"ท่านมุ้ย" มองวงการหนังไทยพัฒนาดีขึ้นแต่สู้กับตลาดสากลได้หรือไม่ต้องดูแนวทาง วอนรัฐหันมาสนใจอย่างจริงจังพร้อมยกตัวอย่างการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเกาหลี ก่อนออกปากยอมรับปัญหาเรื่องแผ่นผีแก้ยาก
เป็นอีกหนึ่งเสาหลักของวงการหนังไทยมานานสำหรับ "ท่านมุ้ย ม.จ.ชาตรีเฉิม ยุคล" ซึ่งล่าสุดได้เปิดโอกาสให้สัมภาษณ์เป็นกรณีพิเศษในงาน Thailand Entertainment Expo 2008 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 22-28 กันยายน 2551 นี้โดยกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ผู้กำกับรุ่นใหญ่ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ไทยว่า มีการพัฒนาที่ดีขึ้นกว่าในอดีตและมีคลื่นลูกใหม่ที่น่าสนใจเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะก้าวไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้มากน้อยเพียงใดนั้น เจ้าตัวบอกว่าต้องดูเป็นกรณีๆ ไป
"เราจะไปสู้กับเขาทางด้านไหน ถ้าเผื่อแอ็กติ้งเราก็โอเคนะ และเราก็เป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง เพราะประเทศของเรามีภาษาที่ไม่เหมือนใครด้วย เวลาที่เราออกไปข้างนอกเราจะไม่เหมือนใคร เพราะเรามีอะไรที่เป็นของตัวเอง หรืออย่างภาษาของเราเนี่ย เราใช้ภาษาเขียนที่ใช้ที่เดียวในโลก"
"เรามีหลายอย่างที่ต่างประเทศเขาสนใจนะ แต่ส่วนใหญ่เขาจะมาสนใจในเรื่องเซ็กส์ คือเราคือประเทศเมืองเซ็กส์มากกว่าเมืองพุทธ เพราะเขาคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นไง ต่างประเทศเขามีเยอะกว่าเราแต่ของเขามันไม่น่าดูเท่าเรา คนเขาจะสนใจของเรามากกว่า"
พร้อมยกตัวอย่างอุตสาหกรรมหนังของประเทศเกาหลีที่กำลังมาแรงว่า เกิดขึ้นมาจากการที่รัฐบาลมีความตั้งใจจริงและพร้อมที่จะส่งเสริมในทุกๆ ด้านซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างกับบ้านเรา..."ประเทศเกาหลีเนี่ย เขาต้องการทำให้คนรู้จักกันทั่วโลก เขาสร้างทั้งโรงถ่าย รัฐเขาสนับสนุนทั้งคนที่แสดงให้เรียน ซึ่งตรงนี้เรายังไม่มี"
"คือเขาจะให้ทุนสนับสนุนแยะเยอะเลย อย่างหนังเรื่องแดจังกึม มาออกอากาศเขาก็เอาในเรื่องของอาหารมาโปรโมท อาหารเกาหลีก็ดัง ซึ่งจริงๆ แล้วอาหารเกาหลีเป็นอาหารที่ห่วยที่สุดในโลก อาหารไทยอร่อยที่สุดในโลก คนชอบ คนนิยม ใครๆ ก็ชอบ แต่ว่าเราไม่เคยเอาไปโปรโมทในตรงนี้"
"เอาง่ายๆ ถ้ารัฐบาลมีทุนสักก้อน ให้คนที่มีความสามรถเขียนบทดีๆ ให้เขามาทำหนังตามที่เขาอยากจะทำ แล้วก็มีโรงถ่ายให้เขา แต่ทางรัฐบาลเราไม่มี ก็คืออยากให้มีโรงเรียนที่สอนการทำภาพยนตร์โดยตรง ไม่ใช่ให้สอนกันเอง เพราะมันเป็นแค่เศษเงินเท่านั้นเอง"
"ถ้าจะถามว่าคนทำหนังต้องการอะไร บอกได้เลยว่าการทำหนังต้องการทุกอย่าง การลดภาษี ค่าตัวดารา อุปกรณ์ ก็คือว่าสิ่งเดียวที่ต้องการคือเงิน นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุด"
สำหรับการเปลี่ยนจากระบบเซ็นเซอร์เป็นการจัดเรตที่เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วนั้น ม.จ.ชาตรีเฉิม มองว่าถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะที่ผ่านๆ มาประเทศไทยไม่ค่อยจะเอาจริงเอาจังกับตรงนี้สักเท่าไหร่
"ตอนนี้เราก็คุยอยุ่กับกองเรตติ้งเรื่องการเห็นอวัยวะเพศหรือไม่เห็นอวัยวะเพศ เพราะหลายคนบอกเราต้องฟรี เราต้องเห็นอวัยวะเพศ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ เราสามารถส่งอวัยวะเพศให้คุณได้ อยากได้เท่าไหร่บอกมาเลยเดี๋ยวส่งไปให้"
"จริงๆ เรามีเรตติ้งที่เราร่วมกับภาครัฐและผู้สร้างภาพยนตร์เป็นครั้งแรก และหวังว่าละลงมาในวันสองวันนี้ แล้วกองเซ็นเซอร์ในประเทศเราเนี่ย เซ็นเซอร์น้อยที่สุดนะ พูดไปคนก็ไม่เชื่อ คือในการที่จะดูหนังอย่างอายุ 13 แล้วถ้าไปดูแล้วเด็กมันเสีย ต้องอย่าไปโทษหนัง ให้ไปโทษผู้ปกครอง"
"อย่างในเรื่องของหนังโป๊เนี่ยมันเหมาะกับอายุ 25 ขึ้น เด็กอายุ 18 ห้ามดูใช่มั้ย แต่ผมเห็นหนังเด็กอายุ 18 เนี่ยโป๊ทั้งนั้น เนื่องจากคนอายุ 25 เนี่ย ถ้าจะซื้อบัตรเข้าไปดูหนังโป๊คือเค้าทำงานแล้ว อาจจะเป็นระดับผู้บริหารอะไรอย่างนี้ เขาก็ไม่กล้าเข้าไปดู"
พร้อมออกปากยอมรับปัญหาในเรื่องของแผ่นผี ซีดีเถื่อนนั้นเป็นอะไรที่แก้ได้ยาก ที่พอจะช่วยได้ก็คือความพยายามก่อให้เกิดในเรื่องของคุณภาพของงานจากผู้ผลิตกับจิตสำนึกของผู้เสพ
"มันยากครับ มันยากที่จะแก้ เพราะว่าเราทำหนังเราทำ 200 ล้านพวกก็ไปทำเต็มที่ก็ 10 ล้าน ก็ซื้อเครื่องปั๊มทำได้ตลอดชีวิต แต่ถ้าถามว่ามันแฟร์กับพวกผมมั้ย มันไม่แฟร์ เพราะพวกคุณไม่ได้ลงทุนอะไรเลย เอาอย่างนี้ดีกว่าเรามาร่วมหุ้นกัน คุณจ่ายผมมา แล้วจะก็อปก็ก็อปไปเลย
"ส่วนพวกที่ซื้อแผ่นผี ผมจะไปบอกอะไรเขาได้ ก็เขาซื้อไปแล้ว แต่ที่บอกได้ก็คือคุณจะไม่ได้อรรถรสในการชมที่โรงภาพยนตร์ อย่างผมไปดูเนี่ย ได้จับมือแฟนได้ไปคุยกับแฟน 120 บาทเนี่ยมันคุ้มแล้ว ขณะที่พวกที่ซื้อแผ่นผีมาดูมันจะไม่ได้ทั้งแสง สี อะไรเลย"
ความคืบหน้าเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3" นั้น ท่านมุ้ยเผยว่าเหลืองานที่จะต้องทำประมาณ 10% ตอนนี้ยังมีการถ่ายทำอยู่ที่ จ. กาญจนบุรี ก่อนแสดงความมั่นใจในเรื่องของงบประมาณว่าไม่น่าจะปานปลาย และเสร็จจากงานหนังเรื่องนี้ก็จะลุย "เพชรพระอุมา" ต่อทันที
"เกือบเสร็จแล้ว เหลืออีกประมาณ 10% แต่ที่คุณเห็นนี่นะ 10% เนี่ยมันโคตรยากเลย ไมได้เป็นเพราะดิน ฟ้า อากาศ หรอกครับ แต่เป็นเพราะว่ามันยาก ภาพที่สเก็ตไว้คือมันยากมาก ส่วนข่าวการเปลี่ยนตัวนักแสดงผมไม่เคยพูดเลยนะว่าจะเปลี่ยน"
"แต่ถ้าจะให้เล่น เอาใครมาก็ได้ ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว และก็ไม่ได้เข้าไปคุยอะไรกับทางเสี่ยเจียง(สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) เขาหาใครมาก็ได้หมด..."