สำหรับแฟนๆ Saturday Night Live คงคุ้นเคยกับ ทีน่า เฟย์ เป็นอย่างดี นอกเหนือจากการเป็นดาราตลกในรายการโทรทัศน์อันโด่งดังชุดนี้แล้ว เธอยังรับหน้าที่เขียนบทอีกด้วย
ภาพลักษณ์ของเธอ เป็นผู้หญิงเงอะๆ งะๆ ปากดี แต่ไม่ปากจัด หนหนึ่ง เธอเคยเรียกปารีส ฮิลตันว่า A Piece of Shit – ซึ่งไม่ได้ทำเพราะสนุกปาก เธอบอกเหตุผลว่า ปารีสทำตัวราวกับภาคภูมิใจในความโง่ของตัวเอง โดยไม่เคยเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ สนุกไปวันๆ และไม่เคยแคร์ว่าใครจะเดือดร้อน
ฟังดูแล้ว เฟย์ควรจะเข้าข้างพวกสตรีนิยมมากๆ ซึ่งก็เปล่าเลย มุกตลกส่วนใหญ่ของเธอ วนเวียนอยู่กับข้อด้อยในชีวิตของเธอเอง มีเรื่องขำขันอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอเล่า - - เป็นเรื่องของโสเภณีฝรั่งเศสที่ส่งแฟ็กซ์ไปยังรัฐบาลเพื่อร้องเรียนปัญหาการแย่งลูกค้ากับโสเภณีจากยุโรปตะวันออก
เฟย์สงสัยว่า ทำไมโสเภณีเหล่านั้นถึงใช้วิธีการส่งแฟ็กซ์? ในซ่องมีแฟ็กซ์ใช้ด้วยหรือ? และพวกนั้นส่งแฟ็กซ์กันอย่างไร? เพราะการส่งแฟ็กซ์ถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และเธอก็ไม่เคยทำสำเร็จเลยสักครั้ง “โอ้ ตายแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมสามีถึงชอบด่าฉันว่า เธอนี่มันโง่ยิ่งกว่าโสเภณีฝรั่งเศสซะอีก”
วิสัยทัศน์อันแหลมคมของเธอ เห็นเป็นรูปธรรมใน Mean Girls ที่เธอเขียนบท ปฏิเสธไม่ได้ว่า บทสนทนาของหนัง Chick Flick เรื่องนั้น คมคายและจับใจเป็นอย่างยิ่ง มันอุดรอยรั่วอันเบาหวิวของพล็อตได้ชะงัด
และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ ถึงความสำเร็จของซีรีส์ 30 ROCK ที่เธอเป็นคนเขียนบทและอำนวยการสร้าง เธอกวาดรางวัลใหญ่ๆ จากทั้งลูกโลกทองคำ เอมมี่ และล่าสุดทั้งเธอ กับ อเล็ก บอลด์วิน ก็คว้ารางวัลดารานำสาขาซีรีส์ตลกจากเวที SAG Awards มาครอง
กล่าวสำหรับเฟย์ เธอเอาชนะคู่แข่งมหาโหด ตั้งแต่ อเมริกา เฟอร์เรรา, วาเนสซ่า วิลเลี่ยมส์ จาก Ugly Betty, คริสติน่า แอปเปิ้ลเกต จาก Samantha, Who? และ แมรี่-หลุยส์ ปาร์เกอร์ จาก Weeds – ซึ่งต่างคนก็ต่างมีอาวุธลับที่ร้ายกาจพอกัน
30 ROCK ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของทีน่า เฟย์ คราวที่เธอทำงานเป็นหัวหน้านักเขียนบทที่ Saturday Night Live (30 ROCK ย่อมาจากที่อยู่ของสถานีโทรทัศน์ NBC) ปัญหาที่เธอต้องจัดการมีตั้งแต่สู้รบกับทีมครีเอทีฟอีโก้สูง, เรื่องวุ่นวายของดารา, ความเรื่องมากของเจ้านาย ไปจนถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของสถานี
ศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ ลิซ เลม่อน (เฟย์) หัวหน้าทีมเขียนบทของรายการตลกซึ่งมี เทรซี่ จอร์แดน เป็นดารานำ เรื่องเวียนหัวที่เข้ามามะรุมมะตุ้มเลม่อนมาจากย่อหน้าข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากหัวหน้าของเธอ แจ๊ค โดนาฮี (บอลด์วิน) ที่รังแต่จะสร้างปัญหาด้วยนิสัยส่วนตัวที่อธิบายได้สั้นๆ ว่า เขาเป็นคน “ประสาทรับประทาน” อย่างแท้จริง
ความขัดแย้งของแต่ละตอน คือการพยายามประคับประคองงานให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
30 ROCK โดดเด่นอย่างมากจากบทสนทนาที่ดูไป 3 รอบ คุณก็จะสามารถเจอมุกใหม่ได้เรื่อยๆ ทั้งนี้เนื่องจากมันเป็นมุกที่ตั้งใจปล่อยให้ผ่านเลย โดยไม่ได้เน้นย้ำให้มันสลักสำคัญ และคนดูต้องอาศัยความว่องไวมากๆ เพื่อที่จะตามให้ทัน
นอกเหนือจากความเฉียบคมและชาญฉลาดของบท ลีลาอันจัดจ้านของนักแสดงก็ถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวประกอบรายรอบทั้งหลายที่พกพาเขี้ยวเล็บกันมาคนละเท่าๆ กัน (เจน คราโควสกี้ ในบท เจนน่า อาการหนักที่สุด)
เจอร์รี่ ไซน์เฟลด์ มาเล่นบทรับเชิญในตอนเปิดของซีซั่นที่ 2 เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมกะจะไม่เล่นอะไรไปอีกสัก 2-3 ปี แต่ 30 ROCK เป็นซีรีส์ตลกที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมอยากทำงานกับคนเหล่านี้”
..........
ถ้าบ้านใครติดตั้งเคเบี้ลทีวีและสามารถรับชมช่อง BBC Entertainment ได้ ผมขอแนะนำให้ชม Absolutely Fabulous ซึ่งเป็นซีรีส์ตลกเก่าแก่ที่ไร้สติสัมปชัญญะมากเหลือเกิน แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นงานที่เลว ตรงกันข้าม ทีมงานของซีรีส์ชุดนี้ คงทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง มันถึงได้เต็มไปด้วยพลังและเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้
Absolutely Fabulous สร้างสรรค์ เขียนบท และแสดงนำโดย เจนนิเฟอร์ ซอนเดอร์ส นักแสดงตลกชื่อดังของอังกฤษ เล่าเรื่องราวของ เอดิน่า(ซอนเดอร์สรับบทนี้เอง) นักพีอาร์สาวใหญ่ที่เป็นโบราณวัตถุตกค้างจากยุค 70 กล่าวคือ เธอเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการบริษัทโฆษณาและประชาสัมพันธ์ มีธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาล และอยู่ในแวดวงไฮโซ ผิดแต่เพียงพฤติกรรมอันหลุดโลกของเธอที่รักสนุกแบบฮิปปี้ เอาแต่ใจตัวเอง โหยหาอดีตที่เคยรุ่งเรือง (เธออ้างว่าได้นอนกับเดอะ โรลลิ่ง สโตน ยกวง) และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเธอก็คือ เธอไม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีต่อ แซฟฟรอน (จูเลีย ชวาลา) ลูกสาวที่แสนจะน่ารักและเรียบร้อยของเธอได้
ตัวละครที่สำคัญอีกตัว และเป็นตัวละครที่แสบที่สุด คือ แพทซี่ (โจอานา ลัมลีย์) เพื่อนซี้ที่คบกับเอดิน่ามาตั้งแต่เด็กๆ แพทซี่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า แซฟฟรอนคือผลผลิตแห่งความผิดพลาดในยุค Sex, Drug, Rock ‘n Roll ที่เอดิน่าประสบมา เธอเรียกหลานสาวตัวเองว่า “Bitch” ทุกครั้ง เหมือนเป็นเรื่องปกติ พร้อมๆ กับพยายามผลักไสไล่ส่งเด็กสาวให้ออกไปจากบ้าน
พล็อตในแต่ละตอนไม่มีอะไรมากมาย มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เอดิน่าและแพทซี่ชอบทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต เช่น เช้าวันหนึ่ง เอดิน่าตื่นมาแล้วพบว่าตนเองอยู่ในบ้านคนเดียว เธออยากทานอาหารเช้า แต่ก็เปิดกระป๋องไม่เป็น จึงจัดการเรียกคนขับรถให้พาเธอไปหาแซฟฟรอนที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัย เอดิน่าเดินเข้าไปในห้องเรียน และขอให้ลูกเปิดกระป๋องให้เธอ ก่อนจะลากลับ หรืออีกหนหนึ่งแซฟฟรอนชวนเพื่อนๆ มาทำรายงานที่บ้าน แพทซี่ก็จัดการเอาหนังสือโป๊ โยนลงไปกลางวงสนทนา
ความแตกต่างระหว่างตัวละครตลกหญิงใน 30 ROCK และ Absolutely Fabulous คือ ในเรื่องแรกพวกเธอยังคงมีทัศนคติที่ดี และพอจะมีความอาทรหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งแตกต่างจากเอดิน่าและแพทซี่ พวกเธอเป็นคนนิสัยแย่ๆ ที่ถ้าใครได้เจอ ก็คงอยากจะตบสักฉาด เป็นคนที่ไม่มีความรักเหลือให้เพื่อนมนุษย์นอกจากกันและกัน อีกทั้งไม่ใส่ใจว่าใครจะทุกข์ร้อนอย่างไรบ้าง
เจนนิเฟอร์ ซอนเดอร์สก็ฉลาดพอที่จะทำให้คนดูรักตัวละครเหล่านี้ ถึงจะเป็นคนน่ารำคาญและน่ารังเกียจขนาดไหน แต่พวกเธอก็โง่เง่าเหลือเกิน และพวกเธอก็ได้เจอกับเรื่องน่าอับอายจากความไร้สมองอยู่เสมอๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความหลาบจำไม่เคยเกิดขึ้นในสามัญสำนึกของทั้งเอดิน่าและแพทซี่ จนคนดูอดที่จะหัวเราะไม่ได้ เอดิน่าเคยตั้งข้อสังเกตว่า บางทีอาการป้ำๆ เป๋อๆ ของเธออาจจะมาจากการสูดโคเคนมากเกินไปในช่วงยุค 70
แต่แพทซี่ ผู้ที่มักจะมีเหตุผลที่ดีกว่า ให้ความเห็นว่า “เป็นเพราะเธอตั้งท้องและคลอดลูกเลวๆ ออกมานั่นแหละ มันส่งผลกระทบต่อสมองของเธอ”