xs
xsm
sm
md
lg

มุมที่เลือกมอง : เป็นคุณจะเลือกใคร?/อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

ยามที่อยู่ในวงเหล้า กิจกรรมประจำของพวกเรา นอกจากมองและแอบนินทาสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาแล้ว การตั้งประเด็นหัวข้อขึ้นมาสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราทำเป็นประจำและช่วยให้การดื่มนั้นมีสีสันมากยิ่งขึ้น

จะว่าไปแล้วคนดื่มเหล้าเป็นวงส่วนใหญ่ก็คงจะมีบรรยากาศตรงนี้ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

ในขณะที่ใครหลายๆ คน หรือคนภายนอก คนที่ไม่ดื่มอาจจะมองว่า การพูดคุยในวงเหล้ามันจะไปมีอะไรเหมือนกับเพลง "ขี้เมากะเพราแตะ" ของ "คาราบาว" ท่อนหนึ่งที่ว่า...ขี้เมาไม่เข้าใครออกใคร พูดวนอยู่ได้กะอีเรื่องเก่าๆ เขาถึงบอกใครได้ผัวขี้เหล้า ต้องทนทั้งขี้เมา ขี้โม้ ขี้คุย...ฯ

...ทว่าในความรู้สึกของผม หากมองกันในแง่ดี อย่างน้อยๆ ผมว่าไอ้ความขี้โม้ ขี้คุยของพวกขี้เหล้าทั้งหลาย ก็นับได้ว่าเป็นการให้เกียรติกับสมอง(บางส่วน)ได้ทำหน้าที่ของมันเองกระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนจะถูกเจ้าแอลกอฮอลล์ที่ซดเข้าปากซวบๆ ไปทำลายนั่นแหละ
...
ศุกร์ที่ผ่านมา(7มิ.ย.)

หลังจากการสนทนาที่กินเวลาราวครึ่งชั่วโมงในเรื่องหัวข้อซึ่งเกี่ยวกับการที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงที่แต่งงาน(แล้ว)สามารถเลือกได้ว่าจะใช้คำว่า "นาง" หรือ "นางสาว" นำหน้าชื่อ โดยมีบทสรุปตามประสาผู้ชายว่า มันมีอะไรที่เป็นเรื่องสร้างสรรค์ซึ่งน่าจะมานั่งทำนั่งคิดมากกว่านี้แล้ว...

พี่นักข่าวคนหนึ่งก็ได้หยิบยกเรื่องที่ได้รับฟังมาจากแหล่งข่าวรุ่นพี่คนหนึ่งขึ้นมาเล่าให้ฟัง (ภายหลังได้ข้อสรุปว่า เรื่องที่ว่านี้เป็นเรื่องแปลที่มีการฟอร์เวิร์ด เมล์ ต่อๆ กันมานานแล้ว ดังนั้นรายละเอียดของเรื่องที่เป็นสิ่งแวดล้อมบางส่วน อาทิ ชื่อตัวละคร บรรยากาศ ต่างๆ จึงอาจจะมีความผิดแผกแตกต่างกันไปตามความพึงพอใจและความสามารถของผู้เล่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่ประการใดถ้าจะมีการแต่งเสริมเพิ่มเข้าไปเฉกเช่นที่ผมจะเล่าต่อไปนี้)

เรื่องมีอยู่ว่า

ณ ถนนสายหนึ่งที่ลัดเลาะไปตามเทือกเขาที่เคี้ยวคด ได้ปรากฏคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังยืนรอรถสองแถวเที่ยวเดียวที่จะผ่านมาทางหมู่บ้านมุ่งเข้าสู่ตัวเมือง

ในมือของทั้งสองเต็มไปด้วยเครื่องจักรสาน ทั้งชะลอม ตะกร้า ฯ ที่จะนำไปขาย

ไม่นานรถสองแถวคันที่รอคอยก็วิ่งเข้ามาจอดในสภาพที่ยัดเยียดไปด้วยผู้คนทั้งเด็กน้อย คนแก่ คนหนุ่มสาว และสิ่งของอีกมากมายจิปาถะ

หลังรถวิ่งเลาะเลียบไปบนถนนริมไหล่หน้าผาสูงชันได้ไม่นาน ด้วยความเบียดเสียดแออัดทั้งคนทั้งสิ่งของ ทำให้ถุงเงินที่คาดอยู่บั้นเอวของผู้เป็นภรรยาซึ่งยืนอยู่ท้ายๆ รถ ตกลงไปที่พื้นถนน จนเธอรีบต้องตะโกนลั่นเพื่อให้คนขับหยุด

ทันทีที่รถจอด ฝ่ายภรรยาก็รีบลงจากรถแล้วเดินย้อนไปเพื่อเก็บถุงเงิน ขณะที่ฝ่ายสามีเองก็ได้ก้าวเดินตามลงมาด้วยความเป็นห่วง ฉับพลันเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิขึ้น เมื่อก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งได้หลุดหล่นตกลงมาจากหน้าผา!

เปล่า มันมิได้ตกลงมาทับผู้เป็นภรรยาหรือสามีคู่นั้นแต่อย่างใด หากแต่พุ่งไปกระแทกรถสองแถวซึ่งอัดแน่นไปด้วยคนหลายสิบชีวิตกระเด็นตกลงไปสู่หุบเหวที่สูงชันในระดับที่ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทัยทีว่า คนในรถทั้งหมดต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน

หลังหายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ายภรรยาได้เอ่ยปากกับผู้เป็นสามีว่า...เป็นโชคดีของเราเหลือเกินที่ถุงเงินนั้นได้ตกลงมาเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเราก็คงจะมีสภาพอะไรไม่ต่างอะไรไปจากคนในรถอย่างแน่นอน

ขณะที่ฝ่ายสามีเองก็มิได้โต้ตอบว่ากระไร ได้แต่ก้มหน้าที่เคร่งเครียดแล้วบอกออกมาว่า...

ใช่มันอาจเป็นโชคดีของเรา แต่มันก็เป็นโชคร้ายของคนอีกทั้งคันรถที่ต้องมาตายเพราะถุงเงินของเรา!
...
แลกเปลี่ยนทัศนะคติกันพอหอมปากหอมคอเกี่ยวกับเรื่องเล่าที่ว่าจนเหล้าพร่องไปครึ่งขวด หนึ่งในรุ่นน้องก็หยิบยกเรื่องหนึ่งขึ้นมาเล่าแล้วตั้งเป็นคำถามเพื่อขอให้คนอื่นๆ แสดงความคิดเห็น (เป็นเรื่องเล่าฟอร์เวิร์ด เมล์ เช่นกัน)

เรื่องมีอยู่ว่า...วันหนึ่ง ระหว่างที่คุณขับรถไปที่โรงพยาบาล ได้ปรากฏคน 2 คนมายืนโบกรถอยู่ข้างทางเพื่อที่จะขออาศัยติดรถคุณไปด้วย

คนหนึ่งเป็นหญิงท้องแก่กำลังจะคลอดซึ่งทารนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอนหากเธอไม่ไปถึงโรงพยาบาลภายใน 10 นาที ขณะที่อีกคนนั้นเป็นหมอผ่าตัดที่มีคนไข้รอผ่าตัดอยู่ และคนไข้ของเขาจะต้องตายอย่างแน่นอนหากเขาไม่ไปถึงโรงพยาบาลภายใน 10 นาทีเช่นเดียวกัน

ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ารถของคุณนั่งได้เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และไม่ว่าจะขับเร็วเพียงใด คุณก็ไม่สามารถที่จะไปส่งคนๆ หนึ่งและย้อนกลับมารับอีกคนหนึ่งได้ภายในระยะเวลา 10 นาทีอย่างแน่นอน คำถามมีว่าคุณจะเลือกรับใครระหว่างชีวิตที่จะเกิดและชีวิตที่กำลังจะตาย?

หรือว่าจะมีวิธีการอื่นหรือไม่ที่จะสามารถรักษาชีวิตของทั้งสองไว้ได้?

ตอบแบบไหนก็ได้ครับ ไม่มีใครถูกหรือใครผิด ใครเป็นคนดีหรือคนไม่ดี

มันเป็นเรื่องของมุมที่เราเลือกจะมองครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น