"ผิง" รับแฟนหนุ่ม "บอย" เจ้าชู้ เหน็บหากฝ่ายหญิงไม่เสนอฝ่ายชายคงไม่ตอบสนอง บอกที่ผ่านมาอโหสิ บอกตอนนี้ได้แต่ให้กำลังใจ "น้อยหน่า" แฟน "ฮิม" กิ๊กใหม่ "เจนี่" ถูกแย่งแฟนหัวอกเดียวกัน ลั่นตนไม่ต้องพูดอะไรอีกคาดสังคมรู้ดีใครเป็นฝ่ายผิด ตอกคงไม่มีใครให้นางเอกสาวหยุดพฤติกรรมแย่งคนมีเจ้าของได้นอกจากตัวเอง ยันไม่เคยยกแก๊งค์ดักตบอีกฝ่าย
หลังนักแสดงสาว "ผิง พิมพาภรณ์ ลีนุตพงษ์" ออกมาให้สัมภาษณ์แบบดุเดือดว่านางเอกแอ๊บแบ๊ว "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" เป็นมือที่สามแย่งคู่หมั้นหนุ่ม "บอย ภาณุศักดิ์ เดชธีรศิริ" จนอีกฝ่ายออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาพร้อมกับเหน็บสาว "ผิง" ว่าของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ซึ่งก่อนหน้านี้สาว "เจนี่" ก็เคยตกเป็นข่าวเป็นมือที่สามเสียบคู่ของ "หมูตั้ง ม.ล.อรรถดิศ ดิศกุล" แฟนหนุ่มของนักแสดงสาวหน้าใหม่ "แอริณ สิริภรณ์ ยุกตะทัต" มาหมาดๆ นั่นเอง
แต่ควันคู่ของ "ผิง-บอย" ยังไม่ทันจาง ล่าสุดนางเอกวิก 3 ตกเป็นข่าวมือที่สามแย่งไฮโซหนุ่ม "ฮิม" ซึ่งมีเจ้าของอยู่แล้วนามว่า "น้อยหน่า" ซึ่งเป็นเพื่อนของนักแสดงสาว "ผิง" อีกด้วย งานนี้พอเจอตัวสาว "ผิง" ในงานแถลงข่าวเผยผิวกระจ่างใสพิสูจน์ได้ใน 2 สัปดาห์ กับวาสลีน เฮลธี้ ไวท์ โฉมใหม่" เอสพลานาด เจ้าตัวยิ้มแหยๆ ก่อนเผยไม่อยากยุ่งเรื่องของอีกฝ่าย
"ขอไม่พูดดีกว่าเพราะฝ่ายชายก็เป็นเพื่อนที่อังกฤษด้วย ไม่ใช่เรื่องของผิง มีเตือนไหม ไม่ค่ะโตเป็นผู้ใหญ่มากพอแล้ว ทุกคนต้องมีสติในการดำรงชีวิต หนูก็ไม่ทราบว่าเขาอยู่ในสถานะอะไรเขาอาจจะเป็นเพื่อนก็ได้ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ บอกแย่งฮิมจากไอซ์ (อภิษฎา) ไม่ใช่ไอซ์หรอกค่ะหนูว่า น้อยหน่ารู้จักค่ะแต่เขาไม่ได้ปรึกษา หนูว่าโตกันแล้ว 20 กว่าแต่ฮิมเขาเด็กกว่าผิงหน่อยไม่จำเป็นต้องมาปรึกษามั้งค่ะเขาต้องคิดได้แล้ว โตเรียนจะจบแล้ว สถานะของฮิมไม่ทราบค่ะแต่หนูก็เป็นเพื่อนของน้อยหน่าเหมือนกัน"
ถามต่อว่าเห็นเพื่อนสาว "น้อยหน่า" มีอาการเฮิร์ทบ้างหรือไม่ นักแสดงหญิงเปรยตอนนี้ทำได้เพียงให้กำลังใจฐานะหัวอกเดียวกัน บอกไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกเพราะสังคมเข้าใจดีใครเป็นฝ่ายผิดนอกจากคนกระทำผิดแกล้งทำเป็นไม่รับรู้เอง ยันไม่เคยยกก๊วนดักรุมตบนางเอกแอ๊บแบ๊วกลางผับดัง
"เอาเป็นว่าคุยกัน ก็ทุกคนให้กำลังใจกันหมด ปรากฎว่าทุกคนเป็นเพื่อนกันหมดด้วย 4 คนก็ตลกนิดนึง ให้กำลังใจกันปกติคุยกันปรึกษากัน จริงๆ เราไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวกันอย่างผิง แอ โม แต่พอมีเรื่องนี้เกิดคนเลยจับเรามาอยู่กลุ่มเดียวกันมากกว่า น้องแอเป็นเพื่อนน้องผึ้งน้องสาวผิงก็รู้จักกันอยู่แล้ว อย่างโมไม่เคยคุยกันแต่ว่าเจอกันตามที่เที่ยวก็ยิ้มให้กัน ดูโมให้สัมภาษณ์ดูก็รู้ว่าโมเป็นคนดี เหมือนโมก็รู้ว่าผิงเป็นคนพูดตรง ต่างคนต่างรู้ว่าเราคุยกันรู้เรื่อง กับแอพอเกิดเหตุการณ์อย่างนี้น้องแอก็โทรมาคุยกัน ปลอบใจกันประมาณนึงค่ะ"
"แค่นี้หนูว่าสังคมก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คนที่ไม่ทราบแปลว่าไม่อยากจะรับทราบมากกว่า ถามว่ารู้สึกยังไงเป็นคนถูกกระทำแต่มีข่าวว่าไปดักตบเขา หนูก็งงเหมือนกันเป็นเรื่องขำมากกว่า ข่าวบางทีหนูก็เซ็งนะคะบอกไปรุมตบเขา หนูฟังก็เกาหัวแกรกๆ ตายแล้วชีวิตเราไม่เคยตบใคร ไม่เคยทำร้าย พวกเราโดนทำร้ายนะคะไม่ใช่ไปทำร้ายใครต้องแยกแยะหน่อย ไม่พยายามใส่ใจว่า... ตายแล้ว ! คนจะมองเราไม่ดีหรือเปล่าหนูว่าคนรู้ค่ะว่าใครเป็นยังไง ผิงอยู่ในร้านจริงแต่ไม่ได้เจอเขาด้วยซ้ำ แอก็บอกไม่เห็นเขาเลย ทุกคนก็บอกไม่เห็นแต่คือรู้อยู่ในร้านเดียวกัน ร้านมันใหญ่มากและคนมันเยอะมากก็ไม่เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ ปกติหนูไปเที่ยวทุกวันศุกร์อยู่แล้วเขาจะไปก็เรื่องของเขานะคะ เขาปล่อยข่าวไหมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เวลามีคนโทรมาสัมภาษณ์ไม่อยากตอบ คืออะไรที่เราตอบไม่เขียนเขียนอีกอย่างนึงก็เข็ดนิดนึงเพราะคนอื่นจะมองเราไม่ดี"
รับแฟนหนุ่มมีนิสัยเจ้าชู้ถูกจับได้ตลอดจนชินชา เหน็บหากฝ่ายหญิงไม่ยั่วยุฝ่ายชายคงไม่ตอบสนอง บอกยอมอโหสิ
"ผู้ชายไทยเชื่อว่า 90 เปอร์เซ็นต์ด้วยแล้วโดนคนแบบยั่วยุด้วยมีคนให้ก็ต้องเอาอยู่แล้วก็ปกติค่ะ หนูไม่ได้พูดถึงใครเจาะจงนะอย่างผู้ชายไทยอย่างมีใครมาเสนอก็สนองอยู่แล้ว ตอนนี้ก็พยายามให้เรื่องมันจบ 1-2 เดือนแล้ว จบเหอะอย่ามาสนใจเรื่องหนูเลย กับคนนั้นก็ไม่ได้มีอะไรติดในใจแต่จะให้เป็นเพื่อนก็คงไม่ใช่ หนูอโหสินะคะ หนูคงบอกไม่ได้ว่าอย่าทำแบบนี้กับคนอื่นอีกต้องตัวเขาบอกตัวเขาเองถูกไหมค่ะ คนเราให้คนมาบอกร้อยคนกับตัวเองคิดเองได้มันไม่เหมือนกัน"
เผยไม่ได้ตั้งใจโยงชื่อนางเอกสาว "อั้ม พัชราภา" ไปมีเอี่ยวรู้เห็นเป็นใจเพื่อนนางเอกต่างช่องแย่งสามีชาวบ้านด้วย ...
"หนูไม่อยากยุ่งกับคนอื่นค่ะ ก็ลำบากใจเวลาใครถามเวลาไม่ตอบก็โดนด่าว่าไม่ให้ความร่วมมือพอตอบก็จะซวย ไม่รู้จะยืนอยู่ตรงไหน"
ลั่นข่าวมือที่สามทำให้คู่ของตนแข็งแกร่งมากขึ้น แจงที่ผ่านมาเปล่าบินไปนอกหลบเลียแผลใจ พร้อมโชว์แหวนเพชรเม็ดเป้งยันสัมพันธ์ "บอย" ยังไม่ถอนหมั้นและไม่เร่งรัดแต่ง
"ไม่ได้บินไปไหนนะคะตอนนี้ก็อยู่เมืองไทยมา 2-3 เดือนแล้ว อาทิตย์หน้าจะบินกลับไปเรียนต่อแล้วนะคะ กับบอยเป็นคู่หมั้นกันเหมือนเดิม เรื่องข่าวถ้าไม่หลุดออกมาเป็นข่าวจะกระทบน้อยกว่านี้แต่ด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างหงุดหงิดที่โดนถามบ่อยเลยทำให้มีปากเสียงกันบ้างแต่ว่าทุกอย่างก็ผ่านได้ด้วยดี มีการปรับจูนกันผิงเชื่อว่าคู่ทุกคู่ถ้าไม่ผ่านปัญหามาด้วยกันก็จะไม่เจอวันที่สดใสนะคะก็เป็นเรื่องปกติค่ะ ใครง้อใครก่อนใครผิดก็ต้องง้อสิค่ะ เขาก็ง้อสักพักเกือบเดือนค่ะ จริงๆ ไม่เคยเลิกกันแต่ช่วงแรกห่างกันไปนิดหน่อย"
"งานแต่งยังค่ะตั้งแต่ที่หมั้นไม่คิดว่าหมั้นแล้วจะรีบแต่งด้วยต้องรอให้เรียนจบด้วยค่ะ ช่วงที่มีปัญหาทำให้เรียนรู้ว่าอย่างแรกเขาเป็นยังไง เวลามีปัญหาจัดการยังไงก็เรียนรู้อะไรได้เยอะมาก ทุกคนไม่ได้หวังดีกับเรานะ รอบตัวมีคนอันตรายก็มี"
ฟุ้งหลังผ่านมรสุมไม่จำเป็นต้องให้คำมั่นสัญญาต่อกัน บอกสาเหตุใจอ่อนยอมคืนดีเพราะแฟนหนุ่มง้อด้วยวิธีการสักชื่อตนบนข้อมือ
"เราไม่สัญญาอะไรกันตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะคะ ผิงไม่เคยสัญญาอะไรบอยว่าจะเป็นคนดีนะ เราอยู่ด้วยความสบายใจถ้าคบแล้วไม่สบายใจก็ไปไม่ว่าอะไร ผิงอยู่อังกฤษ 2 ปีแล้วก็คบกันได้ 5-6 ปีแล้ว จะไปอีก 2 ปีคงไม่เป็นไไรถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามดวงนะคะก็ต่างคนต่างระแวงกัน บอยก็ระแวงผิงมาตลอดก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่ไกลกัน จะไปเจอใครใหม่หรือเปล่า"
"ความรู้สึกไม่ได้เปลี่ยนก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นอย่างนี้ค่ะ เขาเจ้าชู้บอกตั้งแต่แรกแล้ว ถ้ามีซ้ำสองอุ้ย ! มีซ้ำไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้วคะเฉยๆ ทำอะไรให้จับได้ตลอดก็เฉยๆ ค่ะ ไม่มีเคลียร์ (เจนี่) กันค่ะ อย่างที่บอกว่าพวกพี่สัมภาษณ์ทุกคนมาหมดแล้วฟังก็จะรู้ว่าใครเป็นยังไง ไม่จำเป็นต้องหยิบเรื่องเก่าเล่าใหม่"
"ที่ผ่านมาอยู่กับเพื่อน ให้เพื่อนเลียแผลให้ (หัวเราะ) เราเป็นคนไม่คิดมากถ้าอยู่กับเพื่อนแฮปปี้กว่าจะมาอยู่กับแฟนอย่างเดียว ทำยังไยอมอภัยบอยเขาก็พิสูจน์อะไรเยอะเขาก็ทำหลายอย่างที่ไม่เคยทำ มุขเด็ดคือเขาไปสักชื่อผิงตรงข้อมือ เพราะปกติเขาเป็นคนเกลียดมากเรื่องสักเกลียดมากชีวิตนี้จะไม่ทำเด็ดขาดแต่ผิงชอบสักเขาไปทำมาให้เซอร์ไพร์สก็โอเค"
จากนั้นผู้สื่อข่าวแย๊บถามต่อคาดว่าแฟนหนุ่มจะหยุดติดต่อกับนางเอกสาว "เจนี่" หรือไม่ เจ้าตัวปัดให้ไปถามฝ่ายชาย ลั่นหากเจอหน้าโจทย์เก่าไม่มีลงมือแน่นอน
"ไม่ทราบค่ะต้องถามเขา ถ้าเจอเขาหนูก็ธรรมดาอยู่แล้วคะ หนูใช้สติไม่ใช้กำลังไม่ใช้ปากเสียงเพราะจริงๆ บอกตามตรงจะไม่ได้ยินเสียงหนูพูดให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เลยถ้าเผื่อข่าวไม่ลงก่อน คือหนังสือพิมพ์เล่มนั้นโทรมาถามหนูก็หนีไม่พ้นเลยต้องตอบ จะวางหูใส่ก็คงไม่ได้ เลยกลายเป็นหนูออกมาพูดจริงๆ ไม่อยากออกมาพูดค่ะ"