xs
xsm
sm
md
lg

ศพนอกจอ กรณีละคร "สงครามนางฟ้า"/อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

นักบินก็เหมือนกัน เรื่องจิงค่ะคุณคะ มีแฟนแล้วก็บอกว่าไม่มี โกหกทุกอย่าง ไม่มีไรที่พูดเปนความจิงเรยยย - คนหนึ่งที่โดนหลอก
...
ละครสนุกดี นักเสดงก็เเสดงเก่งกันทุกคน ชอบมากค๊า ขอให้ออกอากาศต่อไปนะคะ ละครดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้นค่ะก่อนละครเริ่มเล่นทุกตอนเค้าก็มีตัวหนังสือเเจ้งเเล้วนี่คะว่าไม่ได้ตั้งใจส่อเสียดถึงใคร คนดูที่เป็น เยาวชนเขาก็บอกเเล้วให้มีผู้ปกครองดูเเลขณะรับชม ดิฉันทราบดีค่ะว่าทุกวงการมีทั้งคนดีเเละไม่ดีปะปนกันไป ละครเรื่องนี้จึงไม่น่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณเเอร์ เสียหายไปเลยซะทีเดียว - ดาวบนดิน
...
แตะต้องไม่ได้อีกกลุ่มแระ พวกที่คิดว่าเป็นนางฟ้าเนี่ย เหมือนไอ้เด็กเปรตนั่นอีกคน ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องดู ขอให้เครื่องบินตก
เดี๋ยวนี้ประเทศนี้ มีแต่พวกรักตัวเอง แตะต้องไม่ได้
- ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว
...
คนดูเขายังไม่ได้คิดอะไรเรย จะร้อนตัวไปทำไม ใครโง่กว่ากันแน่ คนดูละคร หรือ คนร้อนตัว - meryc@hotmail.com
...
มันจะอะไรขนาดนั้น เป็นแอร์สจ๊วตแล้วแตะต้องกันไม่ได้เลยหรอจ๊ะ ต้องออกมาโวยวายป่าวประกาศ ให้คนคิดไปว่า ที่ในละครมันคงจริง มันถึงออกมาแก้ตัว กินปูนกันทั้งสถาบัน สงสัยชีวิตจริงคงตบกันตั้งแต่ส้วมในสนามบิน ยันส้วมในเครื่องบิน ไม่ตบแต่ในลานจอดรถ...- อินจัดไปไหม??
...
นางฟ้าเทวดาไม่มีอะไรทำกันรึไง มานั่งประท้วงบ้าอะไร ละครมันก็ดูสนุกดี ดูแล้วเดี๋ยวก็ลืม ดูขำๆ จะซีเรียสอะไรนักหนา หรือเป็นแผนช่วยเขาโปรโมทละคร - ซาตาน
...
ปัญญาอ่อน มันก็แค่ละคร แค่เรื่องสมมติ - ทำเป็นร้อนตัวไปได้
...
ภาพออกมาเธอราวกับเป็นนางฟ้า...แต่พอถูกแฉออกมาเธอกลับรับไม่ได้ว่าตัวจิงเธอโสมมแค่ไหน ถ้าไม่จริงก็ไม่ต้องแคร์ซิ.. เรื่องจิงแท้ๆ คนในใครก็รู้ แล้วจะปิดไปทำไม - คนในรับความจิง
...
ถ้าจะแบน ก็ไปแบนคนของตัวเองสิ
เพราะคนที่ออกมาแฉเรื่องนี้ ก็เป็นแอร์การบินไทยแท้ๆ โดยใช้นามแฝงว่าแอร์กี่ เรื่องนี้เคยโด่งดังมากในเวบพันทิป ชนิดที่ใครเข้าไปในเวบนี้ช่วงนั้น ต้องได้อ่านเรื่องของคุณแอร์กี่ทุกคน ต่อมาเรื่องนี้ก็กลายมาเป็นหนังสือพอคเกตบุ๊ค เรื่องจริงผ่านคอม รินก็คือนามสมมติของคุณแอร์กี่เอง เธอเอาตัวของเธอมาแฉ เธอบอกชัดว่าเธอทำงานสายการบินแห่งชาติ และคุณแอร์กี่เองยังไปดูการแคสต์ตัวนักแสดงอยู่เลย
ฉะนั้น คุณแอร์ผู้ทนไม่ได้ทั้งหลาย ก็ไปจัดการกับคนของตัวเองสิ ที่ออกมาแฉ แล้วเค้าบอกว่าเค้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น พวกคุณเองนั่นแหละที่รับไม่ได้
- 123

... ฯลฯ ...

ข้อเขียนข้างบนเป็นบางส่วน(ซึ่งช่วยให้ผู้เขียนสามารถอู้งานเขียนคอลัมน์ในวันนี้ไปได้หลายส่วน ฮ่าๆๆ)ของการแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ manager online ที่ค่อนข้างจะเป็นไปในเชิงไม่เห็นด้วยผ่านข่าวการออกมาแสดงความไม่พอใจของบรรดาผู้ประกอบอาชีพให้บริการบนเครื่องบินต่อเนื้อหาของละคร "สงครามนางฟ้า" โดย บ.เอ็กแซ็กท์ฯ

เรียนตามตรงครับว่า ผมเองไม่เคยดูละครเรื่องนี้สักตอนเดียว แต่เท่าที่ดูจากโฆษณา ข่าวประชาสัมพันธ์ บวกรวมเข้ากับคำบอกเล่าของคนที่ได้ติดตามละครสงครามนางฟ้าก็พอจะคาดคะเนเป็นภาพได้ว่า ละครเรื่องนี้คงจะมีฉากที่ตัวละครในเรื่องต้องปะทะฝีปาก โชว์ฝีมือทางด้านการตบตีอยู่หลากฉากหลายตอนทีเดียว

หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยก็มิได้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้ชวนผู้อ่านเข้าข้างผู้ผลิตหรือผู้ประท้วงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนะครับ

เพราะอย่างที่เรียนไปแล้วว่า หนึ่งผมไม่เคยดูละครเลยสักตอน และประการสำคัญประการที่สองโดยความคิดพื้นฐานส่วนตัวผมเชื่อว่า บ.เอ็กแซ็กท์ฯ เองก็คงจะไม่ได้มีเจตนาที่จะทำละครเรื่องนี้ออกมาเพื่อทำร้ายทำลายผู้ประกอบวิชาชีพนี้แต่อย่างใด ขณะที่ทางผู้ประท้วงเองก็คงไม่ได้ออกมาประท้วงเพราะคิดว่าอาชีพตนเองนั้นสูงส่ง คนที่ประกอบอาชีพนี้ดีเลิศประเสริฐศรี ไม่มีเรื่องเสียๆ หายๆ หรือแตะต้องไม่ได้เอาเสียเลย

ที่ผมสนใจก็คือ ในฐานะบทบาทที่ "ละคร" เองเป็นข้อมูลหนึ่งที่สามารถเข้าถึงคนได้ในวงกว้างนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมากระทั่งถึงวันนี้เราใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด

จะว่าไปก็เป็นเรื่องเดิมๆ นั่นแหละครับ เพียงแต่ว่าเรื่องเดิมๆ มันเริ่มมีภาพที่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

จริงหรือที่ว่าละครก็คือละคร : สิ่งที่ตัวละครแสดงออกในจอมิได้เกิดขึ้นมาจากพื้นฐานความคิด ทัศนะคติ รวมถึงรสนิยมของผู้ผลิต

จริงหรือที่ว่าละครก็คือละคร : ทั้งภาพ เสียง คำพูด ตลอดจนการแสดงออกของตัวละครจะไม่ส่งผลกระทบต่อความคิด มุมมอง ทัศนะคติของผู้เสพ

จริงหรือที่ว่าละครก็คือละคร : ปิดทีวีแล้วก็จบกัน ไม่มีการหลงเหลือภาพ หรือไม่สามารถปลูกฝังระบบความคิดใดๆ ในหัวของคนดูได้

จริงหรือที่ว่าละครก็คือละคร : ดูแล้วได้หัวเราะ ได้ร้องไห้ ได้ผ่อนคลาย แค่นี้จริงๆ ไม่มีอะไรติดค้างคาอยู่ในความคิดของคนดู

แล้วจริงหรือที่ว่าละครหากไม่ 3 ต คือ ไม่ตลก ไม่ตบตี และขอโทษ ไม่ตอแหล แล้ว คนไทย(ที่ถูกมองว่าเป็นตลาดล่าง)จะไม่ดู ถ้าเช่นนั้นเราจะอธิบายปรากฏการณ์การที่(เคย)ได้รับความนิยมของละครส่งเสริมคุณธรรม อย่าง "เปาบุ้นจิ้น" หรือละครที่เสริมสร้างความมีอุดมคติ - อุดมการณ์อย่าง "แดจังกึม" รวมถึง "หมอโฮจุน" ได้ว่าอย่างไร

การทำงานโดยหยิบยกอารมณ์ ความรู้สึกด้านที่ถูกมองว่าเป็นด้านมืดของมนุษย์ (นัยของคนจัดละครเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ก็คือ เรื่องรักใคร่ แย่งผู้หญิง - แย่งผู้ชาย ด่าทอ ทะเลาะ ตบตี มองถึงเรื่องเงินเป็นสำคัญ) มิใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อให้จงหนักของผู้ผลิตก็คือ แล้วสาระสำคัญของมันต่อจากนั้นล่ะคืออะไร?

ถ้าเพื่อตอกย้ำให้คนส่วนใหญ่ศิโรราบต่อความที่จะต้องขยันหมั่นเพียร ยอมรับและอยู่กับรูปแบบสังคมในรูปแบบที่ว่าโดยไม่คิดจะทำอะไรเลยเหมือนกับที่รู้สึกเหมารวมกับอีกหลายๆ สังคมที่เป็นเรื่องจริงอันแสนจะธรรมดา อาทิ ละครไทยต้องน้ำเน่า, นักการเมืองไทย - ขี้โกง, ผู้หญิงไทย - ขายตัว, ตำรวจไทย - รีดไถ ฯลฯ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องเศร้าที่ชวนให้น่าหดหู่เสียเหลือเกิน

อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยจะได้ดูละครหรือเปล่ามิทราบที่ทำให้ผมรู้สึกว่า หากเปลี่ยนอาชีพหรือบริบทของตัวละครแล้ว "สงครามนางฟ้า" ก็มิได้มีแก่นของเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากละครไทยส่วนใหญ่เลยสักนิด

ส่วนตัวผมเห็นด้วยครับกับแนวคิดที่ว่าละครคือกระจกที่สะท้อนถึงวิถี แนวความคิด หรือรสนิยมของคนในสังคมนั้นๆ แต่ทั้งนี้ผมก็มีความเชื่อด้วยว่า ลักษณะ รูปแบบของภาพเงาที่ผู้คนส่วนใหญ่ของบ้านเราที่สะท้อนออกมาด้วยลักษณะนิสัยถึงความพอใจกับชะตาชีวิตที่อยู่ด้วยความหวังจากการเสี่ยงโชค, ลาภที่เกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์, เดี๋ยวฟ้าลิขิตให้เจ้าชายขับจะราชรถมาเกย, ชีวิตจะมีความสุขสบายสมบูรณ์เพราะได้ผัวรวย, วัยรุ่น(ส่วนใหญ่)หมกมุ่นอยู่กับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ นั้น เจ้ากระจกบานที่ว่านี้ก็มีส่วนอยู่ไม่น้อยทีเดียวในการร่วมบ่มเพาะ หล่อหลอม

จริงอยู่ที่บทเริ่มต้นของละครไทยมันอาจจะก่อเกิดขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสนองต่อต่อมความบันเทิงเริงรมย์เป็นหลัก โดยมีพล็อตเรื่องมากไปด้วยเนื้อหา "พาฝัน" ชวนให้คนส่วนใหญ่หลุดไปจากโลกแห่งความเป็นจริง...

แต่ถามหน่อยว่าทุกวันนี้ด้วยสภาพสังคมที่เป็น กับอนาคตที่รออยู่ เราหนีไอ้สิ่งที่เรารู้สึกว่าจะต้องหนีมาไกลพอที่จะตั้งหลักและหันกลับไปเผชิญกับมันได้แล้วหรือยัง?
กำลังโหลดความคิดเห็น