xs
xsm
sm
md
lg

จอห์น เมเยอร์: เทพกีตาร์องค์ใหม่แห่งศตวรรษที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในหนังขวัญใจคนกีตาร์อย่าง Crossroads ผลงานเมื่อปี 1986 ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มมือกีตาร์คลาสสิกที่ดันไปหลงใหลในกลิ่นอายของดนตรีบลูส์แบบถอนตัวไม่ขึ้น จนออกเดินทางร่วมกับปรมาจารย์บลูส์ วิลลี บราวน์ เพื่อตามหาบทเพลงลำดับที่ 30 ที่สูญหายไปของ โรเบิร์ต จอห์นสัน เทพเจ้าแห่งเดลต้า บลูส์ จนนำไปสู่ฉากการดวลกันของเขากับมือกีตาร์ที่ขายวิญญาณให้กับปีศาจ ที่นำแสดงโดย สตีฟ ไวน์

ในหนังสิ่งที่เจ้าหนุ่มหน้าหยกที่นำแสดงโดย ราล์ฟ แมคชิโอ ต้องพิสูจน์ตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องได้แก่การเป็นยอดมือกีตาร์รุ่นใหม่ผู้ไม่เคยสัมผัสชีวิตแบบชนบทอันเป็นเบ้าหลอมของดนตรีที่กลั่นกลองความแยกแค้นของชีวิตออกมาเป็นบทเพลงอย่างดนตรีบลูส์เลยซักครั้ง

คุณลักษณะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในตัวของ จอห์น เมเยอร์ มือกีตาร์หนุ่มวัย 30 ผู้ที่ผันตัวจากมือคลาริเน็ตตอนม.ต้น หลังจากได้ดูการโซโลอันสุดสะเด่าของ มาร์ตี้ แม็คฟลาย ในเรื่อง Back to the Future กลายมาเป็นมือกีตาร์หน้าหยกประจำวงการทุกวันนี้ ที่นอกจากมีสาวๆ ตามกรี๊ดเขาทุกๆ ที่ๆ ที่ไปแล้ว เหล่าเซียนเพลงก็ยอมรับกันทั่วว่าผู้นี้นี่เองที่จะมาเป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมระหว่างศิลปินบลูส์รุ่นเก๋าที่กำลังโรยลาไปเพื่อให้แฟนเพลงรุ่นใหม่ได้ซึมซับกับเนื้อหาของศิลปะดนตรีที่แท้จริง

ท่ามกลางข่าวคราวเรื่องสาวๆ ในวงการทั้งอดีตและปัจจุบันของเขาที่มีให้ได้ยินกันไม่เว้นแต่ละวัน Where the Light Is ผลงานบันทึกการแสดงสดรูปแบบซีดีและดีวีดีที่เพิ่งจะออกมาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เหมือนเป็นการย้ำเตือนความทรงจำแก่แฟนเพลงว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาอยู่ที่ไหน

RT: ในฐานะเด็กชาวกรุง อะไรทำให้คุณสนใจหันมาเล่นเพลงบลูส์

JM: มันแทบจะเป็นวิญญาณของผม จนผมคิดว่าเกิดมาเพื่อจะเล่นมัน การได้ฟัง สตีวี เรย์ วอห์น ครั้งแรกทำให้ผมค้นพบไวยกรณ์ที่สมบูรณ์แบบของบลูส์ ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำอย่างนั้นให้ได้บ้าง เขานำให้ผมไปสู่ผู้คนอย่าง จิมมี เฮนดริกซ์, อัลเบิร์ต คิง, อัลเบิร์ต คอลลินส์, เฟรดดี คิง และ บัดดี กาย และทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นศิษย์ที่นอบน้อมต่อท่านเหล่านั้นเหมือนตอนที่ผมจับกีตาร์ครั้งแรกเมื่อตอน 13 ขวบ

RT: ตอนนี้กีตาร์มีความหมายต่อคุณอย่างไร

JM: สำหรับผม มันเป็นเครื่องมือที่นำผมมาสู่โลกแห่งแสงสีอย่างแท้จริง แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครจะเอาสิ่งนี้มาทำให้ผมหลงระเริงไปกับมันได้ เพราะผมไม่ได้มามือเปล่า คุณไม่สามารถขึ้นไปบนเวทีแล้วดีดกีตาร์เพราะคิดว่ามันเท่ๆ ได้ กับกีตาร์ คุณต้องดึงสิ่งที่อยู่ในตัวคุณออกมา มันเหมือนเป็นโล่ที่คอยป้องกันทุกๆ คนที่พยายามพรากเอาหัวใจและวิญญาณของคุณไป มันเป็นเครื่องมือสำหรับการปลดปล่อยตัวตนอย่างแท้จริง เสแสร้งกันไม่ได้

RT: คุณกังวลบ้างไหมว่าเพลงป็อปอันโด่งดังของคุณจะมากลบชื่อเสียงในการเล่นกีตาร์ของคุณไปเสียแทน

JM: ผมรู้ดีเมื่อมีคนเข้ามาพูดกับผมว่า "ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นของจริงหรอก ฉันไม่ต้องการให้ใครเอาเขาไปเทียบกับคนอย่างบัดดี กาย" ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่โคตรเซ็งสำหรับผมทีเดียว เพราะว่าถ้าเกิดผมไม่ใช่ตัวผม ผมจะเดินไปยืนที่หน้าตัวเองแล้วท้าว่า "อีก 15 ปีพิสูจน์ให้เห็นซิว่านายทำได้ แล้วบางทีฉันจะค่อยกลับมาคิดเรื่องยอมรับในตัวนาย" เพราะเงินใช้ซื้ออะไรก็ได้น่ะพวก แต่การเล่นกีตาร์มันเป็นสิ่งที่คุณต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตในการพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์

RT: ช่วงเวลาวิเศษสำหรับกีตาร์ของคุณคือตอนไหน

JM: หนึ่งในท่อนโซโลกีตาร์ที่ดีที่สุดสำหรับผมคือเพลง Hero of the Day ของ Metallica, เอริค แคลปตัน นั้นก็มีหลายเพลงที่เขาเล่นบลูส์ได้ถึงกึ๋นจริงๆ แต่เขาเล่นอะไรมากกว่าเรื่องทางเดินคอร์ดอย่างในเพลง Old Love และ Wonderful Tonight แต่ถ้าพูดถึงการโซโลล้วนๆ ตอนท้ายของเพลง Let's Go Crazy ของ Prince เป็นอะไรที่โดนมากๆ แต่สำหรับผม หัวใจสำคัญมันอยู่ที่แนวประสานและการไหลของท้วงทำนองในคอร์ดต่างๆ ที่เป็นตัวส่งเสริมการเล่นกีตาร์ คนฟังเขาติดหูกับคอร์ด สำหรับผม จิมมี เฮนดริกซ์ คือนักเขียนเพลงน่ะครับ

RT: ตอนที่คุณกำลังโซโลอย่างดื่มด่ำ ในหัวคุณกำลังคิดถึงอะไรอยู่

JM: คุณจะลืมสิ่งที่เป็นตัวคุณ และผมต้องใช้ความมั่นใจอย่างมากที่จะไปให้ถึงตรงนั้น มีบางคืนที่ผมรู้สึกเหมือนว่าเท้าไม่ได้แตะพื้น ผมไม่รู้ตัวว่าได้ล่องลอยไปอยู่ที่ไหน มันเป็นอะไรที่หลุดโลกมากๆ ใกล้เคียงกับความรู้สึกที่ว่าฟันเฟืองในตัวผมได้ถูกปลดเปลื้อง มันเหมือนกับว่าผมเอื้อมไปเจอซิปที่แผ่นหลัง แล้วถอดจิตวิญญาณออกจากร่าง ณ เดี๋ยวนั้น

RT: คุณเป็นพวกที่ไล่ล่าหาโทนกีตาร์ที่สมบูรณ์แบบอยู่เนื่องๆ คุณคิดยังไงเกี่ยวกับมัน

JM: มันเต็มไปด้วยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ผมเกลียดมากๆ เหมือนกับว่าโทนกีตาร์ที่ดีมีรูปแบบที่ตายตัว แต่ส่วนตัวผมต้องการให้มันออกมาเหมือนเสียงร้อง เท่านั้นเอง เสียงร้องที่พูดกลับมาหาคุณในโทนเสียงที่คุณไม่ได้คาดคิด ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่เหมือนตัวคุณซะทีเดียว เพราะคุณต้องการฟังสิ่งที่มันพูดกลับมาหาตัวคุณ

RT: คุณคิดอย่างไรต่อความโด่งดังของเกม Guitar Hero ทุกวันนี้

JM: ผมเองก็ไม่อยากเป็นคนที่พูดอะไรสวนกระแสที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่หรอกน่ะ แต่เกมอย่าง Guitar Hero นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมอบประสบการณ์การเล่นกีตาร์ให้กับคนทั่วไปที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรกับมันเลย ซึ่งหลังจากคุณได้ลองทั้งสองอย่างแล้ว ก็จะรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะมาแทนการเล่นกีตาร์จริงๆ ไปได้ ง่ายๆ เลยน่ะ คุณอยากจะขับอะไรล่ะ ระหว่างเฟอร์รารี หรือพวกรถเด็กเล่นในสวนสนุกที่วิ่งแต่บนราง?

RT: คุณคิดอย่างไรที่ทุกวันนี้เด็กๆ สามารถเข้าถึงดนตรีได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับการทำเพลงเป็นของตัวเองอย่างสะดวกสบาย

JM: มันจริงที่ว่าเดี๋ยวนี้คุณสามารถลองบันทึกเพลงเพี้ยนๆ ซักเพลงออกมาได้ภายในคืนนี้เลย คุณกับเพื่อนช่วยกันถ่ายรูป ภายใน 20 นาทีก็อาจจะได้ชื่อวง, รูปวง, เว็บไซต์ส่วนตัว พร้อมโลโก้ ครั้งแรกที่ผมได้ที่บันทึกเสียงสี่แทร็คผมก็ไม่ได้เขียนเพลงน่ะ ผมเอามันมาอัดเสียงร้องเพลงชาติแบบประสานหลายๆ เสียงเท่าที่ผมจะร้องได้ เพราะว่าคุณต้องการมีประสบการณ์กับเทคโนโลยีเสียก่อน ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ผมพยายามจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้มากกว่าจะพูดแต่คำว่า "โถ่ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน"

RT: ถ้านายจอห์น เมเยอร์ตอนอายุ 16 มาเห็นสิ่งที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้บนเวทีเขาจะพูดอะไรบ้าง

JM: ผมคงพูดว่าผมชอบเพลงบลูส์ ผมชอบที่คุณเล่นเพลงบลูส์ให้ผมฟัง เพราะมันเป็นการปลดปล่อยผมจากความไร้เดียงสาทางดนตรี

ผมจะไม่สร้างตัวตนแค่การโซโลของผมเท่านั้น ผมจะสร้างตัวตนในการผสมผสานทั้งเรื่องการเล่นนำ, เล่นตามจังหวะ, ร้องเพลง ผมพยายามสร้างเอกภาพทางเสียงจากองค์ประกอบของการร้อง, เขียนเพลง, ทางเดินคอร์ด, โซโล, ริธึม, ทำนอง, เสียงประสาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะกรองกันเข้าเป็นเสียงหนึ่งเดียว และเสียงอันเป็นเอกลักษณ์นั้นจะเป็นสิ่งที่ผมเรียกว่าเป็นตัวตนที่แท้จริงของผม



John Frusciante, John Mayer and Derek Trucks
Trinity of New Guitar Gods
กำลังโหลดความคิดเห็น