โดย...อภินันท์ บุญเรืองพะเนา
ไม่ว่าจะถูกรักหรือถูกขยะแขยงอย่างไรก็ตาม แต่สำหรับคนที่เกาะติดก้าวตามความเคลื่อนไหวของหนังแนวนี้มาอย่างต่อเนื่องจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีหนังเกย์เรื่องแล้วเรื่องเล่าเดินทางเข้าเมืองไทยมาให้ได้ชมกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีทั้งที่ได้ฉายในโรงและอยู่ในรูปแบบของหนังแผ่น
และคราวนี้ก็ถึงทีของหนังเกย์แห่งอาร์เจนตินาที่ร่ำลือกันว่า รุนแรงทั้งด้านภาพและเนื้อหา ขณะเดียวกัน รางวี่รางวัลที่หนังเรื่องนี้ไปได้มาจากเทศกาลหนังหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเกย์/เลสเบี้ยนที่โด่งดังที่สุดในโลกอย่าง L.A.Outfest ก็น่าตื่นตาตื่นใจเพียงพอแล้วที่จะทำให้บรรดาคอหนังเกย์ออกจากบ้านฝ่าการจราจรอันติดขัด (อย่างบัดซบ!!) ของ กทม.ถ่อสังขารไปดูหนังเรื่องนี้ให้หายคาใจ (ว่ามันจะ “แรง” สมคำคุยหรือไม่!)
โดยพล็อตเรื่องอย่างย่นย่อ เนื้อหาทั้งหมดใน A Year without Love (Un Año sin amor) สร้างขึ้นมาจากชีวิตจริงๆ ของ “ปาโบล เปเรซ” นักเขียนหนุ่มโสดวัย 30 ปีชาวอาร์เจนตินาที่พบว่าตัวเองติดเชื้อเอดส์ และจะเสียชีวิตในอีกหนึ่งปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี แทนที่จะเข้ารับการบำบัด เปเรซกลับมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการเขียนไดอารี่บันทึกชีวิตช่วง 1 ปีสุดท้ายของตัวเอง พร้อมกับหวังอยู่ลึกๆ ว่า เขาจะพบใครสักคนที่จะเป็น “รักแท้บทสุดท้าย” ก่อนทิ้งลมหายใจสู่ห้วงปรภพ...
ครับ, ลำพังแค่พล็อตเรื่องเพียงเท่านี้ ก็คงพอจะเดาทางกันได้ระดับหนึ่งแล้วว่า เนื้อหาที่ออกมาจะมัวซัวหม่นเศร้าสักแค่ไหน และสิ่งแรกที่จะมองข้ามไปไม่ได้โดยเด็ดขาดก็คือ งานด้านภาพที่เล่นกับแสงเงาหม่นๆ มัวๆ แทบทั้งเรื่องนั้นก็ขับเน้นให้เห็นเป็นอย่างดีถึง “บรรยากาศชีวิต” และ “อารมณ์ความรู้สึก” ของตัวละครที่คล้ายตกอยู่ในวงล้อมของเมฆหมอกอันทึบทึมตลอดเวลา
อันที่จริง ถ้าจะพูดว่า หนังเรื่องนี้คือหนังที่ชวนให้รู้สึกถึงความหดหู่สิ้นหวังอย่างถึงที่สุดเรื่องหนึ่งก็น่าจะได้ และถ้าจะนับว่ามันเป็น “ฟิล์มนัวร์” ก็คงไม่ผิดอีกเช่นกัน หากเราจะนิยามความเป็นหนังนัวร์กันด้วยเนื้อหาที่มัวหม่น
ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะว่า สิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นตลอดทั้งเรื่องนั้นดูจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์แต่อย่างใด เพราะนอกจากความจริงเกี่ยวกับตัวละครหลักที่เป็นโรคร้ายซึ่งมีแต่ต้องตายสถานเดียวแล้ว หลายๆ ฉากในหนังยังวนเวียนอยู่กับโรงพยาบาล ยา และหมอ ซึ่งเน้นย้ำถึงความป่วยไข้ไร้สุขที่ใครๆ ก็คงไม่อยากพบเจอในชีวิตจริง
ว่ากันที่ความแรงของเนื้อหาไม่ได้อยู่ที่ฉากเซ็กซ์โจ่งแจ้งอย่างที่ใครคาดหวัง (หรืออย่างที่หนังเกย์หลายๆ เรื่องชอบเอามาใช้เป็นจุดขาย?) เพราะนอกจากฉากเปลือยกายวับๆ แวมๆ ไม่กี่ฉากแล้ว สิ่งที่รุนแรงที่สุดน่าจะเกี่ยวกับสมาคมชาวเซ็กซ์คลับที่ตัวละครหลักเผลอไผลเข้าไปมีเอี่ยวด้วย แน่นอนว่า มันเป็นเซ็กซ์คลับที่บริการทางเพศทุกรูปแบบ แต่สิ่งที่หนังนำเสนอให้เห็นอยู่หลายฉากหลายช็อตก็คือเซ็กซ์แนวซาดิสต์ (มีหมด ทั้งมัดมือมัดเท้าแล้วเฆี่ยนด้วยเข็มขัด ไปจนถึงตรึงรัดลูกอัณฑะด้วยอุปกรณ์อันพิลึกพิลั่น!!)
ขณะเดียวกันนั้น สถานบันเทิงอันล่อแหลมต่อศีลธรรมอย่างโรงหนังโป๊ก็เป็นอีกที่หนึ่งซึ่งเกย์หนุ่มพาตัวเองเข้าไปใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ และโรงหนังที่ว่านี้ก็คล้ายๆ กับโรงภาพยนตร์ในหนังอย่าง Porn Theater ซึ่งภูมิใจเสนอ Adults Movie โดยเฉพาะ
และที่สำคัญไปกว่านั้น โรงหนังแบบนี้ไม่ใช่แค่เพียงสถานที่สำหรับทัศนาหนังเรทเอ็กซ์ แต่ยังเปรียบเสมือน “โลกเฉพาะ” ที่คนขี้เหงาในสังคม (ส่วนใหญ่ก็คือเกย์) สามารถไปแสวงหาความรื่นรมย์ทางเพศรสได้เช่นกัน และหนังก็เล่าให้เห็นภาพแบบผ่านๆ ว่า ขณะที่บทรักในจอหนังดำเนินไปอย่างเร่าร้อนนั้น คนดูในโรงบางคนก็หันหน้ามาจับคู่เมคเลิฟกันสดๆ ตามมุมต่างๆ ของโรงหนังอย่างไม่กังวลกับสายตาของใครอื่น!!
มาถึงตรงนี้ คงเริ่มสงสัยกันแล้วใช่ไหมครับว่า ตกลง A Year without Love เป็นหนังโป๊ใช่หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ใช่เลย และโดยส่วนตัว ผมก็คิดว่า นี่ไม่ใช่หนังที่ตั้งหน้าตั้งตาขายอารมณ์แตกเปลี่ยวของเกย์ขี้เหงาแต่อย่างใด แม้ว่าตัวละครหลักของเราจะเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับอโคจรสถานหรือกิจกรรมทางเพศค่อนข้างมาก แต่สิ่งเหล่านี้ก็มีส่วนอย่างมากเช่นกันที่ทำให้เกย์หนุ่มอย่างเปเรซผ่านพ้นคืนวันอันหมองหม่นได้ง่ายขึ้น นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า เปเรซเองก็คงคาดหวังอยู่บ้างว่า สถานที่เหล่านี้ (โรงหนังโป๊เอย เซ็กซ์คลับเอย) “อาจจะ” เป็นช่องทางหนึ่งซึ่งนำพาให้เขาไปพบกับรักแท้ที่ใฝ่หา (นอกเหนือจากการประกาศโฆษณาหาคู่ในหน้านิตยสารเกย์)
ว่ากันอย่างถึงที่สุด เนื้อหาสาระที่ผลงานชิ้นนี้ถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน คือเรื่องราวของคนคนหนึ่งซึ่งพยายามเดินทางตามหารักแท้ แต่รักแท้ที่ว่านั้นก็ดูเหมือนจะไร้ตัวตนให้จับต้องได้อย่างสิ้นเชิง แม้หนังจะพยายามทำให้เราเห็นว่า หลายๆ ครั้ง ชีวิตของเกย์หนุ่มดูท่าว่าจะได้พบกับ “แสงสว่าง” (หมายถึงความรัก) บ้าง แต่เอาไปเอามา แสงสว่างที่ว่านั้นก็พลิกผันกลับกลายเป็นเพียง “ภาพลวง” ไปในพริบตา และภาพลวงนั้นก็ย้อนกลับมา “โบยตี” หัวใจที่บาดเจ็บอยู่แล้วของเปเรซให้เจ็บซ้ำหนักขึ้นไปอีก
ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนักใจว่า สำหรับเกย์หนุ่มในหนังเรื่องนี้ อย่างไหนจะเจ็บปวดกว่ากัน ระหว่าง...การเป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางเยียวยา....หรือการได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่มีผู้ใดเลยที่ประสงค์สิ่งใดมากไปกว่า “เสพสุข” จากเนื้อหนังมังสาของเขา...
หนึ่งขวบปีกับการแสวงหาความรักของเปเรซ จะต้องจบลงด้วยการเป็นแค่เพียง “ขวบปีที่ไร้รัก” (A Year without Love) อย่างนั้นจริงๆ หรือ ?
หรือผู้คนในโลกนี้เลิกพูดคำว่า “Love” กันหมดแล้ว ? (และหันไปสมาทานคำว่า “F*CK” เป็นสรณะกันมากขึ้น ?)
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับในศักยภาพของผู้กำกับเจ้าของผลงานชิ้นนี้ “อนาฮี เบอร์เนรี” ที่แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่ A Year without Love ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ความเป็นหญิงไม่เป็นอุปสรรคเลยแม้แต่น้อย ในการที่เธอจะเข้าถึงและถ่ายทอดโลกของเกย์ได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง
ขณะเดียวกัน ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะมีจังหวะจะโคนตลอดจนประเด็นหลักที่ดูจะหนักๆ ไปทางดราม่าเศร้าหม่น แต่การเล่าเรื่องกลับไม่ได้จงใจบิวท์อารมณ์คนดูแต่อย่างใด โดยปล่อยให้เรื่องราวไหลไปเรื่อยๆ อย่างเป็นลำดับขั้นตอนเหมือนเหตุการณ์ในชีวิตจริงๆ
ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับ “สายตา” ของคนดูแต่ละคนว่าจะรู้สึกหรือตีความอย่างไรในทุกๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้น
หมายเหตุ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายเฉพาะที่โรงหนังเฮาส์ อาร์ซีเอ แห่งเดียวเท่านั้น