รูปลักษณ์ที่น่าประหลาดใจของ "มาดอนนา" นักร้องสาวชื่อดังกับเครื่องหมายขีดเขียนบนใบหน้าที่บ่งชี้ถึงการทำศัลยกรรมพลาสติกของเธอนั้น ได้ถูกเผยแพร่ตีพิมพ์ขึ้นหน้าปกนิตยสาร นิวยอร์ก แม็กกาซีน ภายใต้ชื่อหัวข้อว่า "The New New Face"
โดยหน้าปกได้แนะให้เห็นถึงการพัฒนาแบบใหม่ของการเสริมความงามที่มีมาตรฐานดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กับการช่วยให้ดาราดังระดับต้นๆของวงการฮอลลีวูดมีอายุลงมาเหลือเพียงครึ่งเดียวของอายุจริงและยังดูเป็นธรรมชาติด้วย
ซึ่งนอกจากมาดอนนาจะเป็นดาราหลักที่ถูกวิจารณ์เรื่องศัลยกรรมแล้ว งานนี้ยังมีการเสริมทัพด้วยนักแสดงสาวรายอื่นๆ ทั้งภาพของ เดมี มัวร์, มิเชล ไฟเฟอร์, ลิซ เฮอร์ลีย์ และ นาโอมิ แคมป์เบล ที่มีลักษณะของโหนกแก้มทั้ง 2ข้างเหมือนๆกัน, หน้าผากที่ดูเรียบตึง และ รอยเหี่ยวย่น หรือ ถุงใต้ตาที่ลดน้อยลงอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าในเล่มนี้จะไม่มีการระบุว่าพวกเธอทั้งหมดไปทำศัลยกรรมกันที่ไหนมาบ้างก็ตาม
ตามรายงานจากทางแม็กกาซีนยังมีรายชื่อของนักแสดงสาวรุ่นละอ่อนคนอื่นๆอย่างฝาแฝดโอลเซนที่เป็นผู้บุกเบิกแบบอย่างรูปหน้าที่เรียกได้ว่าสวยทันสมัยในขณะนี้ ดังนั้นอะไรกันที่ทำให้สาวๆเหล่านี้ ถึงยังดูผ่อง แก้มเต่งตึงอมชมพู และดูเป็นสาวไม่เสื่อมคลาย
โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ช่างภาพหลายต่อหลายคนได้เผยภาพของมาดอนนาที่มีแผลฟกช้ำอยู่รอบๆดวงตาและแก้มของเธอ แต่เมื่อเธอปรากฏตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาเธอกลับดูดีและดูสวยเต่งตึงอย่างน่าอัศจรรย์
สิ่งที่ทำให้เราประหลาดใจนั้นคงอยู่ที่ โหนกแก้มที่ดูกว้างขึ้นและเต็มอิ่มขึ้นที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พร้อมกับรูปแบบของกรามที่ดูจะเรียวแหลมกระชับและแคบลงอย่างเห็นได้ชัด, หน้าผากที่ดูเรียบตึง, ความมีน้ำมีนวลและหน้าเรียวเล็กที่ดูจะหยุดอายุของเธอไว้ที่ครึ่งหนึ่งของอายุ 50 และดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน
แล้วรูปลักษณ์แบบนี้มาได้อย่างไรกัน? การเข้ายิมเป็นเวลากว่า 4 ช.ม., การเล่นโยคะร้อน และการบริโภคอาหาร 800 แคลอรีต่อวัน, งดอาหารจำพวกแป้ง, การไดเอ็ตด้วยการทานอาหารที่เป็นธรรมชาติปลอดสารพิษ ส่งให้มาดอนนาและเพื่อนของเธอมีรูปร่างและสัดส่วนที่กระชับขึ้น รูปร่างของพวกเธอดูเล็กตึงก็จริงแต่ขณะเดียวกันก็ดูจะผอมเกร็งมากขึ้นเช่นกัน
แต่งานนี้ศัลยกรรมพลาสติกสามารถรับมือได้กับสภาพผิวที่หย่อนคล้อยและโบท็อกซ์รอยเหี่ยวย่นให้กลับมาตึงกระชับ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีจุดบอดของอายุที่ยังปรากฏให้เห็นเด่นชัดและเหมือนว่าจะเลี่ยงไม่ได้เลยอยู่ดี จนกระทั่งตอนนี้ ที่หลายๆอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
ย้อนหลังไปประมาณ 10 ปีที่แล้ว การวิจัยอย่างละเอียดถึงวิถีทางใหม่ๆที่จะยกกระชับใบหน้าได้นำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิทยาการที่ไม่ธรรมดาซึ่งมีความหมายอย่างมากกับวงการศัลยกรรมที่ตอนนี้สามารถทำให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงกลับมาดูเยาว์วัยและเป็นสาวได้อีกครั้ง ได้ด้วยการฉีดยา
การทำศัลยกรรมพลาสติกในอดีตดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้ผู้หญิงดูสวย น่ารัก และเซ็กซี่ได้มากนัก เพราะสมัยนั้นจะไม่มีการทำแก้มที่ห้อยย้อยหรือถุงใต้ตาบนใบหน้าให้ตึงขึ้นและเรียวผอมลงได้ เพราะต่อให้ทำศัลยกรรมอย่างไรพวกเธอก็ยังคงดูแก่อยู่ดี
แต่วิวัฒนาการสมัยใหม่ทำให้มีขั้นตอนใหม่ๆที่ถูกพัฒนามาซึ่งมีความหมายสำหรับผู้หญิง โดยพวกเธอไม่ต้องไปนอนใต้มีดหมออีกต่อไป ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ต่างก็ให้คำตอบเป็นเสียงเดียวว่าพวกเธอจะดูมีวอลลุ่ม มีวอลลุ่มบนใบหน้าของผู้หญิง ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นแก่นของความอ่อนเยาว์โดยแท้จริง
ในปี 1990 ดร. เดวิด เพอร์เร็ตต์ จากมหาวิทยาลัย เซนต์ แอนดรูว์ ได้เริ่มต้นทำความเข้าใจถึงแนวคิดเกี่ยวกับความงาม โดยรวบรวมเอาองค์ประกอบจากหลายๆส่วนของรูปหน้าทั้งแบบยุโรปและญี่ปุ่นพร้อมกับออกแบบสอบถามเพื่อให้คนช่วยกันตัดสิน ซึ่งดร. เพอร์เร็ตต์ พบว่ารูปหน้าที่สวยงามตามแบบฉบับของเขาคือรูปหน้าที่โดยรวมนั้นเข้ากันพอดี
ดร. ได้กล่าวว่า "สิ่งที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดคงเป็นโหนกแก้มที่สูงขึ้น,รูปกรามที่ดูผอมลง และ รูปตาทั้งสองข้างที่ตำแหน่งสัมพันธ์กับรูปหน้า"
จากนั้นในปี 2005 ราจีฟ โกรเวอร์ ผู้ให้คำปรึกษาทางด้านศัลยกรรมพลาสติกได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างรูปหน้าและความงาม ซึ่งเขาได้ให้คำนิยามไว้ว่า "แองเจิลออฟบิวตี้" นั้นจะต้องมีองศาอยู่ที่ 81 องศาระหว่างตรงกลางของคางไปจนถึงขอบนอกสุดของโหนกแก้ม
หรือถ้าจำกัดให้แคบลงคงเปรียบได้กับใบหน้ารูปหัวใจเช่นเดียวกับ เคท มอสส์ และ มิเชล ไฟเฟอร์
นิยามอื่นๆของความงามนอกจากรูปหน้ารูปหัวใจหรือวายเชปแล้ว ส่วนที่กว้างที่สุดของโหนกแก้มยังต้องอวบอิ่มมีน้ำมีนวลเหมือนลูกพีชด้วย
รูปหน้ามีความสำคัญอย่างมากเพราะว่าการเคลื่อนไหวของดวงตาได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งแรกที่เราจะสังเกตในความสัมพันธ์ของแต่ละส่วน เราจะโฟกัสไปที่สามเหลี่ยมๆเล็กๆจากริมฝีปากด้านบนไปยังมุมนอกสุดของโหนกแก้มและดวงตา จากนั้นก็สรุปสั้นๆโดยมองไปยังรอบๆใบหน้าว่ามีความสัมพันธ์ลงตัวกันทั้งตา จมูก ปาก และรูปหน้า
ทางด้านการวิจัยอื่นๆ การศึกษาด้านศัลยกรรมพลาสติกทางฝั่งอเมริกาเมื่อปีที่แล้วในที่สุดก็ได้มีการเผยข้อเท็จจริงที่ว่า เราได้เสียความอ่อนเยาว์ ความมีชีวิตชีวา และใบหน้าที่อิ่มตึงไปได้อย่างไร
อย่างแรก มันจะมาจากรอบๆดวงตาก่อน จากนั้นก็ทางแก้มด้านบน ตามมาที่โหนกแก้ม ด้านข้างของริมฝีปาก เส้นตรงระหว่างจมูกกับปาก และสุดท้ายจากบริเวณหน้าผากไปจนถึงด้านข้างของใบหน้า
ผลก็คือ แทนที่เราจะมีใบหน้าเป็นรูปหัวใจสวยๆ มันอาจจะหย่อนคล้อยและกลายเป็นว่าคุณจะมีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขึ้นมาแทน ซึ่งผลจากการศึกษาเหล่านี้วงการอุตสาหกรรมความงามได้เรียกสิ่งใหม่ในการทำศัลยกรรมความงามว่า "การเติมเต็ม" เพื่อบุกตลาดความงาม
โดยแบรนด์ชั้นนำระดับต้นๆได้มีการเลือกใช้ Restylane หรือตัวไฮยาลูรอนิกซ์ แอสิดที่สามารถช่วยเติมเต็มและทำให้แก้มตึงกระชับขึ้นมาเป็นส่วนผสมสำคัญ
ทางด้านแพทย์ชาวฝรั่งเศสได้อ้างถึงการศัลยกรรมแบบ เซอร์จิเดิร์ม ซึ่งเป็นวิธีการเช่นเดียวกับการเติมเต็มด้วยไฮยาลูรอนิกซ์ แอสิด ที่ต้องใช้วิธีฉีดลึกเข้าไปในผิวหนัง ทางด้านบนของกล้ามเนื้อ เพื่อทำการออกแบบโหนกแก้ม โดยปล่อยให้กรามนั้นดูเรียวแหลมและดูแคบลง ซึ่งตัวไฮยาลูรอนิกซ์ แอสิดที่ฉีดเข้าไปนี้จะเข้าไปช่วยเติมเต็มผิวหน้าที่มีริ้วรอย ร่องลึก หรือรอยแผลเป็นให้เรียบเนียนอิ่มเอิบ แลดูอ่อนเยาว์ รวมทั้งเสริมเนื้อเยื่อบริเวณที่ต้องการ เพื่อเสริมความงามอย่างเป็นธรรมชาติให้กับผิวหน้าของคุณ ซึ่งสามารถเห็นผลทันทีหลังการฉีด
เมื่อมาผสานเข้ากับการยกกระชับใบหน้าหรือการทำเลเซอร์เพื่อช่วยขจัดคางสองชั้นให้หมดไปก็จะทำให้เรามีใบหน้าใหม่ขึ้นมาได้ตามแบบของฮอลลีวูด ในลอนดอนเองก็ได้มีการใช้ เซอร์จิเดิร์ม มาทำรูปหน้าแบบวายลิฟท์ โดยจะช่วยให้สาวๆมีรูปหน้าแบบรูปหัวใจขึ้นมาได้ ซึ่งการใช้เทคนิคพิเศษเติมเต็มใบหน้าให้สวยงามนี้ ใช้เวลาเล็กน้อยเพียงแค่ 20 นาทีซึ่งต้องมีการฉีดทั้งหมด 4 ครั้ง โดยการเสริมความงามแบบนี้จะช่วยสร้างโหนกแก้มและยังสามารถกำจัดอายุคุณออกไปได้ 5 - 10 ปีเลยทีเดียว
"มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสากรมมมการทำศัลยกรรมในรอบ10ปีเลย นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องทำการผ่าตัดยาว ซึ่งผลจากการปฏิวัตินี้ยังไม่ทำเกิดบาดแผลใดๆด้วย"
"อย่างมาดอนนา ดูเหมือนว่าเป็นไปได้ทีเดียวที่เธอทำออกมาได้ประสบความสำเร็จมาก ผมพูดได้เลยว่าเธอใช้วิธีการวายลิฟท์"
แม้ว่าการทำศัลยกรรมด้วยวิธีแบบนี้ในช่วงแรกๆอาจทำให้คุณไม่สะดวกสบายเท่าใดนักที่ใบหน้าอาจจะดูแข็งไร้ความรู้สึกไปบ้าง แต่ในระยะยาวผลของมันค่อนข้างดี อาจจะมีอาการบวมอยู่ไม่กี่วัน แต่แล้วก็จะดูเหมือนมาดอนนาในอีกไม่กี่วันต่อมา ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ก็ได้มีการเผยภาพมาดอนนาในสภาพหน้าเปลือยเปล่าไม่มีการเสริมแต่ง โดยสื่อต่างๆ ได้ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอดูดีเป็นธรรมชาติแม้ไม่ต้องแต่งแต้มเลยจริงๆ นับว่าการลงทุนเรื่องความงามเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับเธอจริงๆ