“แอร์กี่” ยันสิ่งที่เขียนเป็นเรื่องจริง ลั่นรับไม่ได้ที่มีคนออกมาแฉพฤติกรรมให้กลายเป็นตัวร้าย พลิกฝ่ายตรงข้ามให้เป็นคนดี พร้อมเปิดโปงวีรกรรม “เชอรี่” อย่างหมดเปลือกว่าทำลายชีวิตครอบครัวตนเองให้พังพินาศจนต้องสูญเสียลูกคนที่ 3
ถึงแม้ละครสงครามนางฟ้าจะลาจอไปได้สักพักแล้ว แต่สงครามนางฟ้าในชีวิตจริงกลับมาระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีตัวละครที่ถูกพาดพิงในชีวิตจริงเริ่มออกมาแสดงตัวพร้อมเปิดโปงพฤติกรรม “แอร์กี่” ว่า ไม่เป็นความจริง รวมถึงฟอร์เวิร์ดเมลในนาม “ซ้อ 8” ที่ออกมาแฉ “แอร์กี่” อย่างถึงพริกถึงขิง
ทำให้ในตอนนี้เรื่องราวน้ำเน่าที่ยิ่งกว่านิยายเรื่องนี้จึงกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ และเป็นที่โจษขานกันหนาหูเหลือเกิน ประชาชนทุกคนต่างต้องการความจริงจากปากของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น “พี่หนิง”, “ริน”, “เชอรี่”, “น้องหนอน” รวมถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในละครอย่างภรรยาเก่าของกัปตันหนิง จึงเป็นที่มาของสื่อทุกแขนงที่ต้องการหาตัวพวกเขามาชี้แจงว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง เรื่องไหนเป็นเรื่องลวงโลกกันแน่
ซึ่งดูเหมือนว่ารายการ “จับเข่าคุย” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” จะไวต่อกระแสมากที่ได้จับเอาคู่กรณีตัวจริงอย่าง “หนิง-แอร์กี่-เชอรี่” มาประชันกันและได้ตอบโต้กันอย่างดุเดือด ให้คนดูเป็นคนตัดสินและจับผิดกันเองว่าใครพูดจริง ? ใครโกหก ? โดยบันเทิงออนไลน์ได้คัดคำสัมภาษณ์บางส่วนของ “แอร์กี่” จากรายการ “จับเข่าคุย” มาให้คนที่พลาดดูรายการเทปที่ผ่านมาได้ลองอ่านกันดู
“ที่จริงเรื่องนี้รู้จากคนอื่นมาบอก เพราะจะเป็นคนที่ไม่อยากรับข่าวสารอะไรเกี่ยวกับแอร์กี่ในเน็ตแล้ว แต่พออ่านแล้วโอ้โห อันนี้อ่านแล้วรับไม่ได้จริงๆ ซึ่งมันก็ไม่เป็นความจริงไงคะ มันทำให้เรากลายเป็นตัวร้าย เลวในสายตาคนอื่น พลิกกลับทำให้เชอรี่เป็นคนดี”
“การเขียนของเขาเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้ดูว่าเรื่องสงครามนางฟ้าเป็นเรื่องโกหก เหมือนกับว่ารินไปแย่งพี่หนิงมาอีกที แล้วเขียนว่ารินไปทำอะไรต่างๆนานากับภรรยาเก่าพี่หนิง แล้วรินก็ชอบไปหา รินชอบไปปรึกษา เพราะรู้ว่าพี่หนิงเชื่อภรรยาเก่า ก็ไม่จริงเลย ดิฉันไม่เคยโทร.ไป”
“เรื่องที่เขาส่งมา รินมีพฤติกรรมแบบเชอรี่กับภรรยาคนแรกของพี่หนิง ซึ่งมันก็ไม่จริงทั้งสิ้น เขาก็บอกว่า ทำไมล่ะ ทีแอร์กี่แฉคนอื่นได้ คนอื่นแฉแอร์กี่บ้างไม่ได้เหรอ แต่เราก็ต้องมองหลายจุดนะคะว่าดิฉันเขียนเป็นนวนิยาย ดิฉันไม่ได้บอกชื่อจริง การที่จะรู้ชื่อจริงกันคือการไปสรรหากันเอง รู้แน่จริงรึเปล่าก็ไม่ทราบ คือ แรกๆ ก็มีคนมาเดาคนนี้ใช่มั้ย แต่กว่าจะหากันถูก ดิฉันก็บอกว่า อย่าไปหาเลย”
“เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตก็เป็นอย่างที่เขียนในหนังสือ เป็นรักสามเส้ามาตลอดเวลายาวนาน มันก็จบไปแล้วด้วยการที่เขาหย่าขาด แล้วเขาก็เพิ่งแต่งงานกันไป สิ่งที่เกิดขึ้นที่เขียนอย่างเช่นพฤติกรรมของเชอรี่ที่ทำกับริน ก็คือสิ่งที่ดิฉันโดนมา จริงค่ะ จริงหมด วันนี้บอกได้เลยว่าจริง ไม่ได้โกหกเลย”
“ในเรื่องชีวิตรันทด เรื่องจริงผ่านคอมพ์ไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งหมดค่ะ ก็อย่าเชื่อในละครทั้งหมด อย่าเชื่อในนิยายทั้งหมด เพราะว่ามันมีเค้าโครงจากเรื่องจริง มันไม่ใช่ทุกตัวอักษรเป็นเรื่องจริง เราเป็นนักเขียน เราได้ใส่สีสันเข้าไปบ้าง”
ถึงแม้ใครจะออกมาแฉเธออย่างไร แต่ทางแอร์กี่ก็ยังคงยืนยันว่าเชอร์รี่ได้เข้ามาทำลายชีวิตครอบครัวของเธอกับ “กัปตันหนิง” ให้พังพินาศอย่างที่เขียนไว้ในหนังสือจริง
“เขาเคยเข้ามาในบ้านวันที่เราไปบิน พี่เลี้ยงลูกก็เดินเข้าไปในครัว หน้าครัวจะมีโต๊ะเตี้ยๆ ลูกก็นั่งอยู่ เขาก็ผลักลูก ลูกก็ร้อง แล้วเขาก็เดินออกไป พี่เลี้ยงก็บอกว่าเห็นเขากวาดของบนโต๊ะทานข้าวลงตกแตกหมดเลย พอเสร็จเขาก็โทรศัพท์มาบอกเรา ว่าเออนี่ ฉันเข้าไปบ้านแก เจอลูกแกด้วยแหละ ไม่เอาเท้าถีบหน้าให้ก็ดีแล้ว คำว่าเท้าก็ใช้คำอื่น ต.เต่าหลังจากนั้นก็หย่ากับกัปตันครั้งที่ 1”
“ตอนแรกก็นึกว่าเขาไปจากชีวิตเราแล้ว ดิฉันคิดว่าเขาไปแล้วหลายรอบมากเลย พี่หนิงบอกว่าเลิกแล้ว เขาก็จะมาบอกว่าเขาไม่ได้เลิก เขายังอยู่ จนกระทั่งเราต้องสูญเสียลูกคนที่ 3 อันนี้เหมือนในละคร ก็เป็นชีวิตจริง ที่เขียนในนิยายก็ถ่ายทอดความจริงออกมาหมด”
“มันเป็นวันที่เราได้รับโทรศัพท์จากเขา ว่าเขากับสามีไปทานข้าวกันแล้วโทรมาบอกให้ดิฉันตามไป ตอนนั้นดิฉันท้อง 6 เดือนกว่า ก็คือพอไปถึงเห็นเขานั่งกันอยู่ที่ร้านอาหาร ดิฉันก็เดินเข้าไป แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของเชอร์รี่ปาลงไปในบึงน้ำข้างๆ เสร็จแล้วก็ยกหม้อไฟขึ้นมาเทใส่เขา สามีก็ลุกขึ้นมาจับตัวไว้ เชอร์รี่ก็เข้ามา ดิฉันก็เอามือไปตีเขา เขาก็กัด พอเขากัดดิฉันก็บ้วนน้ำลายใส่เขา แล้วเขาก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าสามีแล้วดึงกุญแจรถออกมา เขาก็วิ่งแล้วขับรถสามีออกไป”
“สามีก็พาเรากลับบ้าน พอกลางคืนประมาณตี 3 รู้สึกว่าเราปัสสาวะรดที่นอนรึเปล่า มันอุ่นๆ เปียกๆ พอตื่นขึ้นมาก็เดินไปห้องน้ำ ระหว่างทางที่เดินไปห้องน้ำก็มีน้ำหยด ก็ตกใจ เลยไปบอกให้พี่เลี้ยงลูกไปเรียกสามีไปส่งที่โรงพยาบาล”
“พอไปถึงคุณหมอที่อยู่เวรก็บอกว่า ตรวจแล้วถุงน้ำคร่ำรั่ว คุณต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อนเลย เพื่อที่ร่างกายจะได้สร้างน้ำคร่ำขึ้นมาให้พอกับที่เด็กจะอยู่ได้ครบ7เดือนเพราะว่าถ้าเขาคลอดตอน7เดือนเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ในตู้อบก็พยายามนอนนิ่งๆ ที่สุด และนี่ก็เป็นโทสะอีกที่เกิดขึ้น เพราะว่านอนไปได้เกือบ 20 วัน”
เผยเชอรี่โทร.มาขู่เหมือนในละคร จนทำให้ขาดสติปรี๊ดแตกใส่สามีจนเสียลูกคนที่ 3
“วันหนึ่งเชอรี่ก็โทรศัพท์มา พอรับเขาก็พูดเหมือนในละครเหมือนในหนังค่ะ ว่ายังไม่ตายเหรอทั้งแม่ทั้งลูก เนี่ยใจดีนะเขาให้สามีเรามาเยี่ยมเรา แต่เขาก็พูดจาไม่เพราะ ว่าเนี่ยเดี๋ยวคอยดูนะเดี๋ยววันนี้เขาก็ไปเขาใส่เสื้อโปโลสีขาว เขาพูดอย่างนี้เลยนะคะ พอวางโทรศัพท์ไม่นาน ไม่ถึง 5 นาที สามีก็เดินขึ้นมา ใส่เสื้อโปโลสีขาว”
“นาทีนั้นวี๊ดขึ้นมาเลย ลุกขึ้นมาก็ผลักโต๊ะล้อที่ทานข้าว ผลักใส่เขา แล้วตะโกนลั่นเลย พอผลักเขาเสร็จก็ดึงเสื้อเขา และหลังจากเขาก็ออกไป แล้วคุณหมอกับพยาบาลก็เข้ามาเพราะเขาได้ยินเสียงเราดังโวยวาย แล้วลูกเขาก็ดิ้น เขาไม่ได้อยากจากเราไป เราก็ไม่ได้อยากให้เขาจากไป”
“ในที่สุดคุณหมอบอกต้องคลอดแล้ว เพราะว่าน้ำคร่ำแห้งหมดแล้ว ยังไงก็ต้องเอาน้องออกมา พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า คุณหมอก็อยู่ข้างเตียง น้องๆทุกคนเลยก็อยู่ยกเว้นสามี เราก็รู้แล้วว่าลูกไม่อยู่แล้ว รู้เองโดยที่ไม่มีใครบอก หลังจากนั้น ทำให้เราพูดไม่ได้เลย คุณหมอบอกเป็นอาการทางจิตว่ารู้สึกตัว รู้ว่าใครเป็นใคร รู้ว่าคุยกับใครแต่พูดไม่ได้ พูดไม่ออก ไม่อยากพูด เป็นอย่างนี้อยู่เกือบ 2 ปี จริงๆแล้วพูดบ้างค่ะแต่คิดว่าตัวเองไม่ได้พูด เพื่อนบอกว่าพูดด้วยก็ตอบนะ แต่พูดอย่างก็จะถามอีกอย่าง แล้วเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้พูด”
***
“เมียเก่ากัปตันหนิง” แฉ “แอร์กี่” บิดเบือนเรื่องจริง เอาดีใส่ตัวป้ายสีคนอื่น
"สหภาพฯ-เอ็กแซ็กท์" ประจันหน้าหย่าศึก จบที่แก้บทและตัดกระโปรงใหม่
“บอย” ขอโทษแอร์ฯ แต่ฉะสหภาพฯ ละเมิดสิทธิ์
“แอร์ฯ” ประท้วงระงับฉาย “สงครามนางฟ้า” ด้าน “การบินไทย” ขู่ถอดโฆษณา “เอ็กแซ็กท์”