ไม่เอาไม่พูด....“ลีเดีย” ยิ้มรับหน้าเจื่อนขอไม่ตอบคำถามกรณี “หญิงอ้อ” ติดคุก 3 ปี บอกขอให้สัมภาษณ์แต่เรื่องงาน ฟุ้งโปรเจกต์ยักษ์ควักเงินนับ 10 ล้านลุยธุรกิจกีฬาและบันเทิง
หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ “คุณหญิงพจมาน ชินวัตร” ติดคุก 3 ปี ในคดีหลีกเลี่ยงภาษีการโอนหุ้นเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) สื่อมวลชนก็พากันยกทัพไปหา “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา” ที่เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว ASIAN NIGHT SING FOR OLYMPIC ที่ลีเดียเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร้องเพลงที่โอลิมปิก เพื่อสอบถามถึงความรู้สึกในฐานะที่เป็นคนใกล้ชิด และสนิทสนมกับครอบครัวชินวัตรเป็นพิเศษ งานนี้ ลีเดียได้แต่ยิ้มรับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้อมกับปฏิเสธที่จะตอบคำถาม แม้ว่าผู้สื่อข่าวจะพยายามซักถาม
“วันนี้เดียไม่ขอพูดเรื่องการเมืองดีกว่าค่ะ ขออนุญาตไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน ขอให้พูดแต่เรื่องงานดีกว่าค่ะ” จากนั้นเจ้าตัวก็พูดถึงเรื่องที่เป็นตัวแทนจากศิลปินไทยไปร้องที่โอลิมปิกประเทศจีน
“ตอนนี้เดียเตรียมเรื่องการร้องฟิตร้องเพลงให้เยอะๆ เพราะต้องไปเจอศิลปินอีก 13 ประเทศ ต้องฝึกให้เยอะๆ เพราะต้องอลังการให้เท่ากับโอลิมปิก ชุดก็ต้องตัดขึ้นมาใหม่ดีไซน์ออกมาใหม่เลย ตอนนี้ยังไม่ได้วาดออกมา แต่ต้องเป็นอะไรที่ทำให้ดูสูงและผอม เพราะเราก็ไม่ได้ผอมเพรียวมากมายก็ดูมีเนื้อมีหนัง ต้องให้ดูเพรียวบนเวที งบประมาณก็ไม่ทราบก็แล้วแต่ทางค่ายแต่คาดว่าน่าจะเป็นหมื่น”
“ช่วงนี้เดียก็ต้องรักษาสุขภาพให้ดี เพราะปกติเดียจะเป็นคนแพ้ขนหมาแพ้ฝุ่น แพ้ทีไรคอจะบวม ก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง คงต้องไปฝึกอะไรอีกเยอะเพราะต้องใช้เสียงสูงมาก ถ้าพลาดไปคงจะไม่ดีเลย ก็ต้องซ้อมเนื้อกับโน้ตให้แม่นๆ เราเป็นตัวแทนประเทศทั้งประเทศก็ต้องทำให้มันดีที่สุด”
นอกจากกำลังจะเดินทางไปร่วมงานใหญ่อย่างโอลิมปิกแล้ว ตอนนี้ลิเดียก็ยังมีโปรเจกต์ยักษ์ควักเงินนับ 10 ล้าน เปิดบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกีฬาและผลิตรายการโทรทัศน์
“เดียก็ดูๆ เรื่องธุรกิจนอกวงการใกล้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว ใกล้จะจัดตั้งบริษัทมีเพื่อนของคุณแม่และผู้ใหญ่อีกหลายๆ คนร่วมด้วย เป็นบริษัทมหาภาคเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลทั่วประเทศและก็มีรายการ ที่ทำเพราะเดียคิดว่าวงการบันเทิงเป็นอะไรที่อายุสั้น เดียเป็นนักร้องไม่ได้ตลอดไปอยู่แล้วก็ต้องหาธุรกิจมารองรับ อยากหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเราร้องเพลงอย่างเดียวแล้ววันหนึ่งทุกอย่างมันไปหมดเราก็จะหยุดกันแค่นั้น เราก็เลยต้องเรียนด้วยเผื่อทุกอย่างแย่ก็ไปเป็นลูกจ้างก็ได้ เพราะเราก็มีดีกรีมาจากเมืองนอกอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจได้ก็ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างมันก็จะดีกว่า”
“สำหรับบริษัทของเดียจะมีสองบริษัท คือบริษัทแรกจะเกี่ยวกับเรื่องกีฬา เป็นอีเวนต์ทั่วประเทศจะจัดฟุตบอลตามโรงงานต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงยาเสพติด อีกบริษัทเกี่ยวกับรายการทีวี รายการทีวีในอนาคตจะผลิตเองหรือเปล่ายังไม่คอนเฟิร์ม แต่ตอนนี้มีรายการสภาโจ๊กทางช่องเอ็นบีที เดียเทคโอเวอร์ซื้อยกทีมมาเลย และเดียก็เป็นเจ้าของบริษัท เดียอยู่ในตำแหน่งมีเดียไดเรคเตอร์ทั้งสองบริษัทจะคุมพวกสื่อ งานจะไปทางด้านไหนรูปแบบอะไรแบบนี้”
“การทำงานก็ไม่ได้ยากอะไร คือเราเป็นเจ้าของบริษัทก็ไม่ได้เข้าไปตอกบัตรสามารถโทรคุยกันได้ ก่อนทำก็คิดหนักเหมือนกันเพราะลงทุนไปเยอะพอสมควร เงินทุนก็ใช้ได้เลย (20 ล้าน?) เป็นสิบค่ะ เพราะว่าเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ แต่เดียไม่ใช่คนรับผิดชอบทุกอย่างมีเพื่อนแม่และผู้ใหญ่อีกหลายๆ คน ตอนนี้บริษัทเพิ่งเริ่มต้นยังไม่ลงตัว ก็หวังว่าจะได้เป็นมหาเศรษฐีนะคะ (หัวเราะ) ไม่รู้จะได้เป็นหรือเปล่า ถ้าประสบความสำเร็จก็อาจจะได้เป็น..(หัวเราะ)”
ถึงแม้จะลุยทั้งงานเพลงและเริ่มจับงานธุรกิจแต่ “ลีเดีย” ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องการเรียน โดยตอนนี้ลีเดียกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอังกฤษ
“ตอนนี้เดียก็เรียนอยู่ลอนดอนเป็นการเรียนพิเศษที่สามารถทำงานที่นี่ได้ด้วย และเขาก็ส่งหนังสือมาให้เรา ช่วงนี้ก็เรียนหนักเพราะใกล้จะสอบแล้ว เดี๋ยวจะต้องบินไปสอบที่โน่น ยากมากเพราะต้องบังคับตัวเองให้เรียนไม่มีใครมาบอกว่าต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ เข้าใจไม่เข้าใจเราต้องไขว่คว้าเอาเอง”
“สาเหตุที่เลือกเรียนที่นี่ เพราะเป็นโรงเรียนระดับท็อปของอังกฤษ เป็นการเรียนเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์เพิ่งจะเรียนปีหนึ่งเอง ก็ค่อนข้างหนักเหมือนกัน เรื่องเกรดไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะมันเป็นอะไรที่ยากจริงๆ ขอให้สอบได้ก็พอ ตอนนี้กลัวว่าจะไม่ผ่าน”
“เดียเรียนเกี่ยวกับการบริหาร เพราะที่บ้านเดียก็ทำธุรกิจอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าเรียนจบมาแล้วก็คงจะเอามาใช้ได้ ก่อนหน้านี้ ก็มีให้เลือกเรียนหลายที่เช่นที่ฮาร์วาร์ด แต่ว่าเดียต้องไปเรียนฟูลไทม์ ซึ่งถ้าจะเรียนอย่างนั้นต้องบินไปเลยและต้องทิ้งทุกอย่างไปเลย ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเป็นออพชั่นที่ดีกว่า ซึ่งถ้าเดียเรียนจบปริญญาตรีแล้วก็จะบินไปเรียนต่อโทแบบฟูลไทม์เลย เพราะใช้เวลาเรียนแค่สองปีหายไปซักพักค่อยกลับมาทำงานใหม่ดีกว่า”