xs
xsm
sm
md
lg

Away from Her : รักแท้บทสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี


ซาร่าห์ พอลลี เกิดที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา ในปี 1979 พ่อและแม่ของเธอทำงานอยู่ธุรกิจบันเทิง ทั้งคู่เป็นนักแสดง ตอนพอลลีอายุ 11 ขวบ แม่ของเธอจากไปด้วยโรคมะเร็ง เด็กสาวกลายเป็นคนเงียบขรึมนับแต่นั้น และขณะกำลังเรียนชั้นมัธยมปลาย พอลลีตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเป็นนักแสดงอย่างจริงจัง

นับได้ว่าเป็นโชคของซาร่าห์ พอลลี ที่มีประวัติการทำงานค่อนข้างหรูหรา เธอได้ร่วมงานกับคนทำหนังชื่อดังมากมาย อาทิ เทอร์รี่ กิลเลียม, อะตอม อิโกยาน, เดวิด โครเนนเบิร์ก, ฮัล ฮาร์ทลีย์, ดั๊ก ไลแมน และไมเคิล วินเทอร์บอททอม เป็นต้น

นอกเหนือจากงานในวงการบันเทิง ซาร่าห์ พอลลีอุทิศตัวให้กับอุดมการณ์ทางการเมือง เธอเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยใหม่ของแคนาดา เคยร่วมเดินประท้วงนายกเทศมนตรีของรัฐออนทาริโอ – บ้านเกิดของเธอเอง – ต่อสู้กับตำรวจที่มาปราบปรามการประท้วงจนได้รับบาดเจ็บ

หลังจากดูหนังเรื่อง Away from Her งานกำกับชิ้นแรกของซาร่าห์ พอลลีจบ ผมพยายามค้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอให้ได้มากที่สุด อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอ หรือกระทั้งค้นหารูปภาพเก่าๆ ของเธอมาดู ทั้งหมดนั้นผมต้องการคำตอบแค่ว่า ด้วยวัยเพียง 28 ปี อะไรคือสาเหตุให้เธอทำหนังเรื่องแรกออกมาได้งดงามขนาดนี้

ในการประกาศผลรางวัลของสมาคมนักแสดง (SAG) เมื่อไม่กี่วันก่อน จูลี่ คริสตี้ ดารานำจาก Away from Her ขึ้นไปรับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม คริสตี้กล่าวว่า ผู้ที่สมควรได้รับรางวัลมากที่สุดคือ ซาร่าห์ พอลลี “ผู้ซึ่งสร้างถ้อยคำอันงดงามใส่ในปากของฉัน” ในตอนหนึ่งของคำพูดขอบคุณ จูลี่ คริสตี้ เรียกพอลลีว่า “The Divine Sarah”

Away from Her คือความสำเร็จของซาร่าห์ พอลลีอย่างแท้จริง เธอเป็นหัวใจทั้งหมดของหนัง ทั้งานเขียนบทหรือกำกับ แม้แต่อากาศที่อบอวลอยู่ในเฟรมภาพ ก็เป็นโลกของเธออย่างสมบูรณ์

ที่ต้องกล่าวถึงวัยของซาร่าห์ พอลลีก็เพราะหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนสูงอายุ คนที่ใช้ชีวิตมานานพอที่จะรู้ว่าตนเองควรจะทำอะไร และตัดสินใจอย่างไร - อะไรทำให้พอลลีคิดอะไรแบบนั้นได้

ตัวละครหลักในเรื่องคือ แกรนต์ (กอร์ดอน พินเซนต์) และ ฟิโอน่า (จูลี่ คริสตี้) คู่สมรสที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 40 ปี จนกระทั่งฝ่ายหญิงป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ฟิโอน่าตัดสินใจพาตัวเองเข้าไปอาศัยในสถานบำบัด และกฎของการรักษาที่ญาติผู้ใกล้ชิดต้องรับทราบเป็นอันดับแรกก็คือ ห้ามเยี่ยมผู้ป่วยเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการปรับตัวเข้าสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ

แต่นั่นไม่ได้เป็นความช้ำใจอย่างเดียวที่แกรนต์ประสพ 1 เดือนให้หลัง เขากลับไปเยี่ยมภรรยาสุดที่รัก เพียงเพื่อจะพบว่าเธอลืมเขาไปหมดแล้ว และกำลังสร้างความสัมพันธ์กับ ออเบรย์ (ไมเคิล เมอร์ฟี) ผู้ชายคนใหม่ที่พบในสถานบำบัดแห่งนั้น

Away from Her ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ อลิซ มันโร ที่ชื่อ The Bear Came Over the Mountain โดยรวมทั้งเรื่องสั้นและหนัง มีรายละเอียดที่คล้ายคลึงกัน แต่ซาร่าห์ พอลลี ก็ทำให้เรื่องราวงอกเงยขึ้นจากเดิม - ชัดเจนมากคือการขยายโครงสร้างการเล่าเรื่องที่ไม่คำนึงของลำดับก่อนหลังของเวลาให้โดดเด่นขึ้นกว่าตัวเรื่องสั้น คนดูอาจรู้สึกมีปัญหาในการเข้าใจเรื่องราวในช่วงต้น แต่การเก็บเล็กผสมน้อยทางอารมณ์จะให้ผลดีอย่างมหาศาลเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนจบ

คนดูได้เห็นเหตุการณ์กว่า 5 เหตุการณ์ด้วยกันในเวลา 5 นาทีแรก เราเห็นแกรนต์กำลังขับรถไปยังที่แห่งหนึ่ง, เราได้เห็นหญิงสาวที่กำลังเผยรอยยิ้มชวนฝัน พร้อมๆ กับเสียงของแกรนต์บอกเล่าถึงตอนที่เธอขอเขาแต่งงาน และเราได้เห็นแกรนต์และฟิโอน่าในวัยชราเดินอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่มีหิมะปกคลุมไปทั่ว ฯลฯ

แน่นอนว่าคนดูถูกวางไว้ให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับแกรนต์ เรามองเห็นตัวฟิโอน่าที่งดงามอยู่ในความทรงจำ แต่กลับห่างเหินหลังจากเธอถูกโรคร้ายรุมเร้า ความผิดปกติของสมอง ส่งผลอย่างรุนแรงต่อหัวใจของแกรนต์

ฉากความหลังที่ย้อนกลับมาอยู่เป็นระยะๆ เปิดเผยถึงความผิดของแกรนต์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาตลอดกาล ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศาสตราจารย์ที่มีคนนับหน้าถือตา และถลำลึกไปมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวซึ่งเป็นนักเรียนของเขาเอง ฟิโอน่าไม่ได้ถือโทษคนรักของเธออย่างรุนแรง แต่ความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย ทำให้เขาลาออกจากงานและย้ายมาใช้ชีวิตอย่างสงบกับภรรยานับแต่นั้น

แต่บททดสอบของความรักที่ทั้งคู่ได้ต่อสู้กันมา (ทั้งที่เราเห็นและถูกละไว้ในหนัง) อาจเทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ถ้าคนที่เรารักลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเราไปแล้ว เราจะยังยึดมั่นในสิ่งนั้นอยู่ไหม มันเป็นคำถามที่อยู่กับแกรนต์พอๆ กับที่ค้างอยู่ในความรู้สึกของคนดู

ตัวละครอีกตัวที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของแกรนต์คือ มาเรียน (โอลิมเปีย ดูคาคิส) ภรรยาของออเบรย์ ที่พยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อจะได้ลืมเรื่องกลุ้มใจต่างๆ เธอไม่เหมือนกับแกรนต์ตรงที่ เธอไม่แสดงออกถึงความผิดหวังในชะตากรรมของตัวเอง ไม่แสดงอาการทุกข์โศกที่สามีป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ทั้งๆ ที่ความรู้สึกจริงๆ นั้นตรงกันข้าม

มาเรียนและแกรนต์ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นไปเรื่อยๆ และยิ่งทำให้ความรักบานปลายไม่ลงตัว แต่เธอก็มาเพื่อที่จะบอกแกรนต์ให้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิต เธอบอกว่า คนเราควรจะติดสินใจเพื่อความสุขของตัวเอง และเมื่อตัดสินใจแล้ว เราก็สามารถแบ่งคนได้ออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คนแบบแรกคือ ยอมรับชะตากรรมที่ตนเองเลือกโดยดุษฎี และแบบที่สองคือร้องไห้ฟูมฟาย รวมถึงโทษตัวเองที่ตัดสินใจผิดพลาด

มาเรียนบอกว่าเธอเป็นแบบหลังสุด แต่ก็ไม่แน่ บางทีการได้รู้จักกับแกรนต์และตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง อาจทำให้เธอกลายเป็นคนในประเภทที่ 1 ก็ได้

แต่เป็นเรื่องยากเหลือเกิน ในการจะลืมใครคนหนึ่ง และเริ่มต้นใหม่กับอีกคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แกรนต์เคยบอกว่า ฟิโอน่าคือคนที่ทำให้ชีวิตของเขาส่องประกาย และเธอก็ทำอย่างนั้นมาหลาย 10 ปี อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่สามารถลืมภาพของเธอในวันที่เธอขอแต่งงานได้

Away from Her พูดถึงความรักที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น และมันก็เกือบๆ จะเป็นสิ่งที่ยากที่สุด ที่ใครคนหนึ่งพึงจะมีให้ใครอีกคน

ถึงแม้ว่าบทสนทนาส่วนใหญ่จะอิงจากเรื่องต้นฉบับ แต่ส่วนที่ซาร่าห์ พอลลีเติมเต็มเข้าไป กลับสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ หนังมีช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมาย พอลลีควบคุมจังหวะของหนังและการแสดงได้นุ่มนวล และไม่มีส่วนใดเลยที่เป็นส่วนเกิน

ในฉบับเรื่องสั้น อลิซ มันโรตั้งชื่อเรื่องของตัวเองว่า The Bear Came Over the Mountain ซึ่งหลายคนอนุมานเอาว่า เธอน่าจะใช้ชื่อตามอย่างเพลงพื้นบ้านสนุกๆ ชื่อ The Bear Went Over the Mountain

เนื้อเพลงเล่าถึงหมีตัวหนึ่งที่สงสัยว่าอีกฟากหนึ่งของภูเขาจะมีอะไรดีกว่าฟากที่ตนอาศัยอยู่ แต่ทันทีที่ข้ามไป หมีตัวนั้นก็ได้ตระหนักว่า มันก็เป็นแค่อีกฟากหนึ่งของภูเขาเท่านั้นเอง

แต่ก็อย่างที่มาเรียนได้บอกไว้ เมื่อคุณตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว คุณมีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น ร้องไห้หรือว่ายอมรับมัน
กำลังโหลดความคิดเห็น