xs
xsm
sm
md
lg

“เต๊ะ ศตวรรษ” ประกาศยินดีตายเพื่อในหลวงจวกตำรวจ-ทหารไม่ทำหน้าที่ ทำไมต้องรอให้พันธมิตรฯบอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เต๊ะ ศตวรรษ” น้ำตาคลอ เผยเหตุเข้าร่วมพันธมิตรฯทนไม่ได้ที่ในหลวงถูกจาบจ้วง ตำรวจก็ไม่ให้ความสนใจ เผยถึงเวลาที่คนไทยต้องออกมารวมพลังเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ถึงแม้จะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการเป็นนักแสดงที่ไต้หวัน แต่ “เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร” ก็ยังไม่ลืมบุญคุณแผ่นดินเกิด กลับมาร่วมกู้ชาติกับพี่น้องพันธมิตรฯ โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฏาคม ที่ผ่านมา เต๊ะ ก็ได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯที่ชลบุรี และเมื่อวันรวมพลใหญ่ในวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็คาดผ้าสีเหลืองฝ่าสายฝนมาร่วมชุมนุมที่เวทีมัฆวาน

งานนี้ เต๊ะ เผยถึงเหตุที่ต้องออกมาร่วมกู้ชาติในครั้งนี้ ว่า ทนไม่ไหวที่มีกลุ่มคนออกมาจาบจ้วงในหลวง โดยที่ตำรวจและทหารก็ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้อง ต้องให้พันธมิตรฯออกมาเรียกร้องถึงจะจัดการ

“ก่อนหน้านี้ ผมมีความรู้สึกว่าเรื่องการเมืองเป็นอะไรที่ไกลตัวเรามาก แต่ตอนนี้หลายปีที่ผ่านมา มันเริ่มมีอะไรที่ทำให้วัยรุ่นหันมาสนใจ ก่อนหน้านี้ เคยดีใจที่มีการเมืองอีกรูปแบบหนึ่งที่มองแล้วน่าจะไปไกล ผ่านมาอีกระยะหนึ่งอะไรที่เราคิดมันไม่ใช่แล้ว มันกลายเป็นความกังวลว่า ต่อไปเมืองไทยจะเป็นไปแบบไหน คนไทยจะมีจุดยืนชีวิตแบบไหน”

“พอเรารู้สึกอย่างนั้นเราก็ต้องออกมา ผมเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งไม่ใช่เป็นศิลปิน ผมก็เหมือนทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นมาก และยิ่งเป็นเรื่องของการหมิ่นในหลวงของเรา หมิ่นพ่อของเรา มันเป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยต้องลุกออกมาแสดงความรู้สึก มันเป็นอะไรที่เกินไปแล้ว หลายอย่างมันสามารถเปลี่ยนได้ แต่หลายอย่างไม่ควรเปลี่ยน”

“การที่เรามีแผ่นดินอยู่ และก็มีประเทศเป็นของตัวเอง มันเป็นความภูมิใจของคนไทยทุกคน แต่ถ้ามีใครซักคนที่ทำให้ตรงนี้มันด่างพร้อยขึ้นมา พลังของคนไทยทุกคนเท่านั้นที่แก้ไขตรงนี้ได้”

“ผมเคยมองว่ามันไกลตัวผม แต่แค่หลับตามันก็ผ่านไปแล้วหนึ่งวัน สองวัน หนึ่งเดือน เหมือนพี่ๆ ที่มาชุมนุมที่นี่แป๊บเดียวมันกี่วันผ่านไปแล้ว คือ ถ้าเรามัวแต่คิดไม่มีการแสดงออกมันก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราอยู่บนผืนแผ่นดินแล้วเราทำเพื่อพ่อของเราไม่ได้ก็ไม่รู้จะยังไง ตรงนี้เป็นประเด็นหลักที่ทำให้ผมออกมาเพื่อเป็นกำลังใจกับทุกคนในการต่อสู้ครั้งนี้”

“ผมคิดว่าคนไทยทุกคนรักในหลวง แต่การรับข่าวสารของแต่ละคนมันแตกต่างกันไป ซึ่งมันอาจจะโดนบิดเบือน แต่มันอยู่ที่ตัวเราว่าเราเลือกจะรับฟังหรือเปล่า เหมือนที่ผมเห็นในอินเทอร์เน็ตที่ออกมาโพสต์กันว่า พันธมิตรฯออกมาทำอะไร แสดงว่า เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย คุณไม่จำเป็นต้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งเลยก็ได้ แค่เกิดอะไรขึ้นกับจุดศูนย์รวมใจคนไทยคุณยังไม่รู้เลย ก็ควรจะพิจารณาตัวเองบ้างเหมือนกัน”

“ปัญหาการหมิ่นในหลวงมันเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ถ้าเราไม่ออกมาตั้งแต่ตอนนี้จะสายเกินไป ผมคิดว่าคนไทยหลายคนคิดเหมือนผม แต่เขาอาจจะไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเกิดการปิดกั้นข่าวสารหรือปิดกั้นทางสื่อยังมีอยู่เยอะมาก”

ถามหาจิตสำนึกของตำรวจ ไม่ใช่ต้องรอให้พันธมิตรฯออกมาเรียกร้อง
“เราต้องยอมรับว่า การจัดการมันเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นจากการเรียกร้องของพันธมิตรฯ ผมว่าทุกคนมีหน้าที่หมดครูมีหน้าที่สอน ผมเป็นนักแสดงมีหน้าที่แสดง ตำรวจมีหน้าที่อะไร ทหารมีหน้าที่อะไร ทุกคนต้องรู้ตัวเอง อย่าลืมว่าทุกคนที่ทำงานราชการรับเงินเดือนของประชาชน คุณกินเงินภาษีประชาชน คุณต้องรู้ว่าประชาชนรักอะไรอยู่ ประชาชนเคารพอะไรอยู่ ในเมื่อมีกลุ่มบางกลุ่มเขาไม่เคารพคนที่เป็นที่รักของประชาชน คุณมีหน้าที่ปกป้องคุณต้องออกมา ผมไม่ได้เรียกร้องให้เกิดการปฏิวัติ แต่กำลังจะบอกว่าทุกคนรู้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่เห็นจะทำอะไร”

“บางคนบอกว่า พันธมิตรฯออกมาเพื่อให้รถติดเสียเวลา ทำตัวเป็นศาลข้างถนนตัดสินปัญหา ผมอยากให้คนมองเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น คือ ในเมื่อมันไม่มีใครจัดการ แล้วเราจะรอให้มันเกิดขึ้นรอให้มันสูญเสียก่อนเหรอมันก็ไม่ใช่ กฎหมายมันมีเพื่อปฏิบัติ แต่ในเมื่อผู้รักษากฎหมายเขาไม่ปฏิบัติ เราก็ควรจะออกมาปฏิบัติมาเรียกร้อง เรียกว่ากดดันให้พวกเขาได้รู้ว่าเวลานี้ควรทำอะไร”

“ผมไม่เชื่อว่า คนๆ เดียวจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเราต้องร่วมกัน อยากเห็นความเติบโตทางเศรษฐกิจไหม อยากเห็นประเทศชาติพัฒนาไหม ถ้าอยากเห็นต้องออกมา ผมเข้าใจว่าคนไทยรักสงบ ซึ่งถ้าเราอยู่อย่างสงบแล้วทำให้ประเทศชาติอยู่ในน้ำมือของใครบางคน คนที่บอกว่าอยู่ตรงกลางไม่ทำอะไรดีกว่า ตรงนี้มันคือการไม่ออกเสียง ซึ่งเราควรจะออกเสียงเพราะมันเป็นสิทธิ์ของเรา”

“ผมเองก็ไปชุมนุมกับพันธมิตรฯตั้งแต่สองปีที่แล้ว แต่ปี 2551 พึ่งจะไปที่ชลบุรีเป็นครั้งแรก ขอบอกว่าฝนตกหนักมาก ผมก็ยืนตากฝนเลยทุกวันนี้ก็ยังไม่สบายอยู่ ผมไม่ได้เรียน รด.ผมไม่ได้เป็นทหาร ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตนี้ทำอะไรเพื่อชาติน้อยมาก อาจจะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ถามว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การปกป้องประเทศ ปกป้องแผ่นดินไทยของเรา ตอนนี้ให้ผมไปเป็นทหารผมก็ทำไม่ได้ ผมสู้พี่ๆ เขาไม่ได้หรอก ให้พี่ๆ ที่มีความสามารถเขาเป็นดีกว่า ฉะนั้นสิ่งที่ผมจะทำได้ในการปกป้องประเทศก็คือการมาอยู่ตรงนี้”

“ผมไม่กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนที่อุดร (ธานี) แต่ไม่มีใครอยากเจ็บตัวหรอก การที่ผมไปชลบุรี ก็ทำให้เห็นฟีดแบดจากคนรอบข้าง มีทั้งชมเชย มีทั้งด่า มีทั้งแช่ง แต่ผมรู้สึกว่าไม่เป็นไร เพราะสิ่งรอบข้างที่เกิดขึ้นกับผมเป็นสิ่งที่เล็กมาก”




“เหมือนที่เราเคยสงสัยว่า เขาประท้วงเรื่องเขาพระวิหารกันทำไม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย ประท้วงอะไรกัน แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วมันกลับมาไม่ได้ มันก็เหมือนกับการที่เราออกมามีส่วนร่วมตรงนี้มันก็เป็นการป้องกันทางหนึ่งให้คนไทยได้รู้จักและมองการเมืองในรูปแบบที่โตขึ้น ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มองแค่ว่า คนนี้ดีคนนี้เก่งก็เลือกแล้ว อย่าลืมว่าอำนาจมันไม่เข้าใครออกใคร เมื่อไหร่ที่อำนาจมันอยู่ในมือของคนๆ เดียวมันก็จะกลายเป็นเผด็จการ”

“ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ผมไปอยู่ต่างประเทศก็มีแต่คนชม ประเทศไทยดีคนไทยน่ารัก พูดถึงพ่อของเราว่า ยูโชคดีมากนะที่มีแบบนี้ ตอนงานฉลองในหลวงครองราชย์ ทุกคนใส่เสื้อเหลืองเต็มถนน ผมอยู่เมืองนอกดูในเน็ตก็ร้องไห้ ฝรั่งก็ถามยูเป็นไรเกิดอะไรขึ้น ผมก็บอกยูมานี่ยูเห็นอะไร เขาก็ตกใจเกิดอะไรขึ้น ผมก็บอกว่าทุกคนออกมาแสดงความยินดีกับพระองค์ท่าน เขาก็ถามว่าทำไมผมต้องร้องไห้”

“ผมก็จะบอกว่า ตอนผมเด็กๆ ผมชอบดูหนัง และผมก็จะเห็นภาพของพระองค์ท่านในเพลงสรรเสริญ ช่วงข่าวพระราชสำนัก ก็จะเห็นพระองค์ท่านเหน็ดเหนื่อยตลอดเวลาเหมือนพ่อคนหนึ่งของเรา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าจะดีจะร้ายพระองค์ท่านรับหมด พระองค์ท่านเหนื่อยที่สุด เขาก็บอกว่าดีประเทศไทยมีแบบนี้ดี”

“ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งทำให้เราซึมซับ แต่พอมันมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมยืนตรงผมรู้สึกแปลกใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น ผมพยายามมองเป็นกลางหรือเขาอาจจะมีเหตุผลของเขา แต่ผมรู้สึกว่า ถ้าเรากตัญญูต่อพ่อแม่เรา เราจะเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าเราอกตัญญูต่อพ่อแม่เราไม่ว่าด้วยทางใดก็ตามคนนั้นคงฉิบหาย”

“ผมมีพ่อแม่ของผมที่บ้าน และผมก็มีพ่อหลวงของเราพ่อหลวงของทุกคน ผมคงไม่ต้องบรรยายว่าท่านดียังไง ท่านรักคนไทยยังไง แต่ล่าสุดก็มีคนมาจาบจ้วงในหลวงและก็โดนจับไปแล้ว สิ่งที่เขาพูดประโยคบางประโยคเป็นประโยคที่ผมรู้สึกว่ามันแทงใจคนไทยทุกคน แต่อย่างที่รู้กันไม่มีใครรับข่าวสารตรงนี้เท่าไหร่ หรือบางครั้งการสื่อสารของเราจะบอกไป แต่กลับกลายเป็นว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มเห็นว่าเป็นการหมิ่นพระองค์ท่าน”

“วันนี้ผมออกมาพูด พอข่าวออกเดี๋ยวก็จะมีคนโพสต์เต็มไปหมด แค่อยากจะบอกกับทุกคนว่า ก่อนที่จะโพสต์อะไรลงไป ผมอยากจะบอกว่า ผมมาในนามของประชาชนคนหนึ่งที่รักในหลวง เมื่อไหร่ที่ใครต่อต้านความรู้สึกรักที่ผมมีต่อพระองค์ท่าน คุณกำลังต่อต้านอะไรอยู่ ผมบอกแค่นี้ละกัน”

ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ เต๊ะ มีอาการน้ำตาคลอตลอดเวลา พร้อมกับยืนยันอย่างหนักแน่นว่า รักในหลวงและยินดีจะตายแทนได้
“วันนี้ก่อนมาผมยังคุยกันในรถเลยว่า ถ้าเกิดอยู่ดีๆ มีคนไม่หวังดี หรือใครซักคนที่พูดหรือสื่อสารในแง่ที่ทำให้พระองค์ท่านหม่นหมอง แล้วถ้าเกิดอยู่ดีๆ ผมวิ่งเข้าไปทำอะไรมันจะเป็นยังไง คือผมไม่ได้เป็นนักเลงหรืออะไรนะครับ เพียงแต่ว่ามันเหมือนคนมาทำร้ายพ่อเรา”

“ที่มีข่าวของคนที่ไม่ยืนเคารพเราก็แบบ ใครวะ....อยากจะรู้มากเลย คือ เราไม่ได้ต้องการไปขู่หรือทำร้ายอะไร แต่อยากรู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ เคยอยู่ในประเทศไทยหรือเปล่า คุณโตมาจากสังคมแบบไหน ใครให้คุณคิดแบบนี้ เราโชคดีมากที่ประเทศไทยมีพ่อหลวง แต่กลับกลายเป็นว่า คุณเสียเวลาแค่ 4 นาทีกับการยืนเคารพในหลวงคุณทำไม่ได้ คุณไม่ยืนเพลงไม่จบเร็วขึ้นหรอก หนังไม่ได้ฉายเร็วขึ้นหรอก ตั้งแต่มีข่าวนั้นขึ้นมา พอไปดูหนังผมจะแอบดูตลอดว่ามีใครไม่ยืนหรือเปล่า บอกได้เลยใครไปดูหนังแล้วเห็นผม ผมอาจจะไม่ใช่คนแรกที่ยืนแต่จะเป็นคนสุดท้ายที่นั่งลง”

“ที่ ดา ตอร์ปิโด หมิ่นในหลวงผมก็ได้ฟังบางท่อนที่คัดมาแล้ว คิดว่าถ้าฟังหมดประเทศไทยแตกแน่ๆ ฟังแล้วเสียใจ มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย คนไทยทุกคนเคยรักและเคารพพระองค์ ท่านเป็นที่หนึ่งในหัวใจอยู่เหนือหัวเราตลอดเวลา เวลาเราท้อแท้ใจเรากลับบ้านก็จะเห็นรูปพระองค์ท่าน ถ้าเราประสบความสำเร็จก็นึกถึงพระองค์ท่าน เหมือนนักมวยที่ชกชนะเขาก็จะถือรูปของพระองค์ท่านมันคือความภูมิใจ”

“แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นคนไทยไม่เห็นความสำคัญของพระองค์ท่านแล้วหรือ ผมเข้าใจนะครับว่าเศรษฐกิจยุคนี้มันลำบากมันเป็นไปทั่วโลก เงินทองเป็นของที่หาได้ยากมาก แต่เมื่อไหร่ที่เงินทองมีค่ามากกว่าความกตัญญูของตัวเองแล้ว มันก็ไม่ต่างกับคนที่ไร้วัฒนธรรม”

“ผมพูดได้เลยว่า ถ้าตายแทนได้ผมก็จะตายแทนท่าน ผมรู้สึกว่าเรามาได้ขนาดนี้เป็นเพราะพระองค์ท่านคนเดียว ไม่มีใครที่จะทำได้ขนาดนี้ โอ๊ย....พอก่อน (น้ำตาจะไหล) คือ ผมอยากมาเป็นกำลังใจให้ ผมพูดไม่เก่ง ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะไปพูดบนเวที แต่ผมก็อยากมานั่งฟังในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง เกิดมาสัญชาติไทย พ่อแม่เป็นไทย อยากมานั่งกับคนไทยด้วยกัน อยากมาอยู่กับคนที่รักในหลวงเหมือนเรา แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ไม่มาไม่รักนะครับ”

“ผมกำลังจะบอกว่า เมื่อไหร่ที่คุณอกตัญญูได้ขนาดนี้ แค่คิดก็ผิดแล้ว มันเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่า มันขนาดนี้เลยเหรอ คือ ใครจะชอบพรรคไหนใครจะเป็นรัฐบาลมันก็เป็นไปได้ แต่พ่อของเราเนี่ย ท่านทำให้เราขนาดนี้แล้วคุณยังไปคิดอะไรแบบนั้น คุณยังไปพูดอะไรที่ทำให้พระองค์ท่านเสียพระทัย ผมนึกไม่ออกมว่าผมจะพูดกับเขายังไงดี ผมเชื่อว่าคนไทยก็ต้องรู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน”

“วันนี้คนไทยบางคนอาจจะยังไม่พร้อมที่จะออกมา แต่ขอให้รู้ไว้แล้วกันว่า พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่”


กำลังโหลดความคิดเห็น