ตำนานของ "แจ็ค สแปโรว์" คงยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อ "จอห์นนี เด็ปป์" ได้ตกลงเซ็นสัญญากลับมารับบทดังกล่าวในภาคที่ 4 ของ Pirates of the Caribbean อีกครั้ง เช่นเดียวกับ 2 ผลงานงานใหม่ที่สุดจะท้าทายทั้งการรับบทเป็นอินเดียนแดงใน The Lone Ranger และตัวละครสุดประหลาดจากนิทานเรื่อง Alice in Wonderland ผลงานล่าสุดภายใต้การกำกับของคู่ซี้ "ทิม เบอร์ตัน"
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทางค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Walt Disney Studios ได้จัดงานกาลาสำหรับสื่อมวลชนและผู้คนในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดเพื่อเป็นการเปิดตัวผลงานที่ค่ายวางแผนที่จะสร้างในอนาคต โดยงานจัดขึ้นที่โกดัก เธียเตอร์ สถานที่ที่ใช้จัดงานแจกรางวัลออสการ์ในหลายปีที่ผ่านมา
ดิ๊ก คุก ประธานของ Disney studios เผยว่างานแบบนี้เคยจัดครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งหนังทั้ง 17 เรื่องที่มาออกตัวในวันดังกล่าวสามารถทำเงินรวมกันไปได้ถึง 5 พันล้านเหรียญ ซึ่งเขาประกาศว่าผลงานที่นำเสนอในปีนี้นั้นน่าสนใจกว่าเมื่อ 3 ปีก่อนอย่างยิ่ง
ซึ่งพระเอกในงานวันนั้นตกเป็นของ จอห์นนี เด็ปป์ ดาราหนุ่มวัย 45 ที่เปรียบดังเครื่องจักรผลิตรายได้ของค่ายมิกกี้ เมาส์ไปแล้ว หลังจากการแสดงนำในทั้ง 3 ภาคของ Pirates of the Caribbean ทำเงินให้กับค่ายไปได้ถึง 2.6 พันล้านเหรียญ
จากความสำเร็จดังกล่าวดิสนีย์จึงเตรียมที่จะสร้างภาคที่ 4 ของตำนานโจรสลัดจอมกะล่อนผู้นี้ทันที โดยบทกัปตัน แจ็ค สแปโรว์ ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ทางจอห์นนี เด็ปป์ก็ได้ตกลงเซ็นสัญญารับเล่นเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนั้นแล้วผลงานชิ้นใหม่กับทางดิสนีย์อีก 2 เรื่องที่เขารับเล่นยังได้แก่บท Tonto อินเดียแดงที่เป็นคู่หูของ โลน เรนเจอร์ ใน The Lone Ranger อดีตละครวิทยุแนวตะวันตกอันโด่งดัง ที่ดัดแปลงเป็นสื่ออื่นๆ มาแล้วหลายครั้ง และจะนำมาสร้างเป็นหนังใหญ่โดยผู้อำนวยการสร้างเจ้าเดิมอย่าง เจอร์รี บรัคไฮเมอร์
ตามมาด้วยผลงานการร่วมมือกับเพื่อนซี้ผู้กำกับอย่าง ทิม เบอร์ตัน ในการดัดแปลงนิทานชื่อดัง Alice in Wonderland ที่จะใช้เทคนิค 3-D เพอร์ฟอร์แมนช์ แคปเจอร์ แบบเดียวกับที่ใช้กับเรื่อง Beowulf โดยจะออกฉายในปี 2010 นี้ ที่ จอห์นนี เด็ปป์ จะรับบทเป็นตัวละครที่แสนลุกลี้ลุกลนอย่าง Mad Hatter โดยได้สาวน้อยออซซีวัย 18 อย่าง มีอา วาซิโคว์สกา มารับบทเป็นอลิซ ที่จะออกฉายในปี 2010
"เชื่อผมเถอะ เมื่อใดที่ชายคนนี้ใส่หมวกตลกๆ เข้าฉาก มันคือข่าวดีของดิสนีย์" ดิ๊ก คุก กล่าวถึงจอห์นนี เด็ปป์ที่ขึ้นเวทีในงานดังกล่าวด้วยชุดของแจ็ค สแปโรว์และสวมหน้ากากของโลน เรนเจอร์
ส่วนข่าวที่ใหญ่ที่สุดของทางค่าย Disney-Pixar ได้แก่การกลับมาของ ไลท์นิ่ง แม็คควีน ใน Cars 2 ที่จะออกฉายภายในซัมเมอร์ของปี 2011 นี้
รวมทั้งแผนที่จะนำตัวละครต่างๆ จากภาคแรก นำโดย มีเทอร์ เจ้ารถสนิมเขราะ ในการสร้างเป็นซีรีส์แอนิเมชั่นขนาดสั้น ที่จะออกฉายทางโทรทัศน์และใช้เป็นหนังสั้นฉายก่อนหนังสำหรับโรงภาพยนตร์
"คุณจะได้เห็นเจ้ารถพวกนี้ทุกๆ ที่ เราต้องการสร้างกระแส Cars ให้อยู่ต่อเรื่อยๆ" ดิ๊ก คุก กล่าวถึง
แม้ว่ารายได้จากการฉายรอบโลกของ Cars เมื่อปี 2006 ที่ 462 ล้านเหรียญจะไม่สูงนักเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ของค่ายนี้ แต่ยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่ตามมาของการ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าขายได้เทน้ำเทท่า ซึ่งแต่เดิมภาคที่ 2 มีกำหนดฉายในปี 2012 แต่ต้องเลื่อนมาให้เร็วขึ้นหนึ่งปีเพื่อให้ทันกับการเปิดตัวโฉมใหม่ของ Cars Land ธีมพาร์คพื้นที่กว่า 12 เอเคอร์ใน California Adventure Park ของดิสนีย์ในเมืองอนาไฮม์ ที่จะเปิดบริการในปี 2011 นี้เช่นกัน
ขณะที่หนังใหม่อื่นๆ ที่น่าสนใจของดิสนีย์ที่ประกาศสร้างได้แก่ 3-D โมชั่น แคปเจอร์ ของ A Christmas Carol นิยายเรื่องดังของ ชาร์ล ดิ๊กเกน ที่นาย จิม แคร์รี จะมารับบทที่แตกต่างกันถึง 7 ตัวละคร รวมทั้งตัวละครเลือดเย็นอย่าง Ebenezer Scrooge
เจ้าแม่วงการทีวีอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ จะคืนจอเงินอีกครั้งในการพากย์เสียงให้กับ The Princess and the Frog ที่นำแสดงโดย แอนิกา โนนี โรส ที่จะออกฉายช่วงคริสต์มาสปี 2009 นี้
การกลับมาของ Tron 2.0 หนังไซไฟ แอ็คชั่นเมื่อปี 1982 จะได้ เจฟ บริเจส ที่แสดงนำในภาคแรกกลับมาในบทสมทบของภาคต่อนี้ด้วย
ทีนควีนอย่าง ไมลีย์ ไซรัส จะมีผลงานทางจอเงินอีกครั้งใน Hannah Montana: The Movie, โรบิน วิลเลียมส์ และ จอห์น ทราโวลตา จะแสดงร่วมกันใน Old Dogs, ดาวตลก จอร์จ โลเปซ จะมาในผลงานใหม่อย่าง Beverly Hills Chihuahua และ นิโคลัส เคจ จะกลับมาในภาค 3 ของ National Treasure
ผลงานอื่นๆ ที่มีดาราดังร่วมแสดงได้แก่ The Proposal (แซนดรา บุลล็อก), Wild Hogs 2 (ทิม อัลเลน), Race to Witch Mountain (เดอะ ร็อก), High School Musical 3: Senior Year (แซ็ค เอฟรอน), Prince of Persia (เจค จิลเลนฮาล) รวมทั้งผลงานอย่าง The Surrogates, Up, Bolt, Bedtime Stories ฯลฯ
