หมายเหตุ 1: ข้อเขียนสัปดาห์นี้ไม่เกี่ยวกับชื่อคอลัมน์แต่อย่างใด
หมายเหตุ 2 : ข้อเขียนในวันนี้เป็นการเขียนแบบบันทึกเชิงเล่าเรื่อง(ที่มีคำหยาบ เช่น กู มึง อยู่) ผู้อ่านที่ไม่ชอบข้อเขียนในแนวนี้ควรพิจารณาให้รอบคอบเพื่อป้องกันการเสียอารมณ์และความรู้สึก
...
"ใครเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้น บอกช้านมา..."
"จริงอ้ะ อยากเห็นหน้าแฟนมันจริงๆ ว่ะ..."
"เฮ้ย! กูไม่เชื่อ อย่างไอ้...นี่นะ แต่งงาน..."
"ไม่แน่ มันอาจจะแต่งกับสาวลูกครึ่งก็ได้..."
บางส่วนของอารมณ์ความรู้สึกจากเพื่อนทั้งหญิงและชาย(หนึ่งในนั้นคือผม)ที่แสดงออกมาในทันทีทันใดที่ได้รับรู้ข่าวว่า "ไอ้โต้" เพื่อนชาวลาว กำลังจะเข้าสู่พิธีวิวาห์
เป็นอารมณ์ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความรักของพวกเราที่มีต่อเพื่อนคนนี้ได้อย่างชัดเจนว่ามากน้อยเพียงใด (555)
แต่ไม่ว่ามันจะมากหรือน้อย ทว่าหนึ่งในกิจกรรม(+ประเพณี)ที่สำคัญในชีวิตของเพื่อนที่ว่านี้มันก็ทำให้ผมกับเพื่อนอีก 4 คน ตัดสินใจได้ไม่ยากเย็นแต่อย่างใดในการเดินทางข้ามโขงสู่นครเวียงจันทน์อีกครั้งด้วยความเต็มใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา(19 - 23 มีนาคม 2551)
ที่สำคัญมันดูจะเป็นเหตุผลอย่างเป็นทางการในการอ้างเพื่อโดดงานมากกว่าทุกครั้งที่เป็นเรื่องของการไปเที่ยวเสียด้วย
...
ไอ้โต้เป็นใคร?
ไอ้โต้เป็นหนึ่งในเพื่อนนักศึกษาจากประเทศลาวที่เรียนคณะวารสารศาตร์ฯ ธรรมศาสตร์ รหัสปี '39 มาด้วยกันกับผม ซึ่งหลายครั้งที่ไปเที่ยวที่ลาวก็ได้มันนี่แหละครับเป็นไกด์ขับรถ(พ่อมัน)ที่บางครั้งเบรคเสียบ้าง เกียร์ถอยหลังเสียบ้าง ตะลุยไปตามที่ต่างๆ ทั้งในเวียงจันทน์ ไปจนถึงวังเวียง
ระหว่างที่เรียนอยู่คณะวารสารฯ นอกจากเงินเดือนของมัน(ทุนจากรัฐบาลลาว)ที่ค่อนข้างสูงจนทำให้เพื่อนบางส่วนเรียกมันว่า "เสี่ยโต้" รวมถึงการชอบเล่นเกมมากๆ แล้ว จุดเด่นของไอ้โต้อีกประการหนึ่งในเรื่องของลักษณะนิสัยก็คือ การที่มันสามารถทำให้เพื่อนๆ (โดยเฉพาะผู้หญิงที่เรียนสาขาสิ่งพิมพ์ฯ) รู้สึกรำคาญ และเอือมระอาได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์ขนาดถึงที่ว่าโกรธหรือเคือง
อธิบายยากครับว่าเป็นอย่างไร เหมือนกับว่า มันนึกอยากจะทำอะไรมันก็ทำ ถ้าเพื่อนเสนอให้มันทำเรื่องที่ หนึ่ง สอง สามสี่ มันก็ทำเรื่องที่สี่ สาม สอง หนึ่ง, จะต้องมีการยึกๆ ยักๆ ก่อน ที่จะลงมือทำ ประมาณให้กูได้เสนอเงื่อนไขของกูก่อน (แม้จะรู้ว่าเพื่อนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย) หรือถามอย่างหนึ่งมันก็ตอบไปอีกอย่างหนึ่ง แต่จะบอกว่าคำตอบของมันเป็นคำตอบที่ผิดไปจากคำถามก็ไม่เชิงเสียทีเดียวนะครับ เช่น ถ้าถามมันว่าอีกกี่ชั่วโมงมึงจะมารับ? มันจะบอกว่า เออ แป๊บนึง...ครั้นพอถามว่าแป๊บนึงของมึงครึ่งชั่วโมงได้มั้ย มันก็จะบอกว่า เออ นั่นแหละ แป๊บนึง...แต่เอาเข้าจริงๆ แป๊บเดียวของมันที่พวกเราเพื่อนๆ ตีความเข้าใจตรงกันแล้วว่าคือครึ่งชั่วโมง อาจจะเป็นหนึ่งชั่วโมง หรือสองชั่วโมง โดยที่มันเองไม่รู้สึกตัวว่ามันผิดนัดเลย
"ก็กูบอกว่าแป๊บนึง..." มันย้ำถึงความถูกของมัน
ทุกวันนี้เรียนจบไปแล้วไอ้โต้ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความพลิ้วเช่นนี้อยู่
ประมาณ 5 ปีที่แล้ว ผมกับเพื่นไปเที่ยวกันที่เวียงจันทน์โดยมีไอ้โต้เป็นไกด์ขับรถ(คันที่ว่า)พาเที่ยว หลังรับมาจากด่านผ่านแดน ไอ้โต้บอกกับเราว่าจะพาแวะไปทำธุระที่สำนักงาน(นสพ.เวียงจันทน์ ใหม่) ของมันสักครู่ พอเราถามว่าธุระอะไร มันก็บอกเออ ธุระ พอถามว่านานมั้ย(เพราะเริ่มหิว) มันก็บอก เออ แป๊บเดียว ไม่นาน
ธุระของมันในวันนั้นคือตีปิงปองกีฬาสีครับ
ถัดมาช่วงค่ำๆ ไอ้โต้บอกกับเราว่าพรุ่งนี้เพื่อนที่ทำงานของมันนัดกันไปเที่ยว แต่มันปฏิเสธไปแล้วเพราะจะต้องขับรถพาพวกเราเที่ยว ทำเอาพวกเราเกิดความซึ้งในหัวอกหัวใจกันใหญ่
รุ่งเช้าไอ้โต้จัดแจงขับรถพาพวกเราไปที่น้ำตกแห่งหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้)ด้วยความเฮฮา พอจอดรถเสร็จเรียบร้อย เหลือเชื่อทีเดียวครับ เพราะที่นี่มันเป็นสถานที่เดียวกันกับที่เพื่อนๆ ในออฟฟิศของโอ้โต้มาเที่ยวพอดิบพอดี
หลังไอ้โต้ทักทายกับเพื่อน(ร่วมออฟฟิศ)ด้วยเนื้อหาคำพูดที่จับใจความได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิ๊นบังเอิญ (ตรงข้ามกับสีหน้าและน้ำเสียงของมันที่พวกผมรู้สึกว่า มึงน่ะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนมึงมาที่นี่) ไอ้โต้ก็ขอตัวไปอยู่กับเพื่อนชาวลาว ทิ้งให้พวกผมสนุกกันเองแบบเซ็งๆ รอเวลากลับ
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่มันทำนั้นล้วนแล้วแต่มาจากความจริงใจซึ่งไม่มีพิษมีภัย พวกเราก็เลยได้ข้อสรุปว่า หากคิดจะคบไอ้โต้ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนถึงขนาดที่ต้องบังคับด้วยเงื่อนไขที่มันไม่อาจปฏิเสธ เพราะถ้ามึงไม่ทำแบบนี้พวกกูจะเสียหาย ลำบาก และอาจจะโกรธมึงแล้ว...
นอกจากนั้นก็ต้องทำใจ(มัน) และตามใจ(มัน)ครับ
...
ช่วงหลังการเดินทางมาลาวของพวกผมมักจะมีปัญหาในการข้ามแดนอยู่บ่อยครั้ง
กับการเดินทางครั้งล่าสุด หลังต้องปวดตาดูหนังซูม "ผีเลี้ยงลูกคน" ที่เดี๋ยวเบลอ เดี๋ยวมืด และหลับบ้างตื่นบ้างบนรถทัวร์ร่วม 9 ชั่วโมง ต่อด้วยรถรับจ้าง พอมาถึงด่านที่ฝั่งลาวปรากฏว่าผมไม่สามารถเข้าลาวได้เพราะพาสสปอร์ตนั้นมีอายุเหลือเพียง 2 เดือน
พยายามอ้อนวอนนานสองนาน แต่ ตม.ลาว ก็ส่ายหัวอย่างเดียว โดยบอกว่าหากเหลือ 3 - 4 เดือน ก็ยังพอช่วยๆ กันได้ แต่ 2 เดือนมันเสี่ยงเกินไปจริงๆ (ตามระเบียบต้องไม่ต่ำกว่า 6 เดือน)
เสียเวลาร่วมชั่วโมงย้อนกลับมาทำใบผ่านแดนที่ฝั่งไทย แต่ก็โล่งใจนิดนึงเพราะพอข้ามมาเจอเพื่อนที่รออยู่ฝั่งลาวในช่วงเวลาประมาณเกือบ 9 โมง ปรากฏว่าไอ้โต้ (ซึ่งนัดไว้ให้มันมารับตั้งแต่ช่วง 7 โมงครึ่งไม่เกิน 8 โมง) เพิ่งจะมาถึงก่อนหน้าผมประมาณ 5 นาทีเท่านั้น!
แวะทานเฝอ เก็บของเข้าที่พัก เสร็จแล้วก็นั่งกดวินนิ่งกัน (กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมหลักระหว่างที่อยู่ที่เวียงจันทน์ตลอด 4 วัน เลยครับ) ซึ่งแว้บแรกที่ว่าที่เจ้าบ่าวของเราเห็นเครื่องเพลย์ 2 เท่านั้นแหละ ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที และไม่พลาดที่จะขอแจมด้วยโดยมีโทรศัพท์ทั้งจากคุณแม่และว่าที่เจ้าสาวของมันโทรเข้ามาให้มันไปจัดการธุระต่างๆ เป็นระยะ จนพวกเราอดเล่นมุกไม่ได้ว่า ถ้าพวกกูให้เกมมึง แล้วมึงไม่ต้องแต่งเอามั้ย?
ไอ้โต้หัวเราะก่อนบอก..."กูเอา 2 อย่างเลยแล้วกัน"
ช่วงเย็นพวกเราขอให้ไอ้โต้พาไปนั่งร้านกาแฟเย็นๆ มันรับปากดิบดี แต่กว่าจะไปถึงร้านได้ก็ร่วมนานสองนาน เพราะต้องติดสอยห้อยตามมันไปตัดผม แจกการ์ด ตามที่ต่างๆ โดยมีเสียงอ้อนวอนจากเพื่อนๆ ว่า...มึงปล่อยพวกกูที่ร้านก่อนแล้วค่อยไปทำธุระก็ได้
"เออน่า ทางผ่าน..." มันบอกหน้าตาเฉย ขณะขับรถทั้งแวะ ทั้งวน ทั้งอ้อมไปมา
ก็ยังโชคดีล่ะครับที่ว่า ระหว่างแวะที่ไปที่ทำงาน(ที่ใหม่)ของมันในสตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ ลาว สตาร์แชนแนล เป็นช่วงเวลาที่บรรดาวัยรุ่น น้องๆ นักศึกษาหน้าใสๆ เขากำลังเทสต์หน้ากล้องเพื่อสมัครเป็นพิธีกรกันอยู่พอดี
แถมงานเลี้ยง(เล็กๆ) ช่วงค่ำที่บ้านของไอ้โต้ก็ยังมีน้องเชียร์เบียร์(ลาว)มาสร้างสีสันอีกต่างหาก 555
...
สำหรับงานแต่งของลาวก็ไม่มีอะไรมากมายครับ แห่ขันหมากไม่ต้องมีขนมมงคล เจ้าบ่าวนุ่งโจงกระเบน เสื้อคล้ายๆ เสื้อราชปะแตนของไทย ถือกรวยที่มีใบ้อ้อย ใบกล้วย ดอกคูณ และพืชอีก 2 - 3 ชนิด สะพายย่าม และดาบ(เอาไว้ขู่ถ้าพ่อแม่เจ้าสาวไม่ยกลูกสาวให้) ไม่มีพระสงฆ์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีเพียงแค่การบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อมือ
เมื่อเข้าพิธีทั้งหมดแล้วเจ้าบ่าวจะไม่สามารถกลับเข้าบ้านของตนเองได้เป็นเวลา 3 วันด้วยกันตามความเชื่อที่ว่าหากเจ้าบ่าวคนไหนกลับไปที่บ้านชีวิตคู่จะไปไม่รอด
หลังเสร็จงาน ช่วงเวลา 2 - 3 วันที่อยู่ในลาวไอ้โต้กับน้องพุด(ภรรยาของมัน)แวะเวียนมาเที่ยวกับพวกเราเป็นระยะๆ แต่ถ้าไอ้โต้มาคนเดียวกิจกรรมอย่างหนึ่งของมันก็คือเล่นเกมวินนิ่ง
"500 แล้วกัน พวกมึงจะได้ไม่ต้องแบกกลับให้หนัก...", "จริงๆ ไม่ต้องเอาตังค์หรอก เกมมันเก่าแล้ว กูให้ 500 ก็เยอะแล้วนะ..." แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะได้เกมเครื่องที่ว่านี้ แต่ไอ้โต้ก็อดไม่ได้ที่จะพยายามเซ้าซี้กับไอ้โตเพื่อนที่เป็นเจ้าของเกมทุกครั้งที่มันนั่งเล่น
วันสุดท้ายก่อนลาไอ้โต้กับน้องพุดกลับประเทศไทย ไอ้โตเซอร์ไพรส์ด้วยการยกเครื่องเกมเพลย์ 2 ให้กับไอ้โต้ มันอึ้งไปนิดนึง ก่อนฉีกยิ้มแทบจะถึงใบหู พูดขอบอกขอบใจอย่างนั้นอย่างนี้
"มึงต้องรับปากพวกกูว่า มึงจะต้องเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ และไม่เล่นเกมมากจนเกินไป.." พวกเรายื่นเงื่อนไข ที่ก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นหูมันฟังบ้างหรือเปล่า
เห็นแววตาดีใจของเพื่อนแล้วอดยิ้มไม่ได้ครับ แต่พอเหลือบไปเห็นสีหน้าเซ็งๆ ของน้องพุด แล้วพวกเราต้องรีบหลบตา
ฮักกันหลายๆ เด๊อ...
หมายเหตุ 2 : ข้อเขียนในวันนี้เป็นการเขียนแบบบันทึกเชิงเล่าเรื่อง(ที่มีคำหยาบ เช่น กู มึง อยู่) ผู้อ่านที่ไม่ชอบข้อเขียนในแนวนี้ควรพิจารณาให้รอบคอบเพื่อป้องกันการเสียอารมณ์และความรู้สึก
...
"ใครเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้น บอกช้านมา..."
"จริงอ้ะ อยากเห็นหน้าแฟนมันจริงๆ ว่ะ..."
"เฮ้ย! กูไม่เชื่อ อย่างไอ้...นี่นะ แต่งงาน..."
"ไม่แน่ มันอาจจะแต่งกับสาวลูกครึ่งก็ได้..."
บางส่วนของอารมณ์ความรู้สึกจากเพื่อนทั้งหญิงและชาย(หนึ่งในนั้นคือผม)ที่แสดงออกมาในทันทีทันใดที่ได้รับรู้ข่าวว่า "ไอ้โต้" เพื่อนชาวลาว กำลังจะเข้าสู่พิธีวิวาห์
เป็นอารมณ์ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความรักของพวกเราที่มีต่อเพื่อนคนนี้ได้อย่างชัดเจนว่ามากน้อยเพียงใด (555)
แต่ไม่ว่ามันจะมากหรือน้อย ทว่าหนึ่งในกิจกรรม(+ประเพณี)ที่สำคัญในชีวิตของเพื่อนที่ว่านี้มันก็ทำให้ผมกับเพื่อนอีก 4 คน ตัดสินใจได้ไม่ยากเย็นแต่อย่างใดในการเดินทางข้ามโขงสู่นครเวียงจันทน์อีกครั้งด้วยความเต็มใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา(19 - 23 มีนาคม 2551)
ที่สำคัญมันดูจะเป็นเหตุผลอย่างเป็นทางการในการอ้างเพื่อโดดงานมากกว่าทุกครั้งที่เป็นเรื่องของการไปเที่ยวเสียด้วย
...
ไอ้โต้เป็นใคร?
ไอ้โต้เป็นหนึ่งในเพื่อนนักศึกษาจากประเทศลาวที่เรียนคณะวารสารศาตร์ฯ ธรรมศาสตร์ รหัสปี '39 มาด้วยกันกับผม ซึ่งหลายครั้งที่ไปเที่ยวที่ลาวก็ได้มันนี่แหละครับเป็นไกด์ขับรถ(พ่อมัน)ที่บางครั้งเบรคเสียบ้าง เกียร์ถอยหลังเสียบ้าง ตะลุยไปตามที่ต่างๆ ทั้งในเวียงจันทน์ ไปจนถึงวังเวียง
ระหว่างที่เรียนอยู่คณะวารสารฯ นอกจากเงินเดือนของมัน(ทุนจากรัฐบาลลาว)ที่ค่อนข้างสูงจนทำให้เพื่อนบางส่วนเรียกมันว่า "เสี่ยโต้" รวมถึงการชอบเล่นเกมมากๆ แล้ว จุดเด่นของไอ้โต้อีกประการหนึ่งในเรื่องของลักษณะนิสัยก็คือ การที่มันสามารถทำให้เพื่อนๆ (โดยเฉพาะผู้หญิงที่เรียนสาขาสิ่งพิมพ์ฯ) รู้สึกรำคาญ และเอือมระอาได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์ขนาดถึงที่ว่าโกรธหรือเคือง
อธิบายยากครับว่าเป็นอย่างไร เหมือนกับว่า มันนึกอยากจะทำอะไรมันก็ทำ ถ้าเพื่อนเสนอให้มันทำเรื่องที่ หนึ่ง สอง สามสี่ มันก็ทำเรื่องที่สี่ สาม สอง หนึ่ง, จะต้องมีการยึกๆ ยักๆ ก่อน ที่จะลงมือทำ ประมาณให้กูได้เสนอเงื่อนไขของกูก่อน (แม้จะรู้ว่าเพื่อนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย) หรือถามอย่างหนึ่งมันก็ตอบไปอีกอย่างหนึ่ง แต่จะบอกว่าคำตอบของมันเป็นคำตอบที่ผิดไปจากคำถามก็ไม่เชิงเสียทีเดียวนะครับ เช่น ถ้าถามมันว่าอีกกี่ชั่วโมงมึงจะมารับ? มันจะบอกว่า เออ แป๊บนึง...ครั้นพอถามว่าแป๊บนึงของมึงครึ่งชั่วโมงได้มั้ย มันก็จะบอกว่า เออ นั่นแหละ แป๊บนึง...แต่เอาเข้าจริงๆ แป๊บเดียวของมันที่พวกเราเพื่อนๆ ตีความเข้าใจตรงกันแล้วว่าคือครึ่งชั่วโมง อาจจะเป็นหนึ่งชั่วโมง หรือสองชั่วโมง โดยที่มันเองไม่รู้สึกตัวว่ามันผิดนัดเลย
"ก็กูบอกว่าแป๊บนึง..." มันย้ำถึงความถูกของมัน
ทุกวันนี้เรียนจบไปแล้วไอ้โต้ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความพลิ้วเช่นนี้อยู่
ประมาณ 5 ปีที่แล้ว ผมกับเพื่นไปเที่ยวกันที่เวียงจันทน์โดยมีไอ้โต้เป็นไกด์ขับรถ(คันที่ว่า)พาเที่ยว หลังรับมาจากด่านผ่านแดน ไอ้โต้บอกกับเราว่าจะพาแวะไปทำธุระที่สำนักงาน(นสพ.เวียงจันทน์ ใหม่) ของมันสักครู่ พอเราถามว่าธุระอะไร มันก็บอกเออ ธุระ พอถามว่านานมั้ย(เพราะเริ่มหิว) มันก็บอก เออ แป๊บเดียว ไม่นาน
ธุระของมันในวันนั้นคือตีปิงปองกีฬาสีครับ
ถัดมาช่วงค่ำๆ ไอ้โต้บอกกับเราว่าพรุ่งนี้เพื่อนที่ทำงานของมันนัดกันไปเที่ยว แต่มันปฏิเสธไปแล้วเพราะจะต้องขับรถพาพวกเราเที่ยว ทำเอาพวกเราเกิดความซึ้งในหัวอกหัวใจกันใหญ่
รุ่งเช้าไอ้โต้จัดแจงขับรถพาพวกเราไปที่น้ำตกแห่งหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้)ด้วยความเฮฮา พอจอดรถเสร็จเรียบร้อย เหลือเชื่อทีเดียวครับ เพราะที่นี่มันเป็นสถานที่เดียวกันกับที่เพื่อนๆ ในออฟฟิศของโอ้โต้มาเที่ยวพอดิบพอดี
หลังไอ้โต้ทักทายกับเพื่อน(ร่วมออฟฟิศ)ด้วยเนื้อหาคำพูดที่จับใจความได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิ๊นบังเอิญ (ตรงข้ามกับสีหน้าและน้ำเสียงของมันที่พวกผมรู้สึกว่า มึงน่ะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนมึงมาที่นี่) ไอ้โต้ก็ขอตัวไปอยู่กับเพื่อนชาวลาว ทิ้งให้พวกผมสนุกกันเองแบบเซ็งๆ รอเวลากลับ
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่มันทำนั้นล้วนแล้วแต่มาจากความจริงใจซึ่งไม่มีพิษมีภัย พวกเราก็เลยได้ข้อสรุปว่า หากคิดจะคบไอ้โต้ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนถึงขนาดที่ต้องบังคับด้วยเงื่อนไขที่มันไม่อาจปฏิเสธ เพราะถ้ามึงไม่ทำแบบนี้พวกกูจะเสียหาย ลำบาก และอาจจะโกรธมึงแล้ว...
นอกจากนั้นก็ต้องทำใจ(มัน) และตามใจ(มัน)ครับ
...
ช่วงหลังการเดินทางมาลาวของพวกผมมักจะมีปัญหาในการข้ามแดนอยู่บ่อยครั้ง
กับการเดินทางครั้งล่าสุด หลังต้องปวดตาดูหนังซูม "ผีเลี้ยงลูกคน" ที่เดี๋ยวเบลอ เดี๋ยวมืด และหลับบ้างตื่นบ้างบนรถทัวร์ร่วม 9 ชั่วโมง ต่อด้วยรถรับจ้าง พอมาถึงด่านที่ฝั่งลาวปรากฏว่าผมไม่สามารถเข้าลาวได้เพราะพาสสปอร์ตนั้นมีอายุเหลือเพียง 2 เดือน
พยายามอ้อนวอนนานสองนาน แต่ ตม.ลาว ก็ส่ายหัวอย่างเดียว โดยบอกว่าหากเหลือ 3 - 4 เดือน ก็ยังพอช่วยๆ กันได้ แต่ 2 เดือนมันเสี่ยงเกินไปจริงๆ (ตามระเบียบต้องไม่ต่ำกว่า 6 เดือน)
เสียเวลาร่วมชั่วโมงย้อนกลับมาทำใบผ่านแดนที่ฝั่งไทย แต่ก็โล่งใจนิดนึงเพราะพอข้ามมาเจอเพื่อนที่รออยู่ฝั่งลาวในช่วงเวลาประมาณเกือบ 9 โมง ปรากฏว่าไอ้โต้ (ซึ่งนัดไว้ให้มันมารับตั้งแต่ช่วง 7 โมงครึ่งไม่เกิน 8 โมง) เพิ่งจะมาถึงก่อนหน้าผมประมาณ 5 นาทีเท่านั้น!
แวะทานเฝอ เก็บของเข้าที่พัก เสร็จแล้วก็นั่งกดวินนิ่งกัน (กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมหลักระหว่างที่อยู่ที่เวียงจันทน์ตลอด 4 วัน เลยครับ) ซึ่งแว้บแรกที่ว่าที่เจ้าบ่าวของเราเห็นเครื่องเพลย์ 2 เท่านั้นแหละ ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที และไม่พลาดที่จะขอแจมด้วยโดยมีโทรศัพท์ทั้งจากคุณแม่และว่าที่เจ้าสาวของมันโทรเข้ามาให้มันไปจัดการธุระต่างๆ เป็นระยะ จนพวกเราอดเล่นมุกไม่ได้ว่า ถ้าพวกกูให้เกมมึง แล้วมึงไม่ต้องแต่งเอามั้ย?
ไอ้โต้หัวเราะก่อนบอก..."กูเอา 2 อย่างเลยแล้วกัน"
ช่วงเย็นพวกเราขอให้ไอ้โต้พาไปนั่งร้านกาแฟเย็นๆ มันรับปากดิบดี แต่กว่าจะไปถึงร้านได้ก็ร่วมนานสองนาน เพราะต้องติดสอยห้อยตามมันไปตัดผม แจกการ์ด ตามที่ต่างๆ โดยมีเสียงอ้อนวอนจากเพื่อนๆ ว่า...มึงปล่อยพวกกูที่ร้านก่อนแล้วค่อยไปทำธุระก็ได้
"เออน่า ทางผ่าน..." มันบอกหน้าตาเฉย ขณะขับรถทั้งแวะ ทั้งวน ทั้งอ้อมไปมา
ก็ยังโชคดีล่ะครับที่ว่า ระหว่างแวะที่ไปที่ทำงาน(ที่ใหม่)ของมันในสตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ ลาว สตาร์แชนแนล เป็นช่วงเวลาที่บรรดาวัยรุ่น น้องๆ นักศึกษาหน้าใสๆ เขากำลังเทสต์หน้ากล้องเพื่อสมัครเป็นพิธีกรกันอยู่พอดี
แถมงานเลี้ยง(เล็กๆ) ช่วงค่ำที่บ้านของไอ้โต้ก็ยังมีน้องเชียร์เบียร์(ลาว)มาสร้างสีสันอีกต่างหาก 555
...
สำหรับงานแต่งของลาวก็ไม่มีอะไรมากมายครับ แห่ขันหมากไม่ต้องมีขนมมงคล เจ้าบ่าวนุ่งโจงกระเบน เสื้อคล้ายๆ เสื้อราชปะแตนของไทย ถือกรวยที่มีใบ้อ้อย ใบกล้วย ดอกคูณ และพืชอีก 2 - 3 ชนิด สะพายย่าม และดาบ(เอาไว้ขู่ถ้าพ่อแม่เจ้าสาวไม่ยกลูกสาวให้) ไม่มีพระสงฆ์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีเพียงแค่การบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อมือ
เมื่อเข้าพิธีทั้งหมดแล้วเจ้าบ่าวจะไม่สามารถกลับเข้าบ้านของตนเองได้เป็นเวลา 3 วันด้วยกันตามความเชื่อที่ว่าหากเจ้าบ่าวคนไหนกลับไปที่บ้านชีวิตคู่จะไปไม่รอด
หลังเสร็จงาน ช่วงเวลา 2 - 3 วันที่อยู่ในลาวไอ้โต้กับน้องพุด(ภรรยาของมัน)แวะเวียนมาเที่ยวกับพวกเราเป็นระยะๆ แต่ถ้าไอ้โต้มาคนเดียวกิจกรรมอย่างหนึ่งของมันก็คือเล่นเกมวินนิ่ง
"500 แล้วกัน พวกมึงจะได้ไม่ต้องแบกกลับให้หนัก...", "จริงๆ ไม่ต้องเอาตังค์หรอก เกมมันเก่าแล้ว กูให้ 500 ก็เยอะแล้วนะ..." แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะได้เกมเครื่องที่ว่านี้ แต่ไอ้โต้ก็อดไม่ได้ที่จะพยายามเซ้าซี้กับไอ้โตเพื่อนที่เป็นเจ้าของเกมทุกครั้งที่มันนั่งเล่น
วันสุดท้ายก่อนลาไอ้โต้กับน้องพุดกลับประเทศไทย ไอ้โตเซอร์ไพรส์ด้วยการยกเครื่องเกมเพลย์ 2 ให้กับไอ้โต้ มันอึ้งไปนิดนึง ก่อนฉีกยิ้มแทบจะถึงใบหู พูดขอบอกขอบใจอย่างนั้นอย่างนี้
"มึงต้องรับปากพวกกูว่า มึงจะต้องเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ และไม่เล่นเกมมากจนเกินไป.." พวกเรายื่นเงื่อนไข ที่ก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นหูมันฟังบ้างหรือเปล่า
เห็นแววตาดีใจของเพื่อนแล้วอดยิ้มไม่ได้ครับ แต่พอเหลือบไปเห็นสีหน้าเซ็งๆ ของน้องพุด แล้วพวกเราต้องรีบหลบตา
ฮักกันหลายๆ เด๊อ...