ขอบาย “บัณฑิต” ไม่อยากเป็นแค่ตัวเลือกของ “มาริโอ้” ทาบรับบทลูกชาย “บุญชู 9” แจงเหตุที่ต้องปฏิเสธนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งไม่ฟันธงจะรับเล่นหรือไม่ ลั่นกำลังเร่งหานักแสดงหน้าใหม่ บอกไม่คาดหวังเรื่องรายได้ หากไม่เข้าเป้าอาจต้องปิดตำนาน “บุญชู” ด้านสุขภาพป่วยเป็นโรคไตย้ำไม่มีผลต่องาน
ครบ 20 ปีพอดี สำหรับภาพยนตร์แนวคอมมาดี้ที่โด่งดังจากคาแรกเตอร์ใสซื่อกับตัวละครเอกที่นำมาเป็นชื่อภาพยนตร์ตลอดถึง 8 ภาค ผ่านพ้นไป 2 ทศวรรษ ตอนนี้ทางค่ายหนัง ไฟว์สตาร์ ได้รวมพลเหล่าเพื่อนพ้องบุญชูพาชาวแก๊งมาฮาและรวมตัวอีกครั้งในภาคต่อ “บุญชู 9” ซึ่งการกลับมาคราวนี้ ทั้ง บุญชู (สันติสุข พรหมศิริ) และ โมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) ยังมีลูกพ่วงมาอีกด้วย ซึ่งจะทำการเปิดกล้องหลังสงกรานต์นี้และเร่งถ่ายทำให้เสร็จทันภายในเดือนครึ่ง
และสำหรับนักแสดงหนุ่มที่จะมารับบท “บุญโชค” ลูกชายของทั้งคู่ยังไม่สามารถหาตัวแสดงได้ แต่ก่อนหน้านี้ ผกก.อาวุโส “บัณฑิต ฤทธิ์ถกล” เผยได้ทาบทามนักแสดงดาวรุ่ง “มาริโอ ้เมาเร่อ” และได้แคสติ้งจนผ่านเรียบร้อยแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ต้องจำใจยกเลิกความคิดนี้ โดย ผกก.มากฝีมือเผยเหตุที่ไม่นำนักแสดงหนุ่มร่วมแสดง เนื่องจากไม่ชอบที่หนังของตนเป็นแค่ตัวเลือกหนึ่ง
“ลูกกำลังหาอยู่น่าจะเป็นหน้าใหม่ เพราะหน้าเก่ามีการคุยกับมาริโอ้ไว้ แต่ปรากฏว่ามารู้ว่าเขาคุยหลายเรื่อง และขอเวลาพิจารณาว่าจะเล่นเรื่องไหน ทางเราก็เลยบอกว่าถ้าเราเป็นตัวเลือกเราไม่พร้อม ถ้าตัดสินใจจะเล่นก็เล่นก็เลยคุยกันว่าถ้างั้นเราขอบาย”
“จริงๆ เด็กบ้านนอกเป็นลูกจินตหราได้เขายังเป็นลูกสินจัยมาเลย ก็เราให้เขามาแคสแล้วและให้เขาลองพูดเหน่อให้เราฟังแล้ว เราชอบตอนที่ดู “รักแห่งสยาม” หน้าเขานิ่งแล้วเขายิ้มแบบซื่อ เหมือนคนไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เราก็เลยมองว่าเป็นลูกบุญชู จริงๆ มาริโอ้ ก็เป็นเด็กบ้านนอกนะ เขาหน้าฝรั่งก็เป็นลูกแหม่ม (จินตหรา) ได้ไง ไม่ใช่ฝรั่งที่ไหนหรอก คนอื่นที่เป็นดาราก็ยังไม่ได้มองน่าจะเป็นรุ่นใหม่เลย”
แจงแม้แต่เด็กยุคใหม่ที่ไม่เคยดูภาคก่อนๆ ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ ส่วนปัญหาด้านอื่นๆ ไม่น่าจะแก้ยาก....“เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกชายบุญชูต้องเข้ากรุงเทพฯ มีที่มาที่ไปว่าทำไมถึงเป็นคนที่มีนิสัยเหมือนบุญชู เมื่อเขาเข้ามามีเรื่องที่เจอและตัดสินใจระหว่างอนาคตของตัวเองและอนาคตเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่งที่จะตัดสินใจ ออกเป็นแนวคอมมาดี้ ดราม่าก็พูดถึงปัญหาของสังคมนิดนึง บุญชูในแต่ละภาคคนที่ไม่เคยดูก็ดูรู้เรื่อง เพราะไม่ต้องรู้เรื่องมาจากไหน นี่เป็นพ่อของพระเอก”
“เรื่องนี้น่าจะดีครับไม่ยอมปล่อยต้องให้ดี ปัญหาใหญ่ที่สุด ก็คือ อาจจะเป็นช่องว่างระหว่างที่ตัวผมเป็นผู้กำกับกับเองกับเด็กรุ่นใหม่ ไม่ได้มุ่งหมายกับเด็กวัยรุ่นแต่ว่าคนทุกคนก็มาสนุกกับบุญชูได้ พ่อแม่ลูกครอบครัวหรือแฟนเก่าๆ คนที่มาเล่นคนที่ทำบทก็ยังอยู่ในยุคสมัยก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเด็กรุ่นใหม่เยอะคิดว่าช่องว่างระหว่างตัวผมและคนดูรุ่นเด็กน่าจะแคบลง มุกเยอะมากมีทั้งแนวคล้ายเดิมและมีใหม่มีหมด”
ยันเรื่องสุขภาพไม่มีผลต่องานกำกับ....“ก็กำกับเต็มที่เหมือนแต่ก่อนมีผู้ช่วย 3-4 คน ปกติไม่ได้มี ผกก.มาช่วย วันถ่ายอาจต้องมีพักบ้าง เวลานี้ต้องทำงานไปพักไปผมคำนวณแล้ว เข้าโรงพยาบาลทุกสัปดาห์ไปฟอกเลือด อาทิตย์นึงต้องไปนอน 4 ชม.แล้วไปฟอกพอออกมาแล้วจะเพลียประมาณ 24 ชม.โรคหัวใจ เบาหวานไม่มากวน ช่วงถ่ายทำ ไม่ต้องมีรถพยาบาล ..(ยิ้ม) ถ่ายเช้าถึงเช้าอีกวันนึงไหวแต่วันรุ่งขึ้นต้องพัก ไม่ต้องต่อเมื่อสมัยก่อนต้องต่อสามวันติดเลย”
ยอมรับไม่กล้าคาดหวังเรื่องรายได้ หากไม่เข้าเป้ามีผลต่อภาค 10 อาจต้องปิดตำนานบุญชู
“ไม่กล้าคาดหวัง ตอนที่ทำบุญชู 2 กล้า คาดหวังว่าต้องได้เงินแน่แต่เรื่องนี้ทำให้ดีที่สุด สนุกที่สุด ก็น่าจะทันสมัยทีมงานที่ถ่ายทำก็เป็นคนยุคนี้ งบประมาณไฟว์สตาร์ให้เต็มที่ ทุกคนก็มาหน้าใหม่ก็มี ตอนนี้ประมาณ 20 ล้าน สำหรับหนังตลก รายได้น่าจะได้จากแฟนเก่าด้วย ผมคิดว่าคนรุ่นเก่าน่าจะจูงลูกจูงหลานออกมาดู มีภาค 10 ไหม ไม่รู้ต้องรอดูก่อน ทางไฟว์สตาร์เขาก็มองอยู่เพียงแต่ว่าเราขอทำภาคนี้ให้ดีที่สุดก่อนยังไม่ได้คิดอะไร เขาบอกให้คิดว่าเรื่องที่ทำเป็นเรื่องสุดท้ายในชีวิต”