เว่ยอู๋เซี่ยน #อยู่ไม่เป็น (2)
“เค้าไม่ใช่เกย์นะ ...ตะเอง” !
เว่ยอู๋เซี่ยน เปลื้องผ้าสารภาพ ประกาศชัด “เจ้าวางใจได้ ข้ามิได้ชอบบุรุษ ! ... หานกวงจวิน ข้าเพียงถอดเสื้อของพวกเราทั้งสองออก แค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น เจ้ายังบริสุทธิ์ไร้มลทิน โปรดวางใจ " ......
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
อ่านนิยาย ดูซีรีส์ ย้อนดูสังคม !
"เว่ยอู๋เซี่ยน" ถูกสร้างภาพ พูดต่อๆ ให้ดู "น่ากลัว" จนไม่มีที่ยืนในสังคม กระทั่งบรรดาสำนักต่างๆต้องร่วมมือกันปราบ ! ชาวยุทธทั่วไปใช้เพลงกระบี่เป็นอาวุธ แต่เขาสร้างวิชาพิสดาร ใช้ขลุ่ยเลาเดียว ผิวเป็นเพลงกำกับมนตร์คาถาควบคุมสรรพสิ่ง
"คนคิดต่าง" ไม่ว่าจะเป็นชาติใด ยุคสมัยใด มักแย้งกับกรอบ กฎ และความเชื่อตามขนบเดิม เว่ยอู๋เซี่ยนนิยมเผชิญหน้า มีพฤติกรรม-รสนิยมต่าง กล้าตั้งคำถามกับสิ่งขวางหน้า ด้วยหวังว่า จะเกิด "สิ่งใหม่" ที่ดีกว่าและ "ถูกต้อง" บนโลก !
เมื่อย้อนดูอุปนิสัยและชีวิตของ "ปรมาจารย์อี๋หลิง เว่ยอู๋เซี่ยน" แล้ว การติดแฮกแทชด้วยคำร่วมสมัยก็มิได้กล่าวเกินจริง เพราะ เว่ยอู๋เซี่ยน #อยู่ไม่เป็น #ไม่ถอย #ไม่ทน ตามประสา "มนุษย์คิดต่าง" โดยแท้!
ในเล่ม1 หน้า 91 เว่ยอู๋เซี่ยน กล่าวแก่อนุชนตระกูลหลานว่า
“ข้าว่าสกุลหลานของพวกเจ้านี่นะ สั่งสอนจรรยามรรยาทของสำนักเซียนกับประวัติความเป็นมาของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรให้มันน้อยๆหน่อย ให้ท่องแต่เรื่องไร้สาระอะไรไม่รู้ ทั้งยาว ทั้งน่าเบื่อ สู้เอาเวลามาสอนสิ่งที่ใช้ได้จริงไม่ดีกว่าหรือ”
ระหว่างอยู่เมืองอี้ เว่ยอู๋เซี่ยน ใช้ "วิชาแต้มดวงตาและร่วมจิต" ให้ประจักษ์แก่อนุชนกูซู และจินหลิง เพื่อบอกเป็นนัยว่า เลิกความคิด ความเชื่อแบบเก่าๆอันคร่ำครึ กฎเกณฑ์จารีตโบราณของสำนัก มาสู่การปฏิบัติได้จริงย่อมดีกว่าเชื่อทฤษฎีที่บอกต่อกันมา บางข้อเชื่อโดยไม่มีข้อพิสูจน์ให้เห็นกับตาด้วยซ้ำ !
“บางที "วิชามาร" ก็สามารถหยิบมาใช้เป็น "คุณ" ได้”
ตอนนี้ดัดแปลงจากเรื่องเดิมที่อ่านสนุกมาก วิชานี้ ทำเอาเด็กๆ ตะลึง อ้าปากค้าง
เรื่องดำเนินว่า นักพรตเสี่ยวซิงเฉิน (แท้จริงคือเซวียหยางแปลง) ตาบอดอยู่นอกบ้านแม่เฒ่าที่เว่ยอู๋เซี่ยนและอนุชนเข้ามาหลบอาศัยอยู่ ด้านนอกมีหมอกพิษ และหุ่นเชิด ! เมื่อออกจากบ้านไม่ได้ ในสถานการณ์นี้เพื่อที่จะพาเสี่ยวซิงเฉินเข้ามาในบ้าน จึงใช้วิชา "แต้มดวงตา" ! ที่นวนิยายว่าไว้ต่างจากซีรีส์
ภายในบ้าน มีหุ่นกระดาษสาวใช้ 2 นาง เหมือนพี่น้องฝาแฝด ไม่ว่าจะเป็นการเขียนสีแต่งหน้า ทำผม สวมเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ล้วนลม้ายกัน ... วิชานี้เริ่มจากเอาเลือดเจ้าพิธี "แต้มดวงตา" ของหุ่นสาวใช้ทั้งคู่
"ตางามปิดด้วยขวยเขิน ปากแดงเปิดอ้าแย้มยิ้ม มิถามว่าดีหรือร้าย ข้าขอเบิกเนตรอัญเชิญ" (เล่ม 2 หน้า 50) จบคาถาอัญเชิญ หุ่นก็มีชีวิต หัวเราะคิกคัก เว่ยอู๋เซี่ยนกำกับคำสั่งว่า "พาคนเข้ามา นอกนั้นทำลายสิ้น ไม่มีเหลือ" .... แล้วหุ่นก็ล่องลอย ย่างเท้าว่องไว เมื่อหุ่นเชิดกรูเข้ามา สาวใช้ทั้งสองพลิ้วตัวโบกชายเสื้อเป็นอาวุธ บรรดาหุ่นเชิดหรือผีดิบทั้งหลายก็ถูกชายเสื้อบาดจนแขนขาด ตัวขาด ไม่มีชิ้นดี จนหมดสิ้น
อีกวิชาหนึ่งที่ ปรมาจารย์อี๋หลิง เว่ยอู๋เซี่ยน ใช้คือ ร่วมจิต (นวนิยาย) หรือ เชื่อมจิต (ซีรีส์) ซึ่งเป็นวิชาที่เขาถนัดที่สุด ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องราวของเซวียหยาง, เสี่ยวซิงเฉิน, ซ่งจื่อเชิน และอาซิ่ง ในเมืองอี้ทั้งหมด ซึ่งวิชานี้คือ การอัญเชิญวิญญาณอาซิ่งมาประทับร่าง โดยใช้ร่างกายของผู้อัญเชิญเป็นตัวกลาง ทะลวงความทรงจำ จิตวิญญาณของผู้ตาย โดยผู้ประทับจะต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์ด้วย !
ต่อมา วิชานี้ เว่ยอู๋เซี่ยนได้ใช้เมื่อเป็น "ตุ๊กตากระดาษ" เข้าห้องลับของจินกวงเหยา จนรู้ความลับอีกหลายอย่าง
กฎเพื่อ"กด" !
สายคาดหน้าผากของตระกูลหลานแห่งกูซู เป็นของสูง ! แท้จริงคือ สัญลักษณ์แทนการผูกมัดด้วยกฏเกณฑ์
ในเล่มที่ 2 หน้า 223 หลานซือจุย กล่าวว่า "หลานอัน บรรพชนผู้ก่อตั้งสกุลหลานแห่งกูซูกล่าวไว้ว่า เฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่ฟ้าลิขิตไว้ และปักใจมั่นเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องผูกมัดใดๆ ดังนั้นคำสอนที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น สายคาดหน้าผากของตระกูลพวกเราเป็นของล้ำค่าที่เป็นส่วนตัวและละเอียดอ่อนยิ่งนัก นอกจากตัวเองแล้ว ห้ามผู้อื่นแตะต้องหรือปลดออกมาส่งเดชเป็นอันขาด และมิอาจนำมันมาผูกบนตัวคนอื่น นี่คือข้อห้าม..."
ในซีรีส์ หลานจ้านเคยปลดสายคาด เพื่อรัดข้อมือเว่ยอู๋เซี่ยน เพื่อป้องกันวิถี "สายพิณพิฆาต" ! เมื่อเข้าไปยังถ้ำสระเหมันต์และพบกับ "หลานอี้" ปรมาจารย์หญิงคนเดียวในตระกูลหลานที่คิดค้นสายพิณพิฆาต
เล่ม 3 หน้า 59 เล่าว่า "หลานอี้คิดค้นสายพิณพิฆาตขึ้นเพื่อลอบสังหารผู้ขัดแย้ง ด้วยเหตุนี้ จึงถูกประณามอย่างรุนแรง สกุลหลานแห่งกูซูเองก็รับมือคำวิพากษ์ประมุขท่านนี้อย่างไม่ใคร่ชัดเจนนัก แต่ปฏิเสธมิได้ว่า วิชาสายพิณพิฆาตเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาลับที่มีพลังพิฆาตแข็งแกร่งที่สุดของสกุลหลานแห่งกูซู และเป็นยุทธวิธีที่มีกิตติศัพท์ระบือไกล"
อีกตอนหนึ่งในถ้ำเสวียนอู่ ขาของหลานจ้านได้รับบาดเจ็บ เว่ยอู๋เซี่ยน ถือวิสาสะดึงสายรัดมารัดแผลที่ขาให้กับหลานวั่งจี จนอีกฝ่ายถลึงตายใส่ !
เล่ม 3 หน้า 44 ว่า "ข้าทำไม ... เวลานี้อย่ามัวถือสาเรื่องหยุมหยิมอยู่เลย ต่อให้เจ้าชอบสายคาดหน้าผากเส้นนี้มากแค่ไหน แต่มันคงไม่สำคัญไปกว่าขาเจ้าหรอกนะ จริงหรือเปล่า"
เวลาเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน
16 ปีให้หลัง “หลานวั่งจี” แทบไม่เหลือ "มนุษย์กรอบผู้เก็บกดและเคร่งครัด" อย่างในอดีต คงเหลือแต่ "ความสง่างาม-พูดน้อย-ชัดเจน" เฉพาะเวลา "ไม่เมา" เท่านั้น ! ไม่ยี่หระ หรือ หวั่นไหวกับอนาคต แต่ขอเลือก "ชีวิตลิขิตเอง"!
เมื่อจินกวงเหยาเผยฐานะในเว่ยอู๋เซี่ยน ในจินหลินถาย (หอเกล็ดทอง)... เว่ยอิง บอกว่า "หานกวงจิน เจ้าไม่ต้องตามข้ามาหรอก ! ... เจ้าจะไปกับข้าจริงหรือ คิดให้ดี เมื่อพ้นประตูนี้ไป ชื่อเสียงของเจ้าจะย่อยยับป่นปี้ทันทีนะ !" (เล่ม 2 หน้า 361)
ที่ล่วนจั่งกั่ง (เนินป่าช้า) หลานวั่งจียืนข้างเว่ยอู๋เซี่ยน ไม่ยอมไปร่วมสังฆกรรมกับฝ่ายอาและบรรดาเซียนทั้งหลาย "หลานฉี่เหรินเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี นี่เป็นคำตอบอันเด็ดเดี่ยวและมิอาจสั่นคลอนของหลานวั่งจี" (เล่ม 3 หน้า 249)
เรื่องสายรัดนี้ ครั้งหนึ่ง ตอนเมา... หลานวั่งจีใช้สายคาดหน้าผากมัดมือทั้งสองข้างของเว่ยอู๋เซี่ยน แถมผูกปม เดินอ้อยอิ่ง ตอนแรกผูกเงื่อนเป็น แล้วเปลี่ยนเป็นเงื่อนตาย และผูกซ้ำอีกทบ แต่สายคาดมีความยาวมาก จึงมัดเงื่อนตาย 7-8 ทบซ้อนกันเป็นตะปุ่มตะป่ำ จนพอใจ จึงหยุดผูก ...
โม่เชียงถงซิ่ว คงไม่ได้ต้องการบอกแค่ เว่ยอู๋เซี่ยนคือ ผู้ที่ฟ้าลิขิตไว้ ! เท่านั้น แต่การที่หลานวั่งจีไม่เคร่งครัดกับกฎดังเมื่อก่อน ย่อมเป็นการประกาศ ชีวิตอิสระ ไร้พันธนาการ หลุดพ้น ละวางกฎเกณฑ์ บอกเลิกความเชื่อในวิถีเดิมๆ สู่มิติใหม่ โดยไม่แคร์ต่อเครื่องห่อหุ้ม ซึ่งแฝงด้วย “ทฤษฎีเหนี่ยวรั้ง” แต่ประการใด
กระต่าย "ผู้" สองตัวทับกัน!
เล่มที่ 1 หน้า 82 กล่าวว่า "นี่คือใบหน้าของหนุ่มแปลกหน้า มิใช่ใบหน้าของผู้เคยพลิกฟ้าถล่มปฐพี และก่อมรสุมคาวเลือดให้คละคลุ้งทั่วแผ่นดิน นามว่า ปรมาจารย์อี๋หลิง เว่ยอู๋เซี่ยน"
เล่มที่ 3 หน้า 47 ในถ้ำเสวียนอู่ เว่ยอู๋เซี่ยนจงใจเปลื้องผ้า เพื่อให้อีกฝ่ายโกรธจนหน้าเขียว กระอักเลือดคลั่งออกมา เขากล่าวว่า "เลือดพวกนี้ หากปล่อยไว้จะทำลายสุขภาพมากนะ แต่แค่ตกใจมันก็ออกมาแล้ว เจ้าวางใจได้ ข้ามิได้ชอบบุรุษ ไม่คิดจะฉวยโอกาสทำอะไรเจ้าหรอกน่า"
เล่ม1 หน้า 109 ว่า
"เว่ยอิงเสเพล เจ้าสำราญ ทำตัวกะลิ้มกะเหลี่ย หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า เขาชอบบุรษ ต่อให้ยึดร่าง ด้วยรสนิยมของเว่ยอิงแล้ว ไม่มีทางที่เขาขจะเลือกร่างเจ้าลักเพศ ละเลงหน้าราวผีผูกคอตาย"
"ชายรักชาย" เป็นพฤติกรรมและบุคลิกของ "โม่เสวี่ยนอวี่" ! และเพื่อเบนความสนใจ ให้ทุกคนคิดว่า เขามิใช่เว่ยอู๋เซี่ยน แต่เป็นโม่เสวียนอวี่ ! เขาจึงกล่าววาจาที่หลานจ้านฟังแล้ว ต้องร้องอี๋และขนพองสยองเกล้า "แบบหานกวนจวินไง ที่ข้าชอบมาก !"
16 ปีให้หลัง แทนที่อีกฝ่ายจะสะดุ้งตกใจ สาดสายตาอันคมกริบอย่างเมื่อก่อน แต่หานกวนจินกลับหันมาบอกว่า "คำพูดนี้ เจ้าพูดเองนะ" ! ก่อนที่ใครจะพูดความใด หลานวั่งจีชิงประกาศแก่ทุกคน อันได้แก่เจียงเฉิง และเหล่าอนุชนทั้ง 2 ตระกูลว่า "คนผู้นี้ ข้าจะพากลับสกุลหลาน" !?
ในซีรีส์ EP 25 มีคำกล่าว"พี่ใหญ่ ข้าอยากพาคนผู้หนึ่งกลับอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ พากลับไป ซ่อนเขาไว้" !
อย่างที่ทราบกันว่า "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" เป็นนวนิยายกำลังภายในแนววาย มีพรรณาโวหาร อุปมาอุปมัยให้มโน-ตีความกันไป พูดถึงการหลับนอนของคนทั้งคู่อยู่หลายตอน ให้มี "กลิ่น" สัมผัสเท่านั้น ไม่ได้ "ทะลวง-ฮาร์ดคอร์" แต่ประการใด !
เรื่องกระต่ายตัวผู้สองตัว ปรากฏบทสนทนา ในเล่มที่ 1 หน้า 189 ว่า "เจ้าดูพวกมันสิ ทับกันแบบนี้ ใช่กำลัง ... / พวกมันเป็นตัวผู้ทั้งคู่ / ตัวผู้รึ น่าประหลาดเหลือเชื่อ ... เป็นตัวผู้จริงด้วย แต่ตัวผู้ก็ตัวผู้สิ เมื่อครู่ข้ายังพูดไม่ทันจบ เจ้าจะเคร่งเครียดไปใย เจ้าคิดไปถึงไหนนี่ จะว่าไป สองตัวนี้ ข้าเป็นคนจับมา ไม่ได้สังเกตเลยว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย แต่เจ้ากลับดูตรงนั้น"
คราวหนึ่ง เว่ยอู๋เซี่ยน ชี้มาที่ตัวเอง แล้วถามหลานวั่งจีตอนเมาว่า "แล้วนี่เล่า เป็นเช่นไร" อีกฝ่ายตอบว่า "ของข้า" ! ครั้งนั้น เว่ยอู๋เซี่ยนคิดว่า ฝ่ายตรงข้ามคงเข้าใจและหมายถึงกระบี่ปี้เฉินของหลานวั่งจีที่เขาสะพายอยู่
ในอดีต หลานวั่งจี จะรังเกียจ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับกายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพศใด ! แต่ในปัจจุบัน ...
เล่มที่ 1 หน้า 129 กล่าวว่า "ทั้งร่างของเว่ยู๋เซี่ยนอยู่เหนือหลานวั่งจี ในท่าสองขาแยกออก คุกเข่าคร่อมช่วงบั้นเอว มือสองข้างยันตั่งไม้ กักตัวหลานวั่งจีไว้ระหว่างสองแขน เขาค่อยๆโน้มหน้าลง ระยะห่างระหว่างใบหน้าทั้งสองก็ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และเรื่อยๆ จวบจนเว่ยอู๋เซี่ยนเริ่มหายใจลำบาก ในที่สุด หลานวั่งจีก็ยอมปริปาก
ลงไป-ไม่ลง - ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็นอนแบบนี้ทั้งคืนแล้วกัน ! ...
ระหว่างที่เขารู้สึกเหมือนมีคลื่นยักษ์ถาโถมชวนหวาดผวา จู่ๆ หลานวั่งจีก็ขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย เว่ยอู๋เซี่ยนนึกว่า ในที่สุด ฝ่ายตรงข้ามก็ทนไม่ไหวแล้ว ในใจจึงพลันลิงโลด แต่ที่ไหนได้ หลานวั่งจีเพียงโบกมือเขาๆ ...ตะเกียงก็ดับลง"
เล่ม 1 หน้า 330 ว่า "พ่อบุรุษถือพรหมจรรย์ ! หานกวงจวิน ข้าเพียงถอดเสื้อของพวกเราทั้งสองออก แค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น เจ้ายังบริสุทธิ์ไร้มลทิน โปรดวางใจ !"
เหตุเปลี่ยนไปแบบนี้ซะแล้ว หลานวั่งจี สุภาพชนเป๊ะทุกกระเบียด ไม่ว่า จะเป็นกฎสำนัก จนถึงการเข้าสังคม วางตัว เมื่อก่อนหลานวั่งจีจะทนไม่ได้ เมื่อเว่ยอู๋เซี่ยนทำอะไรผิดนิดๆหน่อยๆ เป็นต้องท้วงติง แต่ปัจจุบัน หลานวั่งจีกลับทนได้ทุกอย่าง ! ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะประพฤติตัวแสดงกิริยาแสร้งผิดเพศ หรือทำตัววิปลาสเช่นไรก็ตาม
ความลับใน "อวิ๋นเซินปู้จือชู่"
อาศรมเยือกเย็น (เรือนพำนัก) ในแดนเร้นเมฆา "อวิ๋นเซินปู้จือชู่" มีความลับ ! ความนี้ไม่เคยแพร่งพรายสู่คนนอก หลานซีเฉิน เล่าให้เว่ยอู๋เซี่ยนฟัง ขณะที่ไม่มีหลานวั่งจี ผู้เป็นน้องชายอยู่ด้วย ...
อาศรมเยือกเย็น ที่หานกวงจินใช้พักอาศัยในอวิ๋นเซินปู้จือชู่ แต่เดิม คือ บ้านพัก ซึ่งควรเรียกว่า คือ "ที่กักกัน" มากกว่า
ฮูหยินท่านนี้ แม้ประวัติ หรือ รูปโฉมก็ไม่เคยปรากฏให้คนเห็น ดังนี้ จึงมีคนคาดการณ์ไป ต่างๆนานา เช่น นางอาจจะ "พิการหรือเสียโฉม" ก็เป็นได้ ! ความจริงแล้ว ... ความลับของ "พ่อและแม่" ของ 2 พี่น้อง เป็นเรื่องน่าเศร้า ! ความรักที่พ่อของเขา "ซิงเหิงจวิน" ที่มีต่อนาง ทำให้จำต้องทำเช่นนี้ ฝ่ายหญิงไม่ได้มีจิตพิศวาสต่อพ่อของเขาแต่อย่างใด !
นางได้สังหารอาจารย์ท่านหนึ่งของชิงเหิงจวิน ! แต่เขาก็ยังแต่งงานและพานางเข้ามายังแดนนี้อย่างลับๆ โดยไม่สนคำทัดทาน พร้อมประกาศว่า ผู้นี้คือ "ภรรยา" หากใครจะแตะต้องนาง ต้องผ่านเขาไปก่อน ! เมื่อเข้ามายังอวิ๋นเซินปู้จือชู่ จึงสร้าง "อาศรมเยือกเย็น" แห่งนี้ขังแม่เขาไว้ และสร้างเรือนอีกแห่งหนึ่งเพื่อขังตัวเอง อ้างว่า ฝึกวิชา แท้จริงคือ สำนึกตน
สองพี่น้องพบแม่เดือนละครั้ง มีชีวิตและเป็นความหวังของหลานฉี่เหริน ผู้เป็นอา ! ด้วยหวังว่า ทั้งคู่จะไม่เลือกเดินทางผิดกฎเกณฑ์และทำนองคลองธรรม
อู๋เว่ยเซี่ยน กล่าวว่า "เขาทั้งมิอาจให้อภัยฆาตกรที่สังหารอาจารย์ผู้มีพระคุณของตัวเอง และมิอาจทนเห็นหญิงอันเป็นที่รักตายจาก จึงจะต้องแต่งงานกับนางเพื่อคุ้มครองชีวิตนางไว้ และบังคับตัวเองไม่ให้ไปพบนาง" (เล่ม 3 หน้า 208-209)
"ความรัก" มักจะซ่อนเรื่อง "น่าเศร้า" !ในฉากหลัง ที่ฉายภาพเบื้องหน้าแห่ง "ความสุข" ...
..........
แม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะจบลงโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ภาคนวนิยายแปลในเมืองไทยยังเหลืออีก 2 เล่ม ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เหมือนหรืออาจจะแตกต่างกันในบางช่วงตอน ดังที่ละครออนไลน์ยกตัวอย่างมา "อ้างอิง"
ยืนยันว่า ถ้าคุณประทับใจซีรีส์เรื่องนี้ ก็ควร "อ่าน" ! เพราะจะได้เห็นเรื่องราวอีกหลายแง่มุมที่อาจจะไม่มีในซีรีส์
คุณๆ สามารถติดตามหนังสือชุดนี้ได้ที่ เบเกอรี บุ๊คหรือสอบถามรายละเอียด ที่ โทร. 082-796-6696หรือ www.bakerypublishing.com
แกะกล่อง "BOX SET THE UNTAMED" >> https://mgronline.com/drama/detail/9630000004112
เว่ยอู๋เซี่ยน #อยู่ไม่เป็น (1) >> https://mgronline.com/drama/detail/9630000006715