xs
xsm
sm
md
lg

เอ็ดดี แวน เฮเลน: 12 โน้ตเท่ากัน...ที่เหลือคือจินตนาการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


80 นับเป็นยุคที่เสียงกีตาร์แผดเสียงก้องกังวานมากที่สุดในโลกดนตรี มีมือกีตาร์ชั้นยอดแห่งวงการเพลงร็อคผุดขึ้นมาท้าทายรัศมีของตำนานในทศวรรษก่อนกันอย่างมากมาย ซึ่งผู้ที่ได้ชื่อว่าเปรียบดังเป็นสะพานเชื่อมต่อโลกของกีตาร์แห่งยุค 70 ที่สุขุมลุ่มลึก มาถึงยุค 80 ที่การเล่นกีตาร์พัฒนาไปสู่ความหวือหวาแหวกแนวอย่างไม่เคยมีมาก่อน คงไม่พ้นขุนขวานเลือดดัชท์-อเมริกันอย่าง เอ็ดดี แวน เฮเลน

หลังจากต้องต่อสู้กับโรคมะเล็งที่ปากและลิ้น (จากบุหรี่และการใช้ปากคาบปิ๊กโลหะเป็นเวลานาน) เขาก็กลับมาฟอร์มวง Van Halen อีกครั้งด้วยการกลับมาของคู่หูเก่า เดวิด ลี รอธ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวทั้งพี่ชายในตำแหน่งมือกลอง และวูลฟ์กัง ลูกชายที่มาแทนที่ในตำแหน่งมือเบสของวง

การมาเปิดใจใน The 100 Greatest Guitar Songs of All Time ของ Rolling Stone ครั้งนี้ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้แฟนๆ รุ่นใหม่ที่ได้ยินชื่อเขาผ่านทางเกม Guitar Hero ได้รู้ว่าการได้มาซึ่งเสียงกีตาร์อันเป็นพิมพ์เขียวของวงการมาหลายทศวรรษนั้นยากกว่าที่เล่นในเกมเป็นไหนๆ

RT: คุณเริ่มเล่นกีตาร์อย่างไร

EVH: พี่กับผมถูกบังคับให้เรียนเปียโน ซึ่งมันน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย ผมได้ยินเสียงเพลงในหัว แต่ไม่อนุญาตให้เล่นมันออกมา จนกระทั้งผมเริ่มซื้อกลองชุดมาหัดตี ตอนเดียวกับที่แม่แนะนำให้อเล็กไปเรียนกีตาร์ฟลามิงโก ผมต้องขับจักรยานส่งหนังสือพิมพ์เพื่อหาเงินซื้อกลองชุด แต่กลายเป็นว่าตอนที่ผมเอาเวลาไปส่งหนังสือ อเล็กมันดันมาเล่นกลองของผมจนเก่ง ผมเลยบอกว่า "โอเค ไอ้บ้า เอากีตาร์มาเลย"

RT: เพลงแรกที่หัดเล่นคือเพลงอะไร

EVH: ของวง The Ventures ทั้ง Pipeline กับ Wipe Out อะไรทำนองนั้น เราสองพี่น้องชอบ Dave Clark Five แต่มันไม่มีกีตาร์มากเท่าไหร่

จำได้ครั้งแรกที่ผมปรับเสียงแอมป์ไปที่ 10 และทำเสียงแตก ผมได้แต่ตะโกนว่า "เย้ โคตรมันเลยว่ะ"

RT: สุดท้ายคุณก็เอาเพลงจากยุค 60 อย่าง You Really Got Me ของ Kinks มาเล่นใหม่ในผลงานชุดแรกของคุณ

EVH: ในหลายๆ โชว์ของเรา เราเคยเล่นเพลงนั้นกับเพลง All Day and All of the Night กับเพลงร็อคเก่าๆ อะไรพวกนั้น ผมชอบนักที่จะเอาเพลงเก่าๆ มาดัดแปลงใหม่ เหมือนทำให้เครื่องบินธรรมดากลายมาเป็นเครื่องบินเจ็ท

RT: วง Kinks มีความหมายกับคุณแค่ไหน

EVH: ผมชอบฟังเพลงหลากหลาย จริงๆ ผมไม่อยากให้ใครหาว่าเป็นพวกโลกแคบน่ะ แต่ผมไม่ค่อยปลื้มวงไหนมากนักนอกจาก Cream เลย และเดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยฟังเพลงรุ่นใหม่แล้วด้วย แผ่นสุดท้ายที่ผมซื้อคือ So ของ ปีเตอร์ แกเบลียล โน่น

สำหรับ Cream ผมชอบการแสดงของเขาเป็นพิเศษ คุณรู้ไหม พวกเขาเป็นตัวอย่างของคำว่า "อะไรที่แตกต่างระหว่างแจ๊สกับร็อค แอนด์ โรล? เราแค่เล่นเสียงดังกว่า" เท่านั้นเอง เรามี 12 โน้ตเท่ากัน ที่เหลือคือจินตนาการ

RT: นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณได้สร้างขึ้นมาคือวิธีการ "จิ้ม 2 มือ" คุณไปเอาความคิดนี้มาจากไหน

EVH: ผมเคยเห็น จิมมี เพจ เคยใช้วิธีจิ้มด้วยมือเดียวกับเพลง Heartbreaker ผมเคยคิดว่า "เราเล่นอย่างนั้นได้นี่หว่า" แล้วคุณก็ไม่รู้หรอกว่าผมใช้มือซ้ายหรือมือขวาเล่น เพราะผมจะหันหลังเล่นเสมอ จนมีคนมาบอกว่า "คุณต้องมีมือโคตรใหญ่แน่ๆ เลยพวก ถึงได้ลีดกระจายอย่างนี้!"

RT: มันเลยกลายเป็นเสียงที่คนเลียนแบบมากที่สุดในวงการฮาร์ดร็อคในยุคต่อมา

EVH: อ้าว อย่ามาโทษผมซิ การจิ้มเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นของผมมาตั้งแต่ปี 72 แล้ว ตั้งแต่ยุคแรกแล้วที่พี่ผมมันสั่งให้ผมหันหลังเวลาเล่นบนเวที เพื่อไม่ให้คนรู้ว่ามันทำได้ยังไงจนกระทั้งเราออกผลงานชุดแรก

RT: คนเลยคิดว่าคุณเป็นมือกีตาร์มาจากดาวอังคารไปเลยหรือเปล่า

EVH: ผมจำได้เมื่อนานมาแล้วตอนที่เปิดการแสดงอยู่แล้วมีคนมาแจ้งว่า "ค่าย A&M มาที่นี่เพื่อดูคุณเล่น" เขาคนนั้นคือ เฮิร์บ อัลเพิร์ต ผู้ก่อตั้ง A&M นั่นเอง แต่ผมไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลยหลายปีผ่านไป ที่เขามาเปรยกับผมว่า "สิ่งผิดพลาดที่สุดในชีวิตผมคือการเคยหันหลังให้กับพวกคุณ" ผมก็ตอบไปว่า "ผมก็จำตอนที่คุณสบประมาทได้เหมือนกัน คุณบอกว่าเสียงกีตาร์มันไซคีเดลิคเกินไป มีพลังที่ควบคุมไม่ได้มากเกินไป" แล้วผมก็ถามว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น เขาก็แก้ตัวว่า "ก็ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่เพราะมันโคตรจะแปลกประหลาดสิ้นดี" สำหรับเขาแล้วมันสุดโต่งเกินไป

RT: ท่อนบรรเลงอันยอดเยี่ยม Eruption เป็นผลมาจากการสร้างสรรค์ระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตหรือเปล่า

ไม่ ไม่ใช่เลย ตอนนั่นเราบันทึกเสียงผลงานชุดแรกที่ Sunset Sound ในฮอลลีวูด เราก็อุ่นเครื่องสำหรับการแสดงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ Whisky กันอยู่ ตอนนั้นผมแค่ซ้อมมือเล่นๆ เท่านั้น และ ดอน แลนดี ที่เป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ บังเอิญไปกดอัดเสียงมันเอาไว้ มันไม่ได้ถูกวางแผนจะบันทึกเสียงในอัลบั้มด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งที่ได้ยินในแผ่นมันเป็นเรื่องที่บังเอิญสุดๆ มันเป็นแค่อุบัติเหตุก็เท่านั้น

RT: ผู้คนไม่ค่อยยกย่องการเล่นริธึมกีตาร์ของคุณเท่าที่ควรหรือเปล่า

นักดนตรีที่แท้จริงในวงการยกย่องการเล่นริธึมของผมมากกว่าการโซโลเสียอีกจะบอกให้ เพราะส่วนใหญ่แล้วการโซโลมันเกือบจะเหมือนกับเรื่องไร้สาระ เป็นการโชว์ออฟเสียมากกว่า นอกเสียจากว่าคุณจะอิมโพรไวส์เมโลดีจากตัวเพลงๆ นั้นออกมาอย่างแท้จริง แต่ธรรมชาติแล้วผมเป็นมือกีตาร์ริธึมน่ะ อย่าลืมว่าวงผมมีกีตาร์ตัวเดียว ผมต้องรับผิดชอบทั้งหมด

ส่วนตัวแล้วผมเชื่ออยู่เสมอว่าดนตรีควรนำเสมอโดยไม่มีเนื้อร้อง ดูอย่างเบโธเฟนซิ เพลงเขา(ส่วนใหญ่)ก็ไม่มีเสียงร้องเหมือนกัน

RT: มีใครไหมที่พัฒนาเสียงกีตาร์ไปได้ไกลกว่าที่คุณทำเอาไว้ใน Van Halen

มันยากที่จะพูดน่ะ โดยเฉพาะสมัยนี้เอฟเฟคต่างๆ และ Pro Tool ทั้งหลายที่ออกมาเดี๋ยวนี้ จนคุณไม่รู้ว่าเสียงอะไรเป็นอะไรไปแล้ว

RT: ได้ข่าวว่าคุณเริ่มเขียนเพลงใหม่บ้างแล้ว

EVH: ใช่ ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้เขียนเพลงมากนักเพราะเรากำลังทัวร์กันอยู่ มีเทปนับพันๆ ที่ผมอัดทิ้งเอาไว้ หลายชิ้นถ้าคุณได้ยินต้องประหลาดใจแน่ๆ ตั้งแต่สำเนียงอันหวานแหววจนถึงประหลาดหลุดโลก ผมจะทดลองซาวด์ใหม่ๆ เสมอ

RT: คุณจินตนาการ Van Halen ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าไว้อย่างไร

EVH: ผมก็ไม่ได้วางแผนเหมือนกันน่ะ ทัวร์นี้จะจบลงวันที่ 2 มิ.ย. แล้วเราจะพักผ่อนกันช่วงหนึ่ง และมานั่งถกกันถึงแผนที่จะทำต่อไป แต่ทุกอย่างจะเกี่ยวกับดนตรีล้วนๆ

RT: คุณวางแผนสำหรับทัวร์ต่อไปอย่างไร

EVH: คุณรู้ไหม มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว มันเป็นธรรมชาติของผม เป็นเรื่องเดียวที่ผมเชี่ยวชาญ (หัวเราะ) จะให้พูดผมก็หวังว่าเพลงที่พวกเราแต่งจะผ่านการทดสอบของกาลเวลาต่อๆ ไป


Eruption
กำลังโหลดความคิดเห็น