้แจ้งได้เปิดเผยว่าได้มีการใช้คำว่า คลิปฉาวโฟร์ วงโฟร์-มดที่เป็นข่าว(ของจริง) พร้อมด้วยรหัสให้ดาวน์โหลด ซึ่งเมื่อผู้ใช้บริการกดดาวน์โหลด ก็จะได้เห็นมิวสิควิดีโอเพลงหนึ่งของโฟร์มดที่กำลังอาบน้ำอยู่ ทว่ามิได้ดูน่าเกลียดแต่อย่างใดเพราะทั้งสองแช่ตัวอยู่ในน้ำ
"จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเช่นนี้ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าใช้คำเช่นนี้..." แหล่งข่าวที่แจ้งข่าวเข้ามาเผยความรู้สึก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่รับแจ้งข้อมูลดังกล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวได้ทดสอบตามที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างก็มิได้ปรากฏข้อความที่ว่าขึ้นมาแต่อย่างใด ครั้นสอบถามไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอาร์เอสฯ ก็ได้รับคำตอบว่า ที่ผ่านมาได้มีคนโทรศัพท์มาแจ้งเรื่องนี้พอสมควร ซึ่งทางบริษัทกำลังตรวจสอบดูว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรกันแน่
ยังไม่มีใครรู้ว่าคดีนี้จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่? เรื่องจะจบลงเช่นไร? จะจับได้แต่แพะจริงหรือไม่?
แต่ที่จริงแท้แน่นอนในตอนนี้ก็คือ สถานะของสองสาว "โฟร์-มด" ซึ่งไม่ผิดอะไรกับ "เหยื่อ" ที่น่าเห็นใจเป็นที่สุด
เรื่องที่ฮือฮาที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นกรณีที่ทางมูลนิธิปวีณาได้นำตัวชายหนุ่ม 3 คน ซึ่งยอมรับว่ามีส่วนรู้เห็นกับคลิปวิดีโอดังกล่าวออกมาแถลงข่าวในช่วงเย็นของวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้ง 3 ประกอบไปด้วย นายรุ่งโรจน์ หรือตี๋ ตันศิริ อายุ 32 ปี รปภ.โรงแรมที่เกิดเหตุ นายวิชาญ หรือโด้ ปะกิระนันท์ อายุ 34 ปี กุ๊กประจำโรงแรม และนายธีรชัย หรืออู๊ด มูลรัตน์ อายุ 28 ปี เจ้าของโทรศัพท์มือถือซึ่งอ้างว่าถูกใช้ในการถ่ายคลิป
โดยนายอู๊ดเล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค.50 ภายหลังจากที่ 2 นักร้องหญิงได้เข้าพัก ณ โรงแรมที่เกิดเหตุหลังเสร็จจากการแสดงคอนเสิร์ตในผับแห่งหนึ่งในช่วง 01.00 น. ในตอนนั้นนายปิยะนัส หรือเนม กาบละคร อายุ 21 ปี พนักงานบริการของโรงแรม ได้มายืมโทรศัพท์มือถือของตนไปโดยบอกว่าจะนำไปถ่ายคลิปโฟร์กับมด ตนจึงให้ยืมโดยไม่ได้คิดอะไร
ส่วนนายวิชาญ กุ๊กของโรงแรมอ้างว่าไปเห็นนายเนมกำลังยืนถ่ายคลิปวีดิโออยู่บนเครื่องคอมเพรสเซอร์ แอร์ ด้านหลังห้องพักของนักร้องสาวจึงได้เดินเข้าไปดูด้วย ขณะนั้นได้มีนายโตไม่ทราบชื่อและนามสกุลพนักงานโรงแรมอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา จึงเรียกให้สลับกันขึ้นไปแอบดู ก่อนที่ตนจะกลับเข้าไปทำงานต่อในห้องครัว และได้เล่าเรื่องนี้ให้กับนายตี๋ รปภ.ของโรงแรมฟัง นายตี๋จึงรีบออกไปปีนดูนักร้องสาวทั้งสองคนด้วย
หลังถ่ายคลิปเสร็จ ทั้งนายเนมและนายตี๋ได้นำคลิปวีดิโอมาเปิดดู แล้วคืนโทรศัพท์มือถือให้เจ้าของ ต่อมาในตอนเช้าแฟนสาวของนายเนมได้นำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปขอโหลดคลิปวีดิโอลงเครื่อง ก่อนที่คลิปที่ว่าจะกลายเป็นข่าวครึกโครมในช่วงต้นเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา
เสร็จจากการแถลงข่าว ทางมูลนิธิปวีณาก็ได้นำตัวทั้ง 3 ไปออกรายการทีวี "เรื่องเด่นเย็นนี้" ทางช่อง 3 ก่อนจะมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน ปดส.สอบต่อ
แทนที่คดีนี้น่าจะจบลงได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อได้มีการตั้งข้อสงสัยถึงการแถลงข่าวที่ว่านี้มากมาย
เริ่มกันตั้งแต่จากคำพูดของนายเสรี ชยามฤต หัวหน้าข่าวบันเทิงหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ซึ่งเผยว่า ตนรู้เรื่องคลิปนี้มานานแล้วจึงได้ปรึกษากับเพื่อนตำรวจ และเข้าไปคุยกับทางอาร์เอสฯ ก่อนจะประสานงานไปยังมูลนิธิปวีณาเพื่อสืบข้อมูลใน "ทางลับ" เนื่องจาก "ไม่ต้องการให้เป็นข่าว" เพราะเกรงว่านักร้องสาวทั้งสองคนจะได้รับความอับอาย
แต่ทว่าทั้งหมดกลับนำตัวทั้ง 3 มาตั้งโต๊ะแถลงกันอย่างเป็นงานเป็นการกระทั่งเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ในวันแถลงข่าวดังกล่าวนั้นไม่มีตัวแทนของทางฝ่ายอาร์เอสฯ เข้าร่วมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของเครื่องมือที่ใช้ถ่ายคลิป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้วว่าไม่น่าจะเป็นการถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ หากแต่น่าจะเป็นการถ่ายด้วยกล้องวิดีโอมากกว่า เนื่องจากความละเอียดของภาพนั้นมีความคมชัดมาก
ที่สำคัญก็คือไฟล์ของคลิปฯ ที่มีการฟอร์เวิร์ดกันทางอินเทอร์เน็ตก็เป็นไฟล์ Window media หาใช่ไฟล์ .3gp ซึ่งเป็นไฟล์ที่ได้ถ่ายด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือแต่อย่างใด
"ถ้าจะบอกว่ามีการแปลงไฟล์แล้วค่อยเอาไปโพสต์ก็ใช่ แต่ถ้าต้นฉบับมาแบบเบลอๆ หยาบๆ เกรนแตกไปหมด มันก็ยากที่จะทำให้ชัดได้ถึงขนาดที่ใครดูแล้วรู้สึกว่านี่ต้องถ่ายมาจากกล้องวิดีโอแน่ๆ..." พนักงานตัดต่อรายการทีวีอิสระคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น
ด้วยข้อสงสัยเหล่านี้นี่เองที่ทำให้หลายคนมองว่าการแถลงข่าวในครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องของการจัดฉาก ขณะที่บางส่วนก็พากันเกิดความกังวลว่าคดีนี้จะไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงมาลงโทษได้
ซื่งเมื่อว่ากันตามเนื้อผ้ารวมถึงการพิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของ "นางปรวิษา ชัยรัตน์" มารดาของสาวมดที่ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดกับบางสิ่งบางอย่าง และไม่สามารถพูดอะไรได้มากเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว มีโอกาสสูงทีเดียวที่เรื่องจะลงเอยอย่างที่ว่า
สำหรับในส่วนของสถานที่เกิดเหตุที่มีชื่อว่าโรงแรมรื่นรมย์ แม้จะไม่ใช่โรงแรมที่ใหญ่โตหรูหราระดับ 5 ดาว ทว่าก็เป็นโรงแรมที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนในตัวเมืองขอนแก่น และที่ผ่านมาโรงแรมแห่งนี้ก็มีศิลปินชื่อดังมาพักอยู่เป็นประจำ
ขณะที่ตัวของนายธิติ พูนนิติพร หรือปอ วัย 23 ปี ที่เปิดเผยตัวว่าเป็นเจ้าของโรงแรมรื่นรมย์นั้น แหล่งข่าวในท้องที่เปิดเผยว่า หนุ่มคนนี้ต้องถือว่ามีสถานะที่ไม่ธรรมดาเพราะเป็นหลานแท้ๆ ของนักการเมืองชื่อดังในแถบภาคอีสาน "สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" เจ้าของฉายา "ขุนค้อน" จากพรรคพลังประชาชน เจ้าของกลุ่มการเมืองอีสานพัฒนา ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนั่นเอง
ส่วนผับที่มีชื่อว่า "ชิค ผับ" ซึ่งนักร้องอาร์เอสฯ ส่วนใหญ่ รวมทั้งสองสาวโฟร์-มดถูกเชิญมาทำการแสดงก็เป็นของบิดาของนายฐิติ (ภายหลัง "ชิค ผับ" ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "บาร์กู" และในปัจจุบันได้ปิดตัวลงแล้ว) ขณะที่ผู้เป็นลุงของนายฐิติซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของโรงแรมรื่นรมย์ก็ยังมีลูกเขยที่เป็นคนใกล้ชิดกับสส.ดัง "สุวิทย์ คุณกิตติ" หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินอีกด้วย
และนี่ก็อาจจะเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของคำตอบที่ว่า ทำไมทีมงานของอาร์เอสฯ ถึงเลือกที่จะให้นักร้องสาวทั้งสองพักอยู่ ณ โรงแรมแห่งนี้?
อย่างไรก็ตามมิใช่เรื่องภายนอกที่ดูจะสับสน คลุมเครือเท่านั้น หากแต่ในฟากภายในของทางบริษัทอาร์เอสฯ ต้นสังกัดของสองสาวเองก็ดูจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
นับตั้งแต่กรณีการจัดให้มีการแถลงยอมรับว่า 2 สาวในคลิปเป็นสองนักร้องสาวจริงๆ จนกลายเป็นข่าวดังและสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้เกิดกับผู้ที่แต่แรกอาจจะมิได้สนใจ (แทนที่จะบอกไปในลักษณะทำนองที่ว่า ถึงจะใช่หรือไม่ใช่แต่ทางเราก็จะดำเนินการกับผู้ที่เผยแพร่คลิปให้ถึงที่สุด) รวมไปถึงกรณีการเข้าแจ้งความที่ค่อนข้างจะช้า หรือแม้กระทั่งการฉกฉวยจังหวะจากกระแสข่าวที่ว่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ บันเทิง ออนไลน์ ได้รับแจ้งจากผู้ที่ใช้บริการจากการดาวน์โหลดมิวสิควิดีโอผ่านโทรศัพท์มือถือระบบยักษ์ใหญ่ยี่ห้อหนึ่งว่า หลังมีข่าวเกี่ยวกับคลิปออกมาก็ได้มีการนำเอากระแสข่าวของ 2 นักร้องสาวมาใช้ในการโฆษณาที่ว่านี้
โดยผู้แจ้งได้เปิดเผยว่าได้มีการใช้คำว่า คลิปฉาวโฟร์ วงโฟร์-มดที่เป็นข่าว(ของจริง) พร้อมด้วยรหัสให้ดาวน์โหลด ซึ่งเมื่อผู้ใช้บริการกดดาวน์โหลด ก็จะได้เห็นมิวสิควิดีโอเพลงหนึ่งของโฟร์มดที่กำลังอาบน้ำอยู่ ทว่ามิได้ดูน่าเกลียดแต่อย่างใดเพราะทั้งสองแช่ตัวอยู่ในน้ำ
"จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเช่นนี้ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าใช้คำเช่นนี้..." แหล่งข่าวที่แจ้งข่าวเข้ามาเผยความรู้สึก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่รับแจ้งข้อมูลดังกล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวได้ทดสอบตามที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างก็มิได้ปรากฏข้อความที่ว่าขึ้นมาแต่อย่างใด ครั้นสอบถามไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอาร์เอสฯ ก็ได้รับคำตอบว่า ที่ผ่านมาได้มีคนโทรศัพท์มาแจ้งเรื่องนี้พอสมควร ซึ่งทางบริษัทกำลังตรวจสอบดูว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรกันแน่
ยังไม่มีใครรู้ว่าคดีนี้จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่? เรื่องจะจบลงเช่นไร? จะจับได้แต่แพะจริงหรือไม่?
แต่ที่จริงแท้แน่นอนในตอนนี้ก็คือ สถานะของสองสาว "โฟร์-มด" ซึ่งไม่ผิดอะไรกับ "เหยื่อ" ที่น่าเห็นใจเป็นที่สุด
