“เอิ๊ก” มั่นใจ “ไอทีวี” ภายใต้ชินคอร์ปฯเปล่าโกงค่าเช่า บอกเหตุที่ถูกปิดสถานีเพราะรัฐแค้นส่วนตัว ต้องการโค่นล้างอำนาจเก่า
อดีตผู้ประกาศข่าวมาแรง “เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส” 1 ในผู้ผลิตรายการ “ต้มยำบันเทิง” ให้กับ “ทีไอทีวี” ซึ่งเกิดความเสียหายต้องย้ายไปอยู่ที่ยูบีซี 8 หลังสถานีถูกสั่งให้เป็นจอมืดได้แสดงทัศนะถึงต้นเหตุที่แท้จริงของวิกฤตครั้งนี้ว่า...
“ถ้าถามตรงๆนะเอิ๊กว่ามันเป็นความแค้นส่วนบุคคลที่ลุกลามใหญ่โตกระจายมาจนถึงผู้ที่หากินโดยสุจริตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยก็โดนลูกหลงกันไป น่าจะเป็นการโค่นล้างอะไรกันมั้ง มันมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้วหนิเพราะก่อนหน้านี้ไอทีวีเขาก็อยู่ได้อย่างดีมาโดยตลอดถึงแม้จะมีคนพยายามที่จะทำลายล้างก็ตาม”
“ธุรกิจของไอทีวีเดิมเป็นของชินคอร์ปฯซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของคุณทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีถึงแม้จะมีการขายหุ้นไปแล้วอะไรไปแล้วแต่เท่าที่ไอทีวีโดนมาทุกคนก็เข้าใจว่ามันเหมือนการที่จะล้มล้างกันมากกว่า”
ต่อข้อซักถามที่ว่าหลายกระแสมองว่าจุดเริ่มของวิกฤตเกิดจากการที่ผู้บริหารไอทีวีเก่าไม่ยอมจ่ายค่าสัมปทาน ผลจึงต้องมาลงเอยแบบนี้ สาวเอิ๊กยืนยันว่า “ไอทีวี” ภายใต้การบริหารของชินคอร์ปดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด
“สำหรับเท่าที่เอิ๊กรู้เรื่องจากสื่อมาเนี่ย มันไม่ได้เป็นการจ่ายค่าสัมปทานโดยทำเอาเอง ไม่ใช่ว่าปีหนึ่งคุณจะต้องจ่ายสัมปทานพันล้านแต่ไปจ่ายแค่ 200 ล้าน เขาได้รับการอนุมัติจากศาลแล้วหนิว่าจ่ายในราคาเท่านี้ได้ มันมีข้อกฎหมายมาชัดเจน ไม่งั้นเขาไม่มีทางจ่ายในราคานี้มานานเป็น 10 ปีหรอก”
“เท่าที่ตามข่าวมาโดยตลอดเขาไม่ได้ทำอะไรโดยพลการคือทุกอย่างเดิมให้จ่ายค่าสัมปทานราคาเท่านี้ แล้วทางไอทีวีร้องขอว่าทำไมเขาถึงจ่ายแพงกว่าชาวบ้านทั้งๆที่ช่อง3 ช่อง 9 ก็ได้รับสัมปทานเหมือนกันจ่ายเท่านี้ เขาเลยทำหนังสือขอว่าเขาขอจ่ายเท่านี้เช่นกันซึ่งมันก็มีข้อกฎหมายจบลงมา ได้ ตกลงให้จ่ายเท่านี้”
“อยู่ดีๆรัฐบาลนี้ก็มาขุดคุ้ยว่าไม่ อันนั้นมันเป็นโมฆะเอิ๊กเชื่อว่าปมมันเกิดจากเอานะมองกันลึกๆนะมันเกิดจากคุณต้องการจะโค่นล้มเขาน่ะ เอิ๊กรู้สึกอย่างนั้น พออยู่ๆเขารัฐลุกขึ้นมาบอกว่าไม่ใช่ข้อกฎหมายนั้นมันเป็นโมฆะคุณจ่ายไม่ได้ปีละ 200 กว่าล้าน คุณต้องค้างค่าเช่าเท่านี้เบ็ดเสร็จออกมาหมื่นล้านน่ะ จะบ้าเหรอ เขาต้องการจะล้มเลิกทุกอย่างที่ทำอยู่เหมือนทำลายน่ะ”
“ก็หนังสือพิมพ์ยังด่ากันเลยว่าคุณคิดคำนวณอย่างไร ตามกฎหมายแล้วเนี่ยความเสียหายเขาคิด 10 % คิดอย่างไรมันก็ไม่ถึงหมื่นล้าน”
เมื่อถามต่อว่าการเปลี่ยนกฎหมายได้ค่อนข้างง่ายแบบนี้ พอเปลี่ยนรัฐบาลทีกฎหมายก็เปลี่ยนทีแบบนี้แล้วชีวิตคนไทยจะฝากไว้ที่ไหนได้ สาวเอิ๊กสวนทันควัน...
“มันก็อยู่ที่ยุคใครยุคใคร อย่างที่พี่ก่อเกียรติ ลิมปพัทธ์พูดก็ทีใครทีมัน ทีรัฐธรรมนูญยังเปลี่ยนได้เลย รัฐธรรมนูญร่างโดยใครไม่รู้น่ะ ถามว่าแล้วอย่างนี้คนไทยจะฝากชีวิตไว้กับใคร ก็ไม่มีไง บอกได้คำเดียวว่าไม่มี เอิ๊กรู้สึกอย่างนั้น”
“แต่เราก็ยังมีความหวังนะ มีความหวังอยู่ที่ศาลปกครองในตอนนี้ที่คิดว่าท่านน่าจะเมตตาและมีคนส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ มันเป็นการลุกลามสิทธิและถือว่าทำโดยทุจริตไม่ถูกต้อง”
“เราก็ยังฝากความหวังน่าจะมีคนหรือหน่วยงานใด..แต่ไม่รู้สิ มันอยู่ที่ยุคใครคนของใครอันนี้มากกว่า”