xs
xsm
sm
md
lg

10 ข่าวเด่นบันเทิงเทศ 2007 (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อันดับที่ 10 การสไตร์คของ WGA / เมื่อนักเขียนป่วย...คนดูต่างหากที่เจ็บ

ข่าวใหญ่โตที่สุดของวงการสื่อในอเมริกาเมื่อขวบปีที่ผ่านมาคงไม่พ้นการหยุดงานประท้วงของสมาคมนักเขียนของอเมริกา (The Writers Guild of America)

หลังจากการเรียกร้องต่อทางกลุ่มผู้อำนวยการสร้างรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์(Alliance of Motion Picture & TV Producers) ถึงการเพิ่มส่วนแบ่งรายได้จากมูลค่าเพิ่มของผลงานที่พวกเขาได้รับการการขายผ่านทางสื่อใหม่ๆ (การดาวน์โหลดรายการหรือหนังทางอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ) ประสบความล้มเหลว ทำให้เช้าวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมาบรรดานักเขียนจากทุกวงการที่เป็นสมาชิกของ WGA ต่างพร้อมใจกันหยุดงานเพื่อทำการเดินประท้องเพื่อเรียกร้องให้มีการเจรจาครั้งใหม่ และคำตอบที่ดีกว่าเดิม

ฟังดูเผินๆ ดูเหมือนว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวจะมีแต่เหล่านักเขียน แต่จริงๆ แล้วเหล่าผู้ที่ยังนิยมการผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการดูหนังดูทีวีอย่างเราๆ ท่านๆ ต่างหากที่โดนไปเต็มๆ เพราะใครจะรู้ว่าผลงานของเหล่านักเขียนเหล่านี้แทบจะเป็นกระดูกสันหลังของวงการฮอลลีวูดเลยก็ว่าได้ เพราะทันทีที่การสไตร์คถูกประกาศออกไป รายการทอร์คโชว์ชื่อดังทั้งหลายอย่าง The Tonight Show ของเจย์ ลีโน, The Daily Show ของจอห์น สจ็วร์ต และ Late Show ของเดวิด เล็ตเตอร์แมน ที่ออกอากาศเป็นประจำต้องระงับการถ่ายทำทันทีเพราะไม่มีใครคอยเขียนบทให้พวกเขา ขณะที่รายการอื่นๆ ต้องอยู่รอดในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยการเอาเทปเก่าๆ มารีรันใหม่อย่างไร้หนทาง

ที่ต้องรอกันเหงือกแห้งได้แก่แฟนหนังทั้งหลาย เมื่อเหล่ามือดัดแปลงบทต่างพร้อมใจกันพักงานตามพวกพ้อง โปรเจ็คท์ดังๆ ที่ถูกประกาศเอาไว้แล้วทั้ง Shantaram ของจอห์นนี เด็ปป์, Nine ของ ร็อบ มาร์แชล, Pinkville ของ โอลิเวอร์ สโตน หรือที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างตั้งตาชมอย่าง Angels & Demons ของทอม แฮงส์ต้องถูกเลื่อนการเปิดกล้องออกไปอย่างไม่มีกำหนดเหมือนๆ กันหมด

ลามไปถึงงานแจกรางวัลใหญ่ๆ ปลายปีและต้นปีที่จะถึงนี้ที่อาจจะล่มเอาง่ายๆ People's Choice Awards ที่ถ่ายทอดสดทุกปี ปีนี้ก็ต้องออกอากาศเป็นเทปแทน งานเดียวที่ได้นักเขียนจากสมาคมไปใช้งานได้แก่ Spirit Awards เนื่องจากพวกเขาทำเรื่องเอาไว้ก่อนที่การประท้วงจะเริ่มขึ้น 7 สัปดาห์ ส่วนงานใหญ่ระดับยักษ์อย่าง Golden Globes และ Academy Awards ที่จะมีขึ้นในปีหน้านั้น ทาง WGA ก็ปฏิเสธการร่วมงานอย่างไม่มีเยื่อใยเช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญสื่อของสหรัฐฯ ออกมาชี้เป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าการเจรจายังยืดเยื้อต่อไปหรือได้ผลสรุปเป็นลบ วงการทีวีของอเมริกาจะต้องเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่ซีรีส์ดังๆ อย่าง 24 หรือ Grey's Anatomy อาจจะต้องลดจำนวนตอนในแต่ละฤดูกาลลงหรือสูญพันธุ์จากทีวีไปในไม่ช้า เหลือไว้แต่เพียงรายการเรียลิตี โชว์ และ เกม โชว์ที่ไม่ต้องพึ่งผลงานของสมาคมนักเขียนเท่านั้นที่จะอยู่รอด

*************

อันดับที่ 9 การกลับมาของผู้ยิ่งใหญ่

ขวบปีที่ผ่านมาถือเป็นข่าวดีสำหรับแฟนเพลงขาร็อกรุ่นใหญ่ เมื่อเหล่าศิลปินรุ่นเก๋าที่ต่างแยกย้ายกันไปทำมาหากินด้วยเหตุผลต่างๆ หรือไม่ได้ออกผลงานมาให้เหล่าสาวกได้ชื่นชมกันอย่างยาวนาน ได้กลับมารวมตัวกันในปี 2007 นี้กันอย่างถ้วนหน้า

ไล่ตั้งแต่ขาใหญ่อย่าง The Police, Genesis, Van Halen จนถึงวงรุ่นหลังอย่าง Rage Against the Machine, Extreme, Blind Melon, Carcass

บางวงที่หายหน้าหายตาไปนานก็กลับมารวมกันเพื่อออกอัลบั้มกันอีกในปีนี้ทั้ง Smashing Pumpkins กับชุด Zeitgeist และที่โด่งดังที่สุดทั้งในอเมริกาและบ้านเราได้แก่ Long Road Out of Eden ผลงานคืนวงการของ The Eagles ที่กำลังขายดิบขายดีอยู่ทุกวันนี้

แต่ที่สุดของที่สุดของการกลับมาของวงยิ่งใหญ่แห่งปี 2007 ต้องยกให้กับการขึ้นเวทีอีกครั้งของ จิมมี เพจ, โรเบิร์ต แพลนต์, จอห์น พอล โจนส์ สมาชิกดั้งเดิมของวง Led Zeppelin ที่แฟนร็อกหลายคนที่มีโอกาสไปชมการแสดงในการคืนบัลลังก์ของราชาวงร็อกวันนั้นต่างออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่านอนตายตาหลับได้เรียบร้อยแล้ว เหลือไว้ให้แฟนเพลงที่เหลือทั่วโลกได้ลุ้นกันว่าพวกเขาจะกลับมาทัวร์กันอย่างจริงจังอีกหรือเปล่า

แต่การกลับมาที่แฟนเพลงชาวไทยตื่นตัวกันมากที่สุดของปีนี้คงหนีไม่พ้น การกลับมาอีกครั้งของโยชิกิ, โตชิ, พาตะ และฮีธ สมาชิกของยอดวงร็อกแห่งแดนอาทิตย์อุทัย X Japan ที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบ 10 หลังจากการจากไปไม่มีวันกลับของ ฮิเดะ อดีตมือกีตาร์มาดเท่ของวง ที่แม้แฟนๆ จะได้ฟังผลงานชิ้นใหม่อย่าง I.V. กันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ความคืบหน้าของอัลบั้มใหม่ยังคงให้แฟนๆ ต้องนั่งลุ้นนอนลุ้นกันต่อไป

ที่ขาดไม่ได้ก็คือวงเจ ร็อก รุ่นน้องอย่าง Luna Sea ก็ประกาศการคืนเวทีหลังจากยุบวงไปเมื่อหลายปีก่อนเช่นกัน แต่จะมีอะไรมากกว่าการแสดงเพียงรอบเดียวช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้ไหมแฟนๆ ก็ต้องลุ้นกันเอง

ปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการกลับมารวมตัวกันของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่แยกย้ายกันไปเนินนานครั้งนี้ คงเพราะต้องยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขว่า รายได้หลักของเหล่าศิลปินทุกวันนี้คือการแสดงคอนเสิร์ต เพราะขณะที่ปัญหาเรื่องการดาวน์โหลดเพลงอย่างผิดกฏหมายยังไม่มีมาตรการออกมาแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม รายได้จากค่าลิขสิทธิ์จากผลงานแบ็กแคตตาล็อกที่พวกเขาเคยนอนตีพุงรับเงินอยู่กับบ้านเริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ คงไม่มีอะไรดีกว่าการลืมปัญหาเก่าๆ ที่เคยทำให้วงของพวกเขาต้องแยกกันไป แล้วกลับมาช่วยกันทำมาหากินในช่วงเวลาที่วัตถุดิบที่เป็นผลงานของพวกเขายังได้รับความนิยมในหมู่แฟนๆ จะดีกว่า

ซึ่งผลที่ออกมาก็สามารถตอบแทนเป็นจำนวนรายได้ที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน เพราะขณะที่ราคาแผ่นซีดี(ที่ไม่รู้ว่าจะมีใครซื้อไปบ้าง)มีราคาอยู่ที่แผ่นละ 10 กว่าเหรียญ ราคาค่าตั๋วที่เห็นกันจะๆ จากจำนวนแฟนเพลงในสนามกีฬามีมูลค่าสูงกว่านั้นถึง 10-20 เท่า เช่น ตั๋วเข้าชมของ Genesis ที่มูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 130 เหรียญ ทำเงินในปีที่ผ่านมาให้กับพวกเขาไป 47.6 ล้านเหรียญ, ตั๋วเข้าชมของ Van Halen ที่ได้เดวิด ลี ร็อธ กลับมากระโดดโลดเต้นกับวงอีกครั้ง ที่มูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 111 เหรียญ ทำเงินในปีที่ผ่านมาให้กับพวกเขาไป 56.7 ล้านเหรียญ

และที่ประสบความสำเร็จที่สุดในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่กลับมาฟอร์มวงอีกครั้งได้แก่ The Police ที่แม้ราคาค่าตัวเฉลี่ยจะไม่มากไม่น้อยที่ 114 เหรียญ แต่พวกเขาก็ทำเงินไปได้ทั้งหมดถึง 131.9 ล้านเหรียญ คว้าแชมป์วงที่ทำรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตสูงสุดแห่งปี 2007 ไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี

*************

อันดับที่ 8 การมาถึงของเบ็คแฮม และการกลับมาของ Spice Girls

นับเป็นข่าวคราวที่สร้างความประหลาดใจไปทั่วโลก ทั้งวงการลูกหนังและวงการบันเทิง ถึงการย้ายสโมสรของ เดวิด เบ็คแฮม จากราชันย์ชุดขาวรีล มาดริด ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ทีมแอล เอ กาแล็กซี ซึ่งงานนี้ทำให้เขาต้องย้ายสำมะโนครัวจากอังกฤษมาปักหลักอยู่ที่แอล เอ กันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว

ซึ่งการมาใช้ชีวิตอยู่ที่ลอสแองเจลิส ของคู่รักคนดังครั้งนี้นับเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวขานกันไปทั่วโลก โดยระบุสาเหตุของการตัดสินใจย้ายครอบครัวจากอีกซีกโลกมาอยู่ที่แอล เอ ได้นั้นเป็นเพราะการที่พ่อหนุ่มแข้งทองไปสนิทชิดเชื้อกับทอม ครูส พระเอกจอมเวอร์ของวงการผู้ชักชวนโน้มน้าวให้เดวิด และ วิคตอเรีย ตัดสินใจย้ายสำมะโนครัว

การตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่แอล เอ ของคู่รักคนดังครั้งนี้ทำให้สื่อต่างๆคาดการณ์กันว่าเป็นเพราะเดวิด เบ็คแฮมจะผันตัวเองจากยอดนักเตะมาเป็นดาราฮอลลีวูดชื่อดังตามรอยเพื่อนซี้ แต่ถึงอย่างไรข่าวคราวดังกล่าวก็ต้องเงียบไปเมื่อเดวิดออกมาประกาศว่าการย้ายมาแอล เอครั้งนี้เขามาเพื่อเล่นฟุตบอลจริงๆ

"ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะเป็นซูเปอร์สตาร์ ผมมาที่นี่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีม ผมต้องทำงานอย่างหนักและคาดหวังที่จะประสบความสำเร็จ สำหรับผมมันเกี่ยวกับฟุตบอลล้วนๆ ผมมาเพื่อสร้างความแตกต่าง ผมอยู่ที่นั่นเพื่อเล่นฟุตบอล ผมไม่อาจพูดเลยว่าการข้ามน้ำข้ามทะเลมาครั้งนี้เพื่อทำให้กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกา มันอาจจะสำเร็จได้ยาก เมื่อกีฬาเบสบอล บาสเก็ตบอล อเมริกันฟุตบอล เป็นที่นิยมมากที่นี่ แต่ผมคงทำไม่ได้ถ้าผมไม่ได้คิดว่าผมสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้"

ในส่วนของ วิคตอเรีย เบ็คแฮม ภรรยานักร้องของเขาก็ทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีด้วยการบินมาที่แอล เอก่อนล่วงหน้าเพื่อหาบ้านและโรงเรียนให้กับลูกๆโดยเธอซื้อแมนชันที่เบเวอร์ลี ฮิลล์ส เป็นเงินกว่า 22 ล้านเหรียญ นอกจากนั้นยังปักหลักทำธุรกิจเปิดแบรนด์ของเธอบนแดนลุงแซมด้วย

เท่านั้นยังไม่พอการมาถึงของเธอย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดามันแปรเปลี่ยนกลายเป็นธุรกิจด้วยเช่นกันเมื่อเธอตัดสินใจเซ็นสัญญาเพื่อให้มีการถ่ายเรียลลิตีการย้ายบ้านจากอังกฤษมาอยู่ที่ลอสแองเจลิสของครอบครัวเธอ งานนี้ทำเอาเดวิด เบ็คแฮมถึงกับไม่พอใจในการตัดสินใจโดยพลการของคุณภรรยามากทีเดียว แต่แล้วเรียลลิตี้โชว์รายการนี้ก็ต้องพับล้มไม่เป็นท่าเมื่อคุณพ่อของสามีสุดที่รักล้มเจ็บเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน เจ๊วิคตอเรียเลยยอมยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออยู่ให้กำลังใจสามีสุดที่รัก

และจากข่าวคราวต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับตัวเธอและเพื่อนซี้อย่างเมล บี อีกหนึ่งสาวสมาชิกสไปซ์เกิร์ลถึงการตั้งครรภ์ลูกสาวตัวน้อยคนล่าสุดโดยมีพ่อของลูกเป็นเอ็ดดี เมอร์ฟีย์ ที่ปฏิเสธการเป็นพ่อเด็กโดยสิ้นเชิงจนต้องฟ้องร้องเป็นข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ไปทั่ว ทำให้แฟนๆของสาวๆเกิร์ลพาวเวอร์เริ่มอยากเห็นการคืนไมค์ของพวกเธออีกครั้ง งานนี้สาวๆจึงประกาศรวมตัวเพื่อออกทัวร์รอบโลกให้แฟนๆหายคิดถึงกันไปเลยทีเดียว

แต่การกลับมาของพวกเธอครั้งนี้เรียกได้ว่าอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเมื่อครั้งออกอัลบั้มแรกๆอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรสาวกแฟนเพลงเก่าๆของสาวๆสไปซ์เกิร์ลยังคงให้การสนับสนุนพวกเธอต่อไป แม้แฟนเพลงกลุ่มใหม่จะน้อยนิดก็ตาม

*************

อันดับที่ 7 ซูเปอร์สตาร์พาเหรดตั้งท้อง!

นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีข่าวคราวของดารา-นักร้องซูเปอร์สตาร์ชื่อดังพาเหรดกันตั้งครรภ์เยอะมากทีเดียวทั้งที่เป็นข่าวลือและที่เป็นข่าวจริง โดยข่าวดีดังกล่าวมีตั้งแต่เบนโลท้องก่อนแต่งจนถึงที่แต่งงานแล้วแต่แอบปิดข่าวเงียบจนความแตก

เริ่มจากเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ชาร์ล็อต เชิร์ช อดีตหนูน้อยแห่งวงการเพลงคลาสสิก ที่ตอนนี้มีอายุ 21 ปีแล้วได้ออกมายอมรับอย่างเปิดอกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์กับ เกวิน เฮนสัน แฟนหนุ่มนักรักบีสุดหล่อทีมชาติเวลช์วัย 25 ปีโดยเธอไม่ปิดบังเรื่องนี้แต่อย่างใด พร้อมยอมรับอย่างน่าชื่นตาบาน หลังเจ้าตัวถูกเมาท์เรื่องที่เธอไม่ยอมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในงานเลี้ยงวันเกิดของตนเองทำให้ข่าวลืออย่างต่อเนื่อง จนเธอต้องออกมายอมรับในที่สุดพร้อมยืนยันว่าทั้งคู่ดีใจกับการมีลูกคนแรกอย่างมากจริงๆ

คนดังคนต่อมาที่มีข่าวตั้งครรภ์คือ นิโคล ริชชี ไฮโซสาวเพื่อนซี้ ปารีส ฮิลตัน ที่มีคนแอบสังเกตเธอจากหน้าท้องที่นูนยื่นออกมาบนร่างอันผอมแห้งและแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วนางข้างซ้ายหลังจากที่โจเอล แมดเดน แฟนหนุ่มนักร้องจากวงกู๊ดชาร์ล็อตต์พานิโคลไปร่วมปาร์ตี้ริมสระน้ำที่โรงแรม ในเบเวอร์รี ฮิลล์ ก่อนที่เขาจะปฏิบัติตัวราวกับองครักษ์คอยดูแลตามติดนิโคลทุกฝีก้าว พร้อมถามว่าโอเคหรือเปล่าจนเป็นเหตุให้ผู้ร่วมงานปาร์ตี้ต่างก็แอบเมาท์ถึงพฤติกรรมของทั้งคู่

การตั้งครรภ์ของนิโคล ริชชีครั้งนี้กลายเป็นประเด็นร้อนอย่างต่อเนื่องหลังเธอถูกเมาท์ว่าเธอตั้งครรภ์เพราะต้องการพ้นคุกจากการถูกจับขณะขับรถสวนเลนบนไฮเวย์ โดยครั้งนั้นเจ้าตัวยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นเพราะเธอทานยาแก้ปวดและเสพย์กัญชาเข้าไป งานนี้ทำให้เธอต้องเดินตามรอยเพื่อนซี้ปารีส ฮิลตันเข้าไปนอนในคุก ซึ่งการเข้าคุกของนิโคลทรมานน้อยกว่าปารีสอย่างมากซึ่งเคยคาดกันว่าเธอต้องนอนในคุกประมาณ 5 วันแต่ท้ายสุดแล้วเธอเข้าไปนอนในคุกเพียงแค่ 82 นาทีไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ!

และที่ตามมาติดๆคือนักร้องซูเปอร์สตาร์สาวชื่อดัง คริสตินา อาร์กีเลียรา ที่เธอมีข่าวลือเรื่องตั้งครรภ์ออกมาอยู่ตลอดแต่เจ้าตัวไม่ยอมออกมายอมรับแต่อย่างใดพร้อมปิดข่าวนี้อย่างเงียบกริบและปล่อยให้ช่างภาพนักข่าวสังเกตเอาจากหน้าท้องของเจ้าตัวที่นูนยื่นออกมาโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด งานนี้ไม่เพียงแต่นักข่าวเท่านั้นที่ลุ้นว่าท้องจริงหรือเปล่า? แต่บรรดาแฟนคลับต่างก็ต้องลุ้นไปกับเธอด้วย

เนื่องจากเวลานั้นเธอมีโครงการต้องออกทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกจึงไม่อยากออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวเพราะไม่ต้องการให้แฟนคลับทั้งหลายที่ตีตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตต้องคอยนั่งกังวลกับลีลาการแสดงของเธอ งานนี้ต้องขอบอกว่าเธอเต็มที่กับโชว์คอนเสิร์ตสุดอลังการมากจริงๆ เพราะเจ้าตัวทั้งวิ่ง ทั้งเต้น ทั้งกระโดดบนโต๊ะและบนเวทีด้วยรองเท้าส้นสูงโดยไม่กลัวพลาดตกลงมาแต่อย่างใด ทำให้ผู้ที่ได้ชมการแสดงของเธอถึงกับลืมข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอไปได้สนิทเลยทีเดียว

คนต่อมาคือนักร้องซูเปอร์สตาร์สาว เจนนิเฟอร์ โลเปซ ที่ปิดปากเรื่องการตั้งครรภ์เงียบกริบเช่นกัน และปล่อยให้ช่างภาพนักข่าวตามถ่ายรูปหน้าท้อง และสไตล์การแต่งตัวของเธอที่ดูจะเน้นสไตล์บวมพองเสริมให้ข่าวตั้งครรภ์ดังกล่าวถูกกระพือไปทั่ว จนกระทั่งสุดท้ายความต้องมาแตกเข้าจริงๆเมื่อดีไซเนอร์ชื่อดังออกมาเผยความลับเองว่านักร้องสาวสั่งตัดเสื้อผ้าเซ็ตใหม่ให้เป็นแบบหลวมๆเหมือนชุดคลุมท้อง จนท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่าตั้งครรภ์แล้วจริงๆ ซึ่งการตั้งครรภ์ของเธอครั้งนี้เกิดจากการที่ทั้งคู่พยายามมีลูกตามวิธีธรรมชาติมานานกว่า 2 ปีแล้วแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที ทำให้ต้องพึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใช้บริการทำเด็กหลอดแก้วซึ่งไม่แน่ว่าลูกในท้องของเธออาจเป็นลูกแฝดด้วยก็เป็นได้

ตามด้วยนางเอกสาวผิวเข้มหน้าสวย ฮัลลี เบอร์รี ที่ตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกกับแกเบรียล ออบรีย์ แฟนหนุ่มนายแบบที่มีอายุอ่อนกว่าเธอถึง 10 ปี โดยนักแสดงสาวตัดสินใจแล้วว่าจะสร้างครอบครัวด้วยกันกับเขาหลังจากที่เธอต้องผิดหวังกับการแต่งงานมาแล้วถึง 2 ครั้ง การตั้งครรภ์ของเธอตกเป็นข่าวดังไปทั่วเนื่องจากเธอไปออกรายการยูเอส แชท โชว์ ที่มีเจ้าแม่ทอล์คโชว์อย่างโอปราห์ วินฟรีย์ ดำเนินรายการ โดยเจ้าตัวเผยถึงที่มาของลูกในท้องว่ากว่าจะมีลูกได้ลำบากกันแทบตาย "ขณะที่ฉันพยายามจะตั้งท้อง เราพยายามกันอย่างหนักเลย ดังนั้นเราเลยมักจะอยู่บ้านกันบ่อยๆเพื่อทำอะไรๆกัน" และแล้วตอนนี้ความมานะพยายามของทั้งคู่ก็ส่งผลให้ได้ลูกสมใจนึกหลังจากที่เบอร์ลีมีแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ที่เป็นผลลบมาแล้วกว่า 35 อัน!

ที่ทำเอาหนุ่มๆ หลายคนลุ้นไม่ขึ้นได้แก่การท้องอย่างกะทันหันของดาราสุดเซ็กซี่ เจสซิกา อัลบา กับ แคช วอร์เรน แฟนหนุ่มที่ควงกันมาอย่างยาวนาน และกำลังจะจองเป็นเนื้อคู่กันในปีนี้อย่างแน่นอนแล้ว

คนต่อมาที่ออกมายอมรับแบบช็อคโลกคงต้องยกให้กับ เจมี ลินน์ สเปียร์ส น้องสาวแท้ๆวัย 16 ปีของบริทนีย์ สเปียร์ส ที่ออกมายอมรับว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้วแม้ว่าครั้งแรกที่ทราบข่าวเจ้าตัวจะช็อคมากก็ตาม แต่เธอก็ตัดสินใจดีแล้วว่าจะเก็บเด็กเอาไว้ หลังจากที่เธอปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทและพ่อ แม่ของเธอเป็นที่เรียบร้อย (งานนี้บริทนีย์ไม่มีเอี่ยวและยังรู้ข่าวเป็นคนสุดท้าย ) นอกจากท้องก่อนแต่งแล้วเจ้าตัวยังท้องก่อนวัยอันควรด้วยทำให้เจ้าตัวสำนึกในการกระทำของตนเองดีว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและไม่ควรจะเกิดขึ้นในชีวิตของเด็กวัยรุ่นทุกคน "ฉันตระหนักดีว่ามันเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่สมควรจะทำ มันคงดีกว่าที่จะรอให้ถึงเวลา แต่ฉันคงจะตัดสินแทนใครไม่ได้ ก็เมื่อเรื่องแบบนี้มันดันมาเกิดขึ้นกับฉันเสียก่อนแล้ว" ทำให้ในบรรดาคนดังทั้งหมดเธอกลายเป็นว่าที่คุณแม่ที่สาวที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว

และล่าสุด ลิลลี อัลเลน นักร้องวัยรุ่นชื่อดังเมืองผู้ดีก็เพิ่งออกมาประกาศข่าวดีว่าเธอตั้งครรภ์แล้วกับเอ็ด ศิลปินหนุ่มจากวง The Chemical Brothers ที่มีอายุมากกว่าเธอถึง 15 ปีซึ่งเจ้าตัวทราบข่าวการตั้งครรภ์มาตั้งแต่เดือนที่แล้วเพียงแต่ต้องการให้ข่าวนี้รู้เฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น ก่อนที่ข่าวดังกล่าวจะถูกเปิดเผยโดยแหล่งข่าววงใน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธข่าวดังกล่าวแต่อย่างใดพร้อมออกมายอมรับว่าเธอตั้งครรภ์แล้วจริงๆและดีใจกับการได้เป็นแม่คนอย่างมาก ซึ่งเธอและเอ็ดวางแผนที่จะสร้างครอบครัวร่วมกันแล้วด้วย

ส่วนข่าวลือต่างๆที่ไม่เป็นความจริงของซูเปอร์สตาร์คนดังมากมายว่าตั้งครรภ์นั้นมีทั้ง บริทนีย์ สเปียร์ส และ ลินด์ซีย์ โลฮาน 2 สาวปาร์ตี้เกิร์ลที่รายหลังมีข่าวลือว่าตั้งครรภ์ขณะที่เธอเข้ารักษาตัวในสถานบำบัดผู้ติดเหล้าและยาเสพย์ติด นอกจากปาร์ตี้เกิร์ลแล้ว นิโคล คิดแมน ดาราสาวชื่อดังแห่งวงการฮอลลีวูด ก็มีข่าวลือเรื่องการตั้งท้องลูกคนแรกของเธอเองกับ คีธ เออร์เบิร์น สามีหนุ่มนักร้องคนล่าสุดแต่แล้วสุดท้ายนักแสดงสาวก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

นอกจากเหล่าคนดังที่ต้องตกเป็นข่าวตั้งครรภ์ทั้งที่จริงและไม่จริงมากมายแล้ว คนที่ชอบเป็นข่าวอย่าง ปารีส ฮิลตัน ไฮโซสาวชื่อดังก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ขอเกาะกระแสเบนโลด้วยการออกมาประกาศเส้นตายว่าจะขอมีลูกตามเพื่อนซี้อย่างบริทนีย์ และนิโคล ริชชี ในปีหน้าที่จะถึงนี้แน่นอน เรียกได้ว่างานนี้ปารีส เป็นผู้ที่เกาะติดทุกสถานการณ์ไม่ตกเทรนด์เพื่อทำตัวให้เป็นข่าวได้ทุกวันจริงๆ!!!

*************

อันดับที่ 6 ...แด่เหล่าบุปผาบูรพาที่บอบช้ำ

D-War อาจจะเป็นหนังแอ็คชันสายพันธุ์เกาหลีที่ชาวกิมจิภูมิใจมากที่สุดเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ข่าวที่พวกเขายกมาเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกในประเทศมากที่สุดได้แก่การจากไป 2 รายซ้อนๆ ของสาวๆ ในวงการบันเทิงด้วยวิธีผูกคอตาย

เริ่มจากเดือนม.ค.เมื่อแฟนๆ ของนักร้องสาวสุดเซ็กซี่ ยูนี วัย 26 ปี ที่กำลังจะคลอดผลงานชิ้นใหม่ไม่กี่อึดใจ เกิดอาการน้อยใจจากเสียงวิจารณ์ที่มีต่อตัวเธออย่างรุนแรง จนเป็นเหตุให้เธอเกิดอาการซึมเศร้าเล่นงาน และเมื่อวันที่ 22 ม.ค. คุณยายของเธอก็มาพบร่างของนักร้องสาวผูกคอตายสิ้นใจคากรอบประตู ก่อนหน้าผลงานอัลบั้มใหม่จะออกวางขายในวันที่ 1 ก.พ.ไม่กี่วันเท่านั้น

หลังจากทำใจเรื่องกับเรื่องเศร้าดังกล่าวยังไม่หายแฟนละครเกาหลีก็ยังต้องมาเจอกับข่าวช็อคครั้งใหญ่ เมื่อ จองดาบิน อดีตนางเอกสาวละครดังหลายเรื่อง ถูกเพื่อนชายของเธอที่อยู่ด้วยกันในคืนเกิดเหตุพบร่างอันแน่นิ่งของเธอสิ้นใจจากการผูกคอตายด้วยผ้าเช็ดตัวในห้องน้ำ สาเหตุมาจากความน้อยใจในเส้นทางอาชีพหลังจากไม่มีงานเข้ามาเป็นเวลาปีกว่า

แม้เหตุการณ์ทั้งสองจะไม่ทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบการฆ่าตัวตายขึ้นอีกอย่างที่หลายๆ คนกังวลใจกัน แต่สาวๆ เพื่อนบ้านในญี่ปุ่นก็มีผู้คิดสั้นจนเกิดเหตุสลดเมื่อปีที่ผ่านมา แม้วิธีการจะแตกต่างกันก็ตาม

เริ่มตั้งแต่เมื่อปลายปี 2006 เมื่อ ริน อินุมารุ นักเขียนวัย 48 เจ้าของการ์ตูนดังในญี่ปุ่น โอจารุ มารุ ตัดสินใจทิ้งร่างตัวเองลงมาจากคอนโดมิเนียมชั้น 14 ที่เธออาศัยอยู่มาสิ้นใจบนหลังคาตึกชั้น 5 ที่อยู่ติดๆ กัน ด้วยเหตุผลในจดหมายที่เธอทิ้งไว้ว่าเกิดความน้อยใจในผลงานของเธอเอง

เมื่อเดือนก.พ. ปีที่แล้ว คิมิเอะ โอซูกิ ผู้ประกาศข่าวสาวจากช่อง NTV วัย 43 ที่เพิ่งจะเป็นคุณแม่คนได้เพียง 4 เดือน แต่อาการซึมเศร้าหลังคลอดอย่างรุนแรงของเธอที่ทำให้เธอไม่สามารถเขียนหนังสือหรือแม้แต่หยิบโทรศัพท์มาคุยได้ เป็นเหตุให้เธอตัดสินใจกระโดดลงมาจากอพาร์ตเมนต์ชั้น 8 ของเธอจนเสียชีวิต

แต่ที่สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงแดนปลาดิบเมื่อปีที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นการสูญเสียนักร้องสาวมากความสามารถ อิซูมิ ซากาอิ นักร้อง/นักแต่งเพลงที่โด่งดังในชื่อวง Zard ที่กำลังต่อสู้กับการลุกลามของมะเร็งร้ายจากปากมดลูกมาสู่ปอดทั้งสองข้างในโรงพยาบาล ก่อนที่จะมีผู้พบเห็นร่างของเธอนอนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงเมื่อเช้ามืดของของวันเสาร์ที่ 26 พ.ค. ก่อนที่จะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในบ่ายวันอาทิตย์ถัดมา ซึ่งสันนิฐานเธออาจจะลื่นตกลงมาจากบริเวณบันไดที่เธอชอบไปเดินเล่นบริเวณดังกล่าวบ่อยๆ แต่เนื่องจากคืนก่อนเกิดเหตุมีฝนตกที่ทำให้พื้นเปียกชื้น จึงมีความเป็นไปได้ว่านักร้องสาวคนดังอาจจะลื่นล้มแล้วตกลงมาจากความสูงกว่า 3 เมตรจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต แม้จะไม่มีหลักฐานใดมายืนยันได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตั้งใจของตัวศิลปินเอง แต่เป็นที่แน่นอนว่าวงการเพลงได้สูญเสียศิลปินหญิงญี่ปุ่นผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทำยอดขายมากที่สุดของยุค 90 และครองตำแหน่งศิลปินญี่ปุ่นที่มียอดขายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ไปตลอดกาล

การตัดสินใจปลิดชีวิตตนเองของสาวๆ ในวงการของประเทศทั้งสอง สะท้อนให้เห็นถึงสถิติการฆ่าตัวตายในหมู่ชาวเกาหลีและญี่ปุ่นในปัจจุบัน โดยในบรรดาประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือและพัฒนาด้านเศรษฐกิจ หรือโออีซีดี เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีสถิติการฆ่าตัวตายต่อประชากรมากที่สุด ขนาดที่มีตัวเลขคนฆ่าตัวตายในประเทศมากกว่าผู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยซ้ำ ขณะที่อันดับที่ 3 อย่างประเทศญี่ปุ่นนั้น ตัวเลขที่ผู้คนกังวลในปัจจุบันนอกจากผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายแล้ว ผู้ที่ถูกลูกหลงจากการถูกผู้ที่กระโดดตึกฆ่าตัวตายตกลงมาทับจนบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตในปัจจุบันก็มีเพิ่มขึ้นเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น