“แหม่ม” แจงข่าวมั่วแอบขึ้นดอยลงสาลิกาลิ้นทอง รับไปจริงแต่แค่ไปทำบุญ ย้ำไม่จำเป็นต้องเพิ่มยอดขายหนังสือถึงขนาดพึ่งเครื่องรางของขลัง เผยชื่นใจกับผลตอบรับหนังสือมาก ปลื้มคนชมหนังสืออ่านง่ายไม่ต้องนั่งแปลอักษรย่อให้เสียเวลา
หลังจากที่มีภาพ "แหม่ม-คัทลียา" แอบย่องขึ้นดอยไปเสริมดวงเข้าพิธี “สาลิกาเหินฟ้า” ที่วัดพระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อหนุนดวงการงานให้ดีขึ้น โดยมี “พระอาจารย์โต ฐิตวิริโย” เจ้าอาวาสวัดทำพิธีให้ แต่แล้วนางเอกคนดังก็ออกมามาปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เป็นความจริงเป็นเพียงการไปร่วมทำบุญตามปกติ โดยอ้างว่าภาพดังกล่าวได้ถูกถ่ายขึ้นที่บ้านดาว
ส่วนทางกับคำพูดของ "พระอาจารย์โต" ที่ให้สัมภาษณ์ว่าสาวแหม่มมาขอคำปรึกษาเรื่องของหน้าที่การงานแล้วบอกว่าตนกำลังจะทำหนังสือ พระอาจารย์ก็เลยลง “สาลิกาเหินฟ้า” ให้
แต่หลังจากที่กระแสข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป “แหม่ม-คัทลียา” ถึงกับปรี๊ดแตก พร้อมทั้งย้ำว่าหนังสือตนเองดังได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่งเครื่องรางของขลัง
“สำหรับเรื่องที่มีคนบอกว่าแหม่มแอบขึ้นเหนือไปลงสาลิกาลิ้นทองนั้น แหม่มบอกไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้ทำเลย แต่ถ้าถามว่าไปจริงไหมนั้นก็ยอมรับว่าจริง คือ แหม่มไปเที่ยวบ้านดาวเฉยๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทแหม่มค่ะ เขามีบ้านอยู่ที่เชียงใหม่เราก็เลยพาลูกไปเที่ยวแค่นั้นเอง”
“อีกอย่างคุณแม่ของดาวเขาก็เป็นคนชอบทำบุญและวันนั้นตอนที่เราไปเขามีงานบุญกันพอดี มีหลวงพ่อ มีเกจิอาจารย์จากหลายๆ ที่มาในงานวันนั้นด้วย เขาก็เลยชวนเข้าไปกราบปกติ”
“คือ เรื่องตรงนี้แหม่มก็ไม่เข้าใจว่าเราไปทำบุญแค่นี้ แต่ทำไมนักข่าวถึงพยายามเอาเรื่องไปโยงกันจนเป็นเรื่องใหญ่ แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เราก็ไปกันมานานแล้วด้วย ไปกันตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วขนาดตัวแหม่มยังจำชื่อวัดไม่ได้เลย”
รับภาพที่ลงข่าวเป็นภาพจริง ย้ำแค่ไปทำบุญ ไม่เคยไปทำสาลิกาลิ้นทองอย่างตามที่เป็นข่าว บ่นเซ็งนักข่าวพยายามจับโยงทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่...
“กับเรื่องนี้แหม่มไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาข่าวมาลง รูปที่เห็นนั้นที่จริงถ่ายที่บ้านดาว ใช่มันก็เป็นรูปจริง ไม่ได้ปิดบังอะไร เพื่อนๆ ก็ไปกันเต็มเลย แต่แหม่มว่าคนพยายามจะเขียนให้เป็นประเด็นมากกว่า เขียนว่าสาลิกาลิ้นทอง ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย เป็นการให้พรปกติ แต่คนก็พยายามโยงให้มันเข้ากับหนังสือ มันไม่ใช่ เพราะเราไปมาตั้งนานแล้ว หนังสือก็เพิ่งจะออกเองดังนั้นไม่เกี่ยวกันแน่นอน”
“ที่พูดแบบนี้แหม่มไม่ได้ลบหลู่อะไรนะ แหม่มก็นับถือศรัทธาปกติค่ะ ไม่ได้ลบหลู่อะไร เพราะเราก็เข้าวัดมาตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อ คุณแม่ก็พาทำบุญไหว้พระอยู่แล้ว แหม่มไปไหว้พระปกติ เพียงแต่ว่าไม่ได้คิดว่าใครจะเอาลงข่าวแบบนี้ เพราะเราไม่รู้เรื่องเลยว่าใครเป็นคนเอารูปมาลง แล้วเขามีเจตนายังไงในการเขียนข่าว แต่เราก็บอกตามความเป็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉะนั้นมีอะไรมาถามได้ จะได้ไม่ผิดเพี้ยนเรื่องข่าวอีก”
ต่อข้อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับกระแสข่าวฉาวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวเผยชินแล้วเรื่องข่าวแค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็ก...
“โอ๊ยชินแล้ว แต่สงสารคนอ่านมากกว่าว่าได้รับข้อมูลจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แหม่ม่ถึงบอกพี่ๆ นักข่าวอยู่ตลอดว่ามีอะไรให้มาถามได้ บางทีลงไปแล้วไม่ใช่เรื่องจริงก็ต้องมาแก้ข่าวกันทีหลัง แหม่มก็ยังไม่ได้อ่านเลยข่าวที่ลงกัน ทุกวันนี้อ่านหนังสือลูกอย่างเดียว หนังสือบันเทิงไม่อ่านเลย ไม่มีเวลาอ่าน”
เมื่อผู้สื่อข่าวสะกิดถามถึงเรื่องของผลตอบรับของนิตยสารบันเทิง “OHO” (โอ้โห) เจ้าตัวถึงขึ้นยิ้มแก้มปริแล้วบอกต่อไปว่า...
“ก็ดีค่ะ เป็นที่น่าชื่นใจ เพราะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น อันนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนด้วยที่ให้การสนับสนุนดีขนาดนี้ คือ ส่วนใหญ่เขาก็จะบอกว่าหนังสืออ่านง่าย อ่านสนุก อ่านสบาย อ่านแล้วอารมณ์ดี ภาพสวย คือ อ่านแล้วไม่ต้องไปคิดต่อมากมาย”
“ซึ่งตรงนี้มันก็ตรงกับเจตนารมณ์กับที่เราอยากให้หนังสือเป็นอยู่แล้ว คือ มันเหมือนกับคาแรกเตอร์ของพวกเรา นับถึงวันนี้เราก็ชื่นใจ แต่ถ้าถามว่าประสบความสำเร็จหรือยังก็คงไม่นะ เพราะหนังสือก็เพิ่งจะออกมาได้แค่เล่มที่ 2 เอง คือของแบบนี้มันต้องดูกันไปเรื่อยๆ”
***
โอ้โห! ดังแน่ “แหม่ม คัทลียา” ขึ้นดอยย่องลงสาลิกา พลิกชะตาชีวิต