ซิ่นลายหงส์ ตอนที่17 เปิดปุ๊บติดปั๊บ แม่เจ้าบ่าวตั้ง สอางท้อง!
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา / ณไทย ภัทรกวีกานท์
พ่อเจ้ายืนครุ่นคิดสีหน้าเครียดกังวลใจเรื่องอาการญาแม่อยู่ในห้องทำงาน สอางตามเข้ามา ตรงเข้ากอด พูดปลอบประโลม
“เราสองคนทำผิดมหันต์เหลือเกินสอาง” พ่อเจ้ารำพึง
“ถ้าสิผิด ก็เพราะเฮาสองคนปิดบังความจริงกับญาเอื้อย แต่เรื่องที่พ่อเจ้ากับข้าน้อยฮักกัน มันบ่อแม่นความผิดเลยเจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าอึ้งๆ หันมามองสอาง
“ญาเอื้อยเองกะคงบ่อได้ฮักพ่อเจ้าดอก บ่อเซ่นนั่นกะยอมฮ่วมเฮียงเคียงหมอน กับพ่อเจ้าตั้งโดนแล้ว”
“แต่ฉันทำให้สะอาดผิดหวัง แล้วยังทำให้แม่ของเธอล้มเจ็บ”
“ญาแม่กะเป็นลมเป็นแล้งไปตามประสาผู้เฒ่า ข้าน้อยขัดใจจักหน่อย กะเป็นอาการแบบนี่ทุกเทือ บ่อมีหยังพิเศษดอกเจ้าค่ะ”
สอางพูดอย่างไม่แยแสแม่กับพี่ จนสะกิดใจพ่อเจ้า แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ทองมีก็เคาะประตูที่เปิดอยู่เข้ามารายงาน
“ญาแม่คำอ่อนฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าสีหน้าโล่งใจ ขยับตัวเหมือนจะรีบไปดู แต่ทองมีรีบพูดขึ้น
“แต่เพิ่นบ่ออยากพ้อหน้าไผเจ้าค่ะ เพิ่นสั่งความว่าสิกลับเฮือน”
พ่อเจ้าชะงัก สีหน้าสลดลง รู้สึกผิด สอางสะบัดหน้ารำคาญ
ญาแม่นอนอยู่บนเตียงห้องรับรองแขก เห็นสอางเดินนวยนาดเข้ามาก็ยันตัวลุกขึ้น
“กูบอกแล้วว่าบ่ออยากเห็นหน้ามึง ออกไป”
“คึดว่าข้าน้อยอยากสิเข้าใกล้คนป่วยไข้ซั่นบ้อ ที่ต้องเข้ามาเบิ่ง ก็เพราะว่ามีฐานะลูกค้ำคออยู่ต่างหาก”
สอางเข้าไปจับแขนญาแม่พยุงให้นั่งดีๆ แต่ญาแม่สะบัดออก
“อย่ามาจับมาบายโตกู กูสิเมือเฮือน”
“ถ้าสิเมือ พ่อเจ้าเพิ่นก็สิไปส่ง”
“บ่อต้อง กูมาเองได้ กูกะเมือเองได้”
ญาแม่หันมามองจ้องสอางตาเขียว สอางมองอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เฮ่อ...ปล่อยญาแม่ลากสังขารย่างกลับเอง เดี๋ยวกะตายกลางทาง เป็นอาหารของอีแฮ้งอีกาพอดีนี่..ข้าน้อยบ่ออยากเห็นญาแม่ตายดอก อยากให้อยู่ ได้เห็นกันไปโดนๆ” สอางยิ้มเย้ย
ญาแม่ปวดใจ “มันเป็นบาปหยังของกูที่ต้องมีลูกกรรมลูกเวรอย่างมึง”
สอางยิ้มรับโดยไม่แยแส
“พ่อเจ้ารออยู่ ข้าน้อยสิไปรออยู่รถ ถ้าสิเมือเฮือนก็ฟ่าวตามมา”
สอางเดินปร๋อออกไปเลย ทิ้งญาแม่ให้มองตามด้วยความเจ็บปวดแค้นใจ
บนเรือนญาติพ่อแพทย์ที่เมืองพนมไพร วันเดียวกัน
พ่อแพทย์ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมอง เห็นโซ่ทองกำลังบดยาอยู่ข้างๆ
“โซ่ทอง”
ชะงักหันไปมองพ่อแพทย์อย่างดีใจ
“พ่อแพทย์ฟื้นแล้ว”
เคน บุญล้น นั่งอยู่ไม่ไกลกัน รีบกรูเข้ามาหาอย่างดีใจ เคนจับเนื้อจับตัวพ่อแพทย์อย่างตื่นเต้น
“เนื้อโตบ่อฮ้อนเป็นไฟคือมื่อวานแล้ว แบบนี่ ถือว่าส่วงเซาหายดีแล้วแม่นบ่อ บักหล่า”
โซ่ทองเข้ามาจับเนื้อตัวดู แล้วกดใต้ตาพ่อแพทย์ดูเส้นเลือดในตาตรวจอาการ
“ร่างกายลดความฮ้อนลงแล้ว แต่ยังมีไข้อยู่จ้ะ เดี๋ยวพ่อแพทย์กินยาอีกจักหน่อยแนเด้อ”
โซ่ทองประคองพ่อแพทย์ให้ลุกขึ้น แล้วป้อนยาที่เตรียมไว้ พ่อแพทย์จับมือโซ่ทองอย่างซึ้งใจ
“ขอบใจเจ้าหลาย...บักโซ่”
“บ่อต้องขอบใจข้าน้อยดอกจ้ะพ่อแพทย์ เป็นหน้าที่ของข้าน้อยอยู่แล้ว”
พ่อแพทย์กินยาที่โซ่ทองปรุงให้ โซ่ทองมองอย่างโล่งใจ แต่ก็รู้ว่าพ่อแพทย์ยังดูอ่อนเพลียอยู่มาก
ศรีธารานั่งซึมอยู่ที่แคร่หน้าเรือน สะออนเดินมานั่งข้างๆ
“ท่านซาย”
ศรีธาราสะดุ้ง ท่าทางมีพิรุธ สะออนมองขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ตกลงว่าท่านชายกับอ้ายโซ่มีอะไรกัน”
ศรีธาราอึกอัก “คุณพูดถึงเรื่องอะไรหรือ สะออน”
“ก็เรื่องเมื่อคืนที่คุยกัน รู้กันแค่สองคน พอข้าน้อยถามก็บอกไม่มีอะไร” สะออนจ้องหน้ารู้ทัน “แต่ท่านชายสีหน้าแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อเย็นวาน มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
ศรีธาราลำบากใจ แต่ก็ไม่อยากให้สะออนเป็นกังวล เพราะเรื่องพ่อแพทย์ล้มป่วยก็ร้อนใจมากพออยู่แล้ว
สะออนจ้องหน้าคาดคั้นกว่าเดิม “ท่านชายบอกมาเถอะ อย่าโกหกข้าน้อย เพราะข้าน้อยดูออก”
ศรีธารายิ่งอึดอัด ลังเลว่าจะบอกดีหรือไม่ แต่เสียงบุญล้นดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“สะออน พ่อแพทย์ฟื้นแล้ว”
สะออนชะงัก หันไปมองบุญล้นอย่างดีใจ ลืมเรื่องที่คาดคั้นศรีธาราไปชั่วขณะ
สะออนถลาเข้าไปกอดพ่อแพทย์ด้วยความดีใจ
“ข้าน้อยดีใจหลายที่ญาพ่อแข็งแฮงขึ้น แต่พักอีกจักหน่อยดีบ่อ พนมไพรกับอีสานบุรีบ่อแม่นใกล้ๆ ถึงสินั่งรถ แต่ทางมันก็กันดาร ญาพ่อสิเมื่อยล้า”
พ่อแพทย์ส่ายหน้า หันไปมองแคนกับบุญล้น
“พ่อรบกวนพี่น้องเมืองพนมไพรโดนเกินไปแล้ว เกรงใจเจ้าศรีธาราเพิ่นนำ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับพ่อแพทย์ ผมยินดี” บุญล้นยิ้มให้
เคนก็ด้วย “พ่อแพทย์ เจ้าก็บ่อต้องเกรงใจหมู่ข้อยดอก”
“จั่งใด๋ข้อยก็ต้องเมือ บักโซ่มาอยู่นี่ เฮือนแพทย์ก็บ่อมีหมออยู่ ไทบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย เขาสิลำบาก” พ่อแพทย์หันมาหาสะออน “พาพ่อเมือบ้านสา สะออน ถึงเส้นซาตาพ่อสิต้องขาด แต่อย่างน้อย พ่อก็ยังได้ตายใส่เฮือนเฮา”
“อย่าเว้าอย่างนั่นแหมพ่อแพทย์ พ่อแพทย์สิต้องบ่อเป็นหยัง” โซ่ทองเอ่ยขึ้นพลางหันมาหารือสะออนกับศรีธารา “ถ้าพ่อแพทย์อยากเมือบ้าน เฮาก็พาเพิ่นเมือ ดีบ่อ”
สะออนรู้ว่าห้ามพ่อไม่ได้จึงพยักหน้าให้ จากนั้นสะออนกับโซ่ทองก็ช่วยกันพยุงให้พ่อแพทย์ลุกขึ้น เดินลงเรือนไป ท่าทางพ่อแพทย์ยังดูอ่อนแรงอยู่มาก
สอางนั่งเอกเขนกคุยกับนางงออย่างสบายใจ ตรงหน้ามีอาหารการกินของโปรดที่นางงอเอามารับรอง โดยมีเสากะสีแหล่ช่วยบีบนวดอยู่คนละข้าง
“ข้าน้อยคึดอยู่แล้ว ว่าแม่สอางไปนั่น สิต้องมีแผนการ แต่ก็บ่อคึดว่าแผนนั่นสิเป็นแผนการเผด็จศึกพ่อเจ้า” เสาหัวเราะคิก
“แบบนี้ข้าน้อยก็เอิ้นแม่สอางว่าแม่เจ้าสอางได้เต็มปากแล้วแม่นบ่อจ้า เอ๊ย แม่นบ่อเจ้าคะ จั่งค่อยเว้าคล่องปากแน” สีแหล่พูดยกยอเอาใจ “ฟังเบิ่งมีสง่าราศีกว่าแม่เจ้าสะอาดตั้งหลาย”
สอางยิ้มกริ่ม “มึงอยากเอิ้นก็เอิ้นได้ แต่ระวังไทเฮือนพุทไธเทพได้ยินแล้วสิถีบหัวสัก ตกเฮือนบ่อฮู้โต” (หัวสัก (กิริยา) = หัวคะมำ)
สีแหล่ประจบต่อ “ถ้าอย่างนั่น ก็ให้ข้าน้อยกับอีเสาไปอยู่ฮับใซ้อยู่วังนำแนเจ้าค่ะ แม่เจ้าสอาง”
“แม่นเจ้าค่ะ ข้าน้อยอยากมีตำแหน่งเป็นนางข้าหลวงฮับใซ้แม่เจ้า เผื่อมื่อหน้าสิได้ผัวเป็นคนในฮั้วในวังนำเขาแน แม่เจ้าสอาง”
สอางหมั่นไส้ปรายตามองค้อนเสากับสีแหล่ ยังไม่ตอบรับปาก จนนางงอเอ่ยขึ้น
“ก็ดีคือกัน สอาง เอาอีสองโตนี่ไปคอยฮับใซ้ มันฮู้ใจเจ้าหลายกว่าขี้ข้าอยู่วัง แล้วถ้าอีพวกนั่นมันมาเห่ามาหอน มาเก่งกับเจ้า ก็ให้อีเสาอีสีแหล่ปราบพวกมัน เจ้าสิได้บ่อต้องลดโตลงไปวิวาทผิดเถียงกับซุมขี้ข้าให้เสื่อมเสีย”
สอางนิ่งคิด เริ่มเห็นด้วยกับนางงอ
“เออ ถ้าอย่างนั่น พวกมึงก็ฟ้าวไปแต่งข้าวแต่งของ”
เสากับสีแหล่ร้องกรี๊ดดีใจ รีบพากันลงเรือนไปเก็บของ สอางหันมามองนางงอ
“แล้วมึงล่ะอีงอ บ่อคึดสิไปอยู่ฮับใซ้กูบ้อ กูเคยบอกแล้ว ว่าถ้าได้ดีเป็นเมียพ่อเจ้ามื่อใด๋ ก็สิเอามึงไปอยู่นำ บ่อต้องลำบากอยู่กระท่อมซอมซ่อแบบนี่”
นางงอยิ้มเจื่อนๆ “ข้อย...ข้อยไปบ่อได้ดอก อยู่นี่สะดวกกว่า”
“มึงมีเวียกงานอีหยังให้ห่วงคักแหน่” สอางมองจ้องหน้า
นางงออึกอัก ใจคิดกังวลเรื่องที่ต้องไปรับยาที่สำนักสมิงพันดงมาต้มกิน แต่ไม่กล้าบอกสอาง
“ก็...ข้อยอยู่ทางนี้ สิได้สอดส่องเทิงเฮือน เป็นหูเป็นตาให้เจ้านั่นเด้ เผื่อว่าพ่อเจ้ายังบ่อเซาอาลัยอาวรณ์สะอาด ถ้ายังร่ำไรมาง้อมางอนกัน ข้อยสิได้ส่งข่าวเจ้า”
สอางอึ้ง คล้อยตามนางงอ เลยไม่เซ้าซี้ต่อ
ฝ่ายสะอาดเดินมาที่เรือนใหญ่ แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นพ่อเจ้านั่งรออยู่ที่แคร่ใต้ถุนเรือน
“สะอาด” พ่อเจ้าลุกเดินมาหา
สะอาดเมินหน้าหนี “พ่อเจ้ายังบ่อกลับไปอีกหรือเจ้าคะ”
“ฉันรอคุยกับเธอ”
“เฮายังมีธุระหยังที่ต้องคุยกันอีกเจ้าค่ะ ข้าน้อยฮู้แจ้งแก่ใจทุกอย่างตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว”
สะอาดพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาพาลจะไหลรินออกมาอีกครั้ง แต่พยายามกลั้นไว้
“อย่างที่ข้าน้อยบอก เฮาสองคนบ่มีหยังติดค้างกันอีกแล้ว บ่อว่าบาปหรือบุญ”
“แต่ถึงอย่างไร ฉันก็ยังอยากจะให้เธอกลับไปอยู่ที่วัง”
สะอาดสะท้อนใจ หันมาตวาดอย่างอัดอั้น “กลับไปในฐานะหยังล่ะเจ้าคะ ในเมื่อตอนนี้น้องสาวของข้าน้อยกะเฮ็ดหน้าที่แทนข้าน้อยได้สมบูรณ์ดีทุกอย่างแล้ว และอาจสิดีกว่าข้าน้อยซะอีก พ่อเจ้าถึงได้...”
สะอาดสะเทือนใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ปล่อยให้ไหลออกมา
“พ่อเจ้าควรดีใจด้วยซ้ำ ที่ข้าน้อยถอยออกมา ด้วยใจที่ละอายแก่บาป เฮาสิได้บ่ต้องทนอัปยศอดสู อยู่กินกันในสภาพสามคนผัวเมียให้อับอายเทวดาฟ้าดิน”
พ่อเจ้าได้แต่นิ่งเศร้าใจ แต่ก็แก้ตัวไม่ออก สะอาดแข็งใจหยุดร้องไห้ แล้วบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
“พ่อเจ้ากลับวังไปเถาะเจ้าค่ะ พาสอางกลับไปนำ กลับไปเฮ็ดหน้าที่ทุกอย่าง แทนข้าน้อย แล้วมื่อหนึ่ง ข้าน้อยสิกลับไปกราบขอสมมาอัฐิแม่เจ้าปทุมรัตน์ ที่ข้าน้อยมีส่วนเฮ็ดให้เรื่องน่าอับอายแบบนี้เกิดขึ้น”
สะอาดพูดจบก็เดินหนีขึ้นเรือนไป ทิ้งให้พ่อเจ้ายืนคอตกละอายใจอยู่ลำพัง
สะอาดเดินขึ้นเรือนมาแล้วหยุดเช็ดน้ำตา แต่สังเกตเห็นว่าญาแม่มองอยู่
ญาแม่ถามเสียงอ่อนแรง “พ่อเจ้าเมือแล้วบ่อลูก”
“อีกจักหน่อยกะคงสิเมือจ้ะ”
สะอาดเดินเข้ามาทรุดลงนั่งข้างๆ ญาแม่มองสะอาดอย่างเวทนา บีบแขนลูกสาวเบาๆ เพียงเท่านั้นทำนบน้ำตาสะอาดก็แตก สะอื้นออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นร้องไห้โฮ ญาแม่เห็นแล้วยิ่งไม่สบายใจ พยายามจะลุกขึ้นไปหาพ่อเจ้า คุยให้รู้เรื่อง
สะอาดตกใจ รีบจับไว้ “ญาแม่สิไปไส”
“แม่สิไปขอให้เพิ่นถิ่มสอางไว้นี่ แล้วพาเจ้าเมือวัง”
“อย่าเลยญาแม่”
ยิ่งพูดญาแม่ก็ยิ่งของขึ้น “เป็นหยังล่ะลูก เจ้าสิยอมให้น้องมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีไปถึงใด๋ แม่ยอมบ่อได้ดอก ถึงมันสิเป็นลูกในใส้ แต่เรื่องอัปรีย์ที่มันเฮ็ดเทือนี่ แม่สิบ่อมีวันเผาผีมัน”
“ญาแม่อย่าซังน้องเลย สิ่งที่น้องยาดแย่งไป ข้าน้อยบ่ออยากได้มันแล้ว ข้าน้อยบ่อคึดอยากได้มันตั้งแต่แรก ญาแม่ก็ฮู้”
ญาแม่อึ้ง สะอาดโผเข้ากอดญาแม่ร้องไห้ออกมาอีก
“ข้าน้อยยอมไปอยู่นั่น ตามความปรารถนาของแม่เจ้าปทุมรัตน์ แต่ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ ก็ขอให้ข้าน้อยได้เลือกทางของโตเองสา อย่าส่งข้าน้อยคืนไปตกนรกหมกไหม้ ตายทั้งเป็นอยู่นั่นอีกเลย”
สะอาดสะอื้นไห้จนตัวโยน ญาแม่หมดเรี่ยวแรงที่จะโวยวาย ทรุดนั่งลงสงสารลูกเหลือเกิน
“โอ้ยน่อ... ลูกเอ๊ย...”
ญาแม่ใจหายพาลจะร้องไห้ตามไปด้วย กอดสะอาดไว้อย่างเห็นใจ
สะอาดซบหน้ากับญาแม่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ภาพอดีตที่เคยฝันเห็น ศรีสะอาดใส่ร้ายและทรมานหูกคำ ย้อนเข้ามาในหัวเป็นห้วงๆ
นับแต่ตอนศรีสะอาดให้ข้าหลวงปล่อยมดแมงให้กัดหูกคำ / ศรีสะอาดสั่งให้ทหารทรมานด้วยการใช้มีดกรีดแขนหูกคำ ให้บอกที่ซ่อนซิ่นลายหงส์ / สุดท้ายหูกคำถูกชิงซิ่นลายหงส์ไปได้ในที่สุด
ภาพเหล่านั้นทำให้สะอาดยิ่งร้องไห้หนักหน่วงรุนแรงขึ้น รับรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกกรรมเก่าเล่นงาน
ที่ชานบันได นางงอโผล่หน้าขึ้นมามองญาแม่ที่กอดกับสะอาดร้องไห้อย่างสะใจ
ในเวลาต่อมา เสากับสีแหล่เดินตามสอางเข้ามาในตำหนักวังอินทนิล สองบ่าวจอมขี้เกียจมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น ทองมีจับตามองอย่างไม่ถูกชะตา พ่อเจ้าพูดแนะนำเสียงเนือยๆ
“สองคนนี้คือเสากับสีแหล่ พวกเขาจะมารับใช้สอางที่นี่ ฉันฝากเธอให้ช่วยจัดการดูแลเรื่องที่พักให้ด้วยนะ ทองมี”
“เจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าเดินหนีเข้าห้องทำงานไปเลยโดยไม่สนใจอะไรอีก สอางมองตามอย่างเป็นกังวล
“เฮือนข้าหลวงอยู่ทางหลัง” ทองมีบอกพลางจะนำไป
เสามองวังอย่างตื่นตาตื่นใจอยากอยู่ที่ตึกนี้ “แม่เจ้าสอาง ให้พวกข้าน้อยนอนในห้องแม่เจ้ากะได้จ้า”
สีแหล่เสริมทันที “แม่นจ้ะ อย่าให้พวกข่อยไปอยู่กับซุมกุลีขี้ข้าเลย”
“วังนี่ เจ้านายกับบริวารอยู่แยกกันเป็นสัดส่วน สิอยู่กลั้วกันตามใจชอบบ่อได้” ทองมีบอก
เสากับสีแหล่ตวัดสายตามองทองมีอย่างหมั่นไส้ ไม่ชอบขี้หน้า
“เอ๊ อันใด๋เจ้านาย อันใด๋ขี้ข้า มันแยกกันบ่อออกเลยบ้อ โก่งคอเสียงแข็งแข่งเจ้านายกันเข้าไป อีขี้ข้าพวกนี่” สีแหล่แดกดัน เสาต่อทันที
“เออ สมพอล่ะ แม่เจ้าสอางถึงได้จ่ม ว่าขี้ข้าวังนี้บอกยากปากเปียก เกี่ยงงานกันวุ่นวาย ถืกสั่งไปเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน ปานถืกสั่งไปตาย”
“ขี้ข้าบางจำพวก อยู่วังโดนๆ มันก็หลงละเมอว่าโตเองเป็นเจ้าของวัง หน้าหยาบหน้ามึน แข็งกระด้างใส่เจ้านาย พวกมึงมาอยู่นี่ ก็ก้มหน้าเฮ็ดเวียกฮับใซ้กูกับพ่อเจ้าให้ดีๆ เพิ่นสิได้เห็น ว่าบักใด๋อีใด๋ควรเลี้ยงไว้ บักใด๋อีใด๋ควรเฉดกะลาหัวออกไป”
สอางพูดใส่หน้าทองมีอย่างท้าทาย ทองมีมองตอบด้วยท่าทีสมเพชเวทนา
“มึงแนมหน้ากูหาสะแตกหยัง อีทองมี”
ทองมียังมองดูอยู่ ไม่นึกกลัวคนพวกนี้
สีแหล่โมโห “พวกแนมหน้าคนจังซี่ แถวบ้านกูบ่อได้ตายดีจักคนเด้อสิบอกให้”
ทองมีนึกสังเวชใจ ไม่ตอบโต้ แต่เดินหนีไปเลย
เสาคันไม้คันมือ “ป้าดโธ้...เก่งแท้ๆ”
สีแหล่ด่าไล่หลังไป “อีขี้ข้าท่าใหญ่ กูมาคันแข่วแท้น้อ เดี๋ยวจับหัวกดใส่ไหปลาแดกเลยนิ่”
“ดีเลยอีสีแหล่ หน้ามันก็คือปลาแดกอยู่แล้ว ไปปนๆกันในไห หนอนมันคงสิแยกบ่อออกเนาะ ว่าอันใด๋หน้าคน อันใด๋ปลาแดก ฮ่าๆๆๆ”
สอางยิ้มขำชอบใจ “ร้ายกาจแท้พวกมึงนี่ เรื่องกัดคนนี่ เก่งปานหมาว้อ”
เสาสีแหล่ยิ้มแหยๆ รับคำชมจากเจ้านาย
“แต่อย่าฟ่าวก่อเรื่องตั้งแต่มื่อแรก ตอนนี้พ่อเจ้ายังอารมณ์บ่อดี เดี๋ยวสิพาลเหม็นหน้าพวกมึงสาก่อน ไว้รอจังหวะดีๆ จังถลกหนังหัวกบาลมัน”
เสากับสีแหล่รับเอาคำ แล้วหิ้วข้าวของเดินกระแทกเท้าตามทองมีไป
พ่อเจ้านั่งซึมสีหน้าหมองเศร้าอยู่ในห้องพระ ตรงหน้าอัฐิของแม่เจ้าปทุมรัตน์นึกถึงคำพูดสะอาดตอนประกาศตัดขาดกับตนต่อหน้ารูปแม่เจ้าปทุมรัตน์
“กรรมจากการเป็นเมียที่ไม่ได้ดั่งใจพ่อเจ้านั้น ข้าน้อยได้ชดใช้จนคุ้มแล้ว ส่วนกรรมจากการทรยศต่อความหวังดีของแม่เจ้านั้น ข้าน้อยขอไปชดใช้ในภายหน้า อย่าให้ข้าน้อยต้องทนทุกข์เวทนาอยู่ที่นี่อีกต่อไปเลย”
และตอนตามไปง้อที่เรือนพุทไธเทพ แต่สะอาดไม่ยอมกลับพูดกับพ่อเจ้าทั้งน้ำตา
“พ่อเจ้าควรจะดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่ข้าน้อยถอยออกมา ด้วยใจที่ละอายแก่บาป เราจะได้ไม่ต้องทนอัปยศอดสู อยู่กินกันในสภาพสามคนผัวเมียให้คนนินทา”
พ่อเจ้าได้แต่นิ่งเศร้าใจ แต่ก็แก้ตัวไม่ออก สะอาดแข็งใจหยุดร้องไห้ แล้วบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
“พ่อเจ้ากลับวังไปเถอะเจ้าค่ะ พาสอางกลับไปด้วย กลับไปทำหน้าที่ทุกอย่างแทนข้าน้อย แล้ววันหนึ่ง ข้าน้อยจะกลับไปกราบขอสมมาอัฐิแม่เจ้าปทุมรัตน์ ที่มีส่วนทำให้เรื่องน่าอับอายเช่นนี้เกิดขึ้น”
พ่อเจ้าสีหน้าเศร้าสลดลง ยกมือขึ้นพนม
“แม่บัว ฉันขอโทษนะ”
พ่อเจ้าก้มลงกราบอัฐิ เพราะความรู้สึกผิดกัดกินใจ เลยยอมกราบเมีย แล้วฟุบหน้าอยู่ตรงนั้น
สักครู่มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา แล้วทรุดลงนั่งข้างๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงสอาง
“ข้าน้อยก็ต้องขอสมมาแม่เจ้าปทุมรัตน์นำเจ้าคะ”
พ่อเจ้าสะดุ้ง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นสอางนั่งพับเพียบเรียบร้อย พนมมือไหว้
“ข้าน้อยบ่อได้มีเจตนาสิทำลายความตั้งใจของแม่เจ้า แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ ข้าน้อยก็ขอสัญญาว่า สิเฮ็ดหน้าที่แทนแม่เจ้าอย่างดีที่สุด บ่อให้ แม่เจ้าต้องผิดหวังกับข้าน้อย คือญาเอื้อยสะอาดที่ละเลยหน้าที่ของเมียเจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าเหวอที่สอางพูดเข้าข้างตัวเองหน้าตาเฉย สอางยังไม่รู้ตัว หันไปยิ้มกับพ่อเจ้าอย่างปลื้มใจ
“ข้าน้อยกราบขอแม่เจ้าอวยซัยให้พรแก่เฮาสองคนผัวเมียนำเด้อเจ้าคะ”
สอางพูดจบก็ก้มลงกราบ พ่อเจ้ามองอึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก เพราะตั้งใจมาขอโทษ ไม่ได้มาขอพร
พ่อเจ้าเดินออกมาจากห้องพระ มองสอางอย่างมึนงง จิตตก สอางเกาะแขนแน่นคลอเคลีย
“สำบายใจขึ้นหรือยังเจ้าคะ”
พ่อเจ้าเหลือบมองสอางอย่างสับสน บอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนถูกสอางรวบหัวรวบหางจนตั้งตัวไม่ทัน
“ถ้ายังบ่อสำบายใจ ไปนั่งดื่มไวน์จักแก้วสองแก้วให้สมองปลอดโปร่งดีบ่อเจ้าคะ ระหว่างรอให้ในครัวจัดพาแลง”
สอางดึงแขนจะไปห้องทานอาหาร แต่พ่อเจ้าขืนตัวไว้
“ฉันยังไม่หิวหรอก”
“แต่พ่อเจ้าบ่อได้เสวยหยังเลยเหมิดมื่อนะเจ้าคะ”
“ฉันกินอะไรไม่ลงจริงๆ”
สอางชะงัก สีหน้าผิดหวัง พ่อเจ้าครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ
“ถ้าเธอหิวก็ไปกินเถอะ ฉันขอคิดอะไรตามลำพังซักพักนะสอาง”
พ่อเจ้าแกะมือสอางออกแล้วเดินออกไปทางหนึ่ง สอางชักสีหน้ากังวลใจ กลัวว่าพ่อเจ้าจะเปลี่ยนใจทิ้งตนเอง
ทางฝั่งนางงอนั่งมองตัวเองในกระจก แล้วนึกถึงภาพญาแม่กอดกับสะอาดร้องไห้ที่ตัวเองเห็น เมื่อตอนเย็น นางงอยิ้มชั่วออกมา บอกกับตัวเองอีกครั้ง
“เวรกรรมมันสนองมึงแล้วน้อ... อีคำอ่อน”
นางงอหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต สมัยตนเป็นนางจันทร์สาวสวยลูกพ่อแพทย์จันทกุมาร
เมื่อวันงานบุญ หลังแห่ขบวนนางแก้วอัญเชิญพานหมากเบ็งมาถึงวัด ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน ชาวบ้านส่วนใหญ่ขึ้นไปบนศาลา ชาวบ้านอื่นๆ กำลังช่วยกันดูแลความเรียบร้อยที่ส่วนต่างๆ สำหรับงานพิธี
คำอ่อนนั่งหลบร้อนอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วจะลุกไปที่ศาลา แต่เกิดหน้ามืดซวนเซจะล้ม ฉับพลันก็มีคนมาประคองไว้
“นางแก้ว เจ้าเป็นหยังบ่อ”
คำอ่อนสะดุ้ง หันไปมองเห็นว่าคนที่เข้ามาประคองไว้คือพุทไธนั่นเอง พอพุทไธเห็นคำอ่อนขืนตัวยืนได้ก็รีบปล่อยมือ อย่างให้เกียรติ
“ข้อยเห็นนางแก้วทำท่าเซคือสิล้ม ก็เลยคึดว่าสิเป็นลม”
คำอ่อนมองพุทไธอย่างอึ้งๆ ความใกล้ชิดทำให้รู้สึกเขิน
“ข่อย...เป่นทร่งหน่ามืดแนจักหน่อยจ้ะ อ้าย”
“หน้ามืดเบาะ”
พุทไธนึกได้ ควักกระเป๋าชายเสื้อตัวเอง หยิบห่อยาหอมออกมา
“ข้อยมียาหอมยาลม เจ้าดมเข้าไปแล้วสิดีขึ้น”
คำอ่อนรับมาทำตาม แล้วค่อยๆ ทรุดนั่งลงที่แคร่ตามเดิม มองพุทไธที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างประทับใจ
“ฮู้สึกดีขึ้นบ่อ นางแก้ว”
คำอ่อนเห็นสีหน้าจริงจังของพุทไธแล้วอมยิ้ม “ดีขึ้นแล้วจ้ะ แต่เจ้าอย่าเอิ้นข้อยว่านางแก้วเลย ข้อยอาย ข้อยซื่อ...”
คำอ่อนกำลังจะบอกชื่อ แต่เสียงจันทร์ดังขัดขึ้นก่อน
“อ้ายพุทไธ”
พุทไธหันกลับไปมอง เห็นจันทร์เดินตรงเข้ามาหากับเพื่อน พอจันทร์เห็นคำอ่อนก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
“อยู่นี่เอง ข่อยตามหาทั่วศาล่ากะบ่อเห็น”
“อ้ายกำลังสิขึ้นไป แต่เห็นนางแก้วเพิ่นหน้ามืดสิเป็นลม ก็เลยแวะมาเบิ่งอาการ”
จันทร์กับเพื่อนมองคำอ่อนอย่างไม่ถูกชะตา
“อ้ายพุทไธนี่ มางานบุญ ก็ยังบ่อวายเฮ็ดโตเป็นหมอ” เพื่อนว่า
จันทร์สะบัดหน้าเมินหนีคำอ่อน “ถ้าเพิ่นบ่อเป็นหยังแล้วกะขึ้นไปเทิงศาลากันเถาะอ้าย ไปซ่อยกันถวายเพล”
จันทร์ดึงแขนพุทไธออกไปกับเพื่อน ทิ้งคำอ่อนไว้อย่างไม่สนใจ คำอ่อนยังนั่งดมยาดม แต่มองตามพุทไธ พึมพำชื่อเขาอย่างจะจดจำประทับไว้ในใจ
“อ้ายพุทไธ”
นางงอหลับตานิ่งอยู่หน้ากระจกนึกถึงอดีต จนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาก็สะดุ้งตื่น รีบเปิดประตูเรือนออกไปชะโงกหน้ามอง เห็นแสงไฟรถศรีธาราแล่นเข้ามารู้ทันที
“พ่อแพทย์”
สะออนกับโซ่ทองประคองพ่อแพทย์นอนลงกลางชานเรือนแพทย์ จนเห็นนางงอกะย่องกะแย่งขึ้นเรือนเดินมาดูใกล้ๆ ถามอย่างห่วงใยและอาทร
“พ่อแพทย์ เจ้าเป็นจังใด๋แหน่”
พ่อแพทย์เหลือบมองนางงออย่างอ่อนเพลีย
“ดีขึ้นแล้วล่ะ แม่งอ”
“ข้อยบ่อสำบายใจเลยที่ฮู้ว่าเจ้าป่วยหนัก” นางงอหันไปหาโซ่ทองเรื่องการรักษา “แล้วนี่เตรียมว่านยาให้เพิ่นกินรึยัง”
“ข้อยกับสะออนเบิ่งพ่อแพทย์มาตลอดท่าง แม่งอบ่อต้องห่วงดอก” โซ่ทองบอก
ศรีธาราเอ่ยขึ้น “น่าจะพาพ่อแพทย์ไปนอนที่เรือนใหญ่นะครับ”
“ให้ข้าน้อยนอนที่นี่เถาะท่านซาย หากโรคที่ข้าน้อยเป็นมันติดต่อกันได้ สิได้บ่อลามไปติดคนอื่น พวกเจ้ากะคือกัน คลุกคลีกับพ่อมาเหมิดมื้อแล้ว ไปหาอาบน้ำ ล้างเนื้อล้างโตสา” พ่อแพทย์บอก
“ญาพ่อ อ้ายโซ่รักษาญาพ่อจนอาการดีขึ้นปานนี้แล้ว สิห่วงหยังอีก สิติดกะติดโลด ข้าน้อยบ่อย่านดอก จั่งใด๋ ข้าน้อยกะต้องเบิ่งญาพ่อ สิถิ่มพ่อโตเองลงจั่งได๋ ญาแม่เองก็คงเป็นห่วง อยากฮู้อาการของญาพ่อ ข้าน้อยสิไปเอิ้นเพิ่น”
สะออนขยับลุกขึ้น นางงอขัดขึ้นอย่างหมั่นไส้
“อย่าฟ่าวเลยสะออน ญาแม่คำอ่อนเองกะบอสำบ่ายคือกัน ตอนนี่ สะอาดคง นอนเฝ้าอยู่”
สะออนชะงัก “ญาเอื้อยสะอาดมาบ้านบ่อจ้า แม่งอ”
“มาตั้งแต่มื่อคืนแล้วล่ะ”
นางงอพูดอมพะนำ สีหน้ายิ้มๆ พิกล โซ่ทองกับศรีธารามองหน้ากัน สังหรณ์ใจขึ้นมาทันที
สะออน โซ่ทอง ศรีธาราขึ้นเรือนใหญ่มาด้วยกัน มองเห็นสะอาดนั่งเฝ้าญาแม่ที่นอนหลับนอกชานนั่นเอง
“ญาเอื้อย”
สะอาดหันมาส่งสัญญาณไม่ให้ทำเสียงรบกวนญาแม่ที่หลับไปแล้ว ก่อนจะลุกมาหาทั้งสาม พากันเดินห่างออกมาอีกทางของเรือน
“ญาแม่เป็นลมตั้งแต่มื่อวาน ยังบ่อหายอีกเบาะ ญาเอื้อย” โซ่ทองถามอย่างห่วงใย
“ยังเลยโซ่ทอง” สะอาดหน้าซึมลง “มื้อเซ้า ญาแม่กะหน้ามืดไปอีก”
“ญาเอื้อยกะเลยต้องเทียวไปเทียวมา บ่อได้กลับคืนวังจักเทือ”
สะออนไม่รู้เรื่องกับใครเขา เห็นสะอาดก้มหน้านิ่ง ตัวสั่นน้อยๆ เหมือนสะเทือนใจขึ้นมา รีบจับมือพี่สาวบีบปลอบใจ คิดว่ากังวลเรื่องพ่อและแม่
“ข้าน้อยกลับมาแล้ว เดี๋ยวข้าน้อยสิเบิ่งญาพ่อกับญาแม่เองจ้ะ ญาเอื้อยกลับวังไป กับท่านซายสาเนาะ”
“บ่อ เอื้อยบ่อไป” สะอาดเสียงแข็ง
สะออน โซ่ทอง ศรีธารา ชะงัก สะอาดค่อยๆ เงยหน้ามอง เห็นตาแดงๆ หันไปหาศรีธารา
“ท่านซายอย่าเคืองเลยนะเจ้าคะ ถ้าข้าน้อยสิบ่กลับไปที่วังอินทนิลอีก”
สะออนแปลกใจ งง สงสัย “เป็นหยังละญาเอื้อย เกิดหยังขึ้น”
สะอาดส่ายหน้าพยายามกลั้นน้ำตา ศรีธาราขมวดคิ้วมอง หลุดปากออกมาอย่างร้อนใจ
“เพราะญาเอื้อยสอางใช่ไหมครับ”
พอศรีธาราพูดชื่อสอางออกมา สะอาดก็กลั้นไม่อยู่ ปล่อยโฮออกมา แล้วโผเข้ากอดสะออน สีหน้าสะออนช็อก เริ่มจับต้นชนปลายทุกอย่างได้
โซ่ทองนั่งซึมอยู่ที่แคร่หน้าเรือนแพทย์ รู้สึกเสียใจที่สอางทำเรื่องร้ายขึ้นมาอย่างที่เคยหวั่นกลัว
“เรื่องนี่แม่นบ่อที่อ้ายกับเจ้าศรีธาราจอบเว้ากัน ข้อยถามทอใด๋ก็บ่อยอมปาก” (จอบ (กิริยา, คุณศัพท์) = แอบ)
“อ้ายกับท่านซายเห็นว่า เรื่องพ่อแพทย์ก็หนักหนาอยู่แล้ว บ่ออยากเฮ็ดให้เจ้าทุกข์ใจหลายขึ้น” โซ่ทองถอนใจ “มื่อคืนก็ตั้งใจว่าถ้ากลับมาแล้ว อ้ายกับเพิ่นสิซ่อยกันเอาโตสอางออกมาจากวังให้เร็วที่สุด แต่ก็บ่อคึดว่าสิซ้าเกินไป”
“คนอย่างญาเอื้อยสอาง ถ้าอยากได้หยังแล้ว เพิ่นบ่อยอมเสียเวลาโดนดอก เพิ่นสิต้องยาดแย่งเอามาให้ได้ ให้เร็วที่สุดนำ”
สะออนยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจทรุดนั่งอย่างคนหมดแรง น้ำตาเอ่อคลอ สงสารสะอาดเหลือเกิน
“ตอนนั่นอ้ายก็เตือนข้อยแล้วแท้ๆ ว่ามันสิเกิดเรื่อง แต่ข้อยบ่อสังหรณ์ใจเอง ย่อนบ่อคึดว่าญาเอื้อยสิกล้าเฮ็ดแบบนี่กับพี่น้องโตเองได้เป็นเทือที่สอง”
สะออนนั่งคอตก น้ำตาคลอ โซ่ทองมองดูด้วยความสงสารที่สะออนแบกรับเรื่องหนักๆในช่วงนี้
“ถึงหวังดีแค่ใด๋ เจ้าก็ทัดทานสอางบ่อได้อยู่ดี”
“ข้าน้อยเวทนาญาเอื้อยสะอาด ข้าน้อยบ่ออยากให้คนบุญอย่างเพิ่น ต้องมากินน้ำตา ตกเป็นเหยื่อของคนบาป” สะออนน้ำตาไหลพราก
“สะออน ญาเอื้อยสะอาดเลือกแล้วที่สิวางของหนักลงจากบ่า เฮาควรให้เพิ่นได้สุขสงบ สิไปวิวาทผิดเถียงกับสอาง มีแต่สิเสื่อมเสียอับอายไทบ้านไทเมือง ที่สำคัญ อาการป่วยของพ่อแพทย์ก็ยังบ่อดีขึ้น เฮาสิให้เพิ่นฮู้เรื่องนี้บ่อได้เป็นอันขาด”
สะออนเจ็บปวด หน่วงในใจ อ่อนแอกับหลายเรื่องราวที่ประดังประเดในครอบครัว จนระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลอาบ ระบายความอัดอั้น
“อ้าย... ข้อยบ่อไหวแล้ว หัวใจของข้อย มันก็เป็นเลือดเป็นเนื้อ บ่อแม่นกรวดดินหินผา เฮือนพุทไธเทพมีแต่แนวเป็นไป บ้านแตกสาแหรกขาด พ่อแม่พี่น้องบ่อมีไผสุขสงบกันจักคน เสาหลักของบ้านก็กำลังล้ม ข้อยทุกข์ทรมานใจแท้อ้าย”
โซ่ทองตกใจ เห็นน้ำตาสะออน นึกเวทนาจับหัวใจ ทรุดนั่งลงตรงหน้าพูดปลอบ
“สะออน เจ้าบ่อได้แบกโลกเทิงใบไว้ผู้เดียวดอก โลกของเจ้านั่น อ้ายก็ซ่อยแบกอยู่เทิงสองบ่า บ่อเคยให้เจ้าต้องฮู้สึกเดียวดาย”
สะออนร้องไห้สะอื้นหนัก โซ่ทองประคองใบหน้า เอามือปาดสายน้ำตา สะออนมองเห็นหน้าโซ่ทอง
“เจ้าฮ้องไห่ออกมาให้เหมิด ล้างความหมองไหม้ในหัวใจออกให้เหมิด มื่ออื่น เฮาสิเริ่มต้นกันใหม่ อ้ายสิบ่อถิ่มบ่อป๋าเจ้าไปไส เฮาสิอยู่สู้นำกันเด้อ”
สะออนโผเข้าซบโซ่ทองยึดเป็นที่พึ่ง โซ่ทองกอดปลอบประโลมไว้
“จ้ะอ้าย อ้ายสัญญาแล้วเด้อ ว่าอ้ายสิบ่อทอดถิ่มข้อย เราสิอยู่สู้นำกันเนาะอ้าย”
คืนนั้น ศรีธาราเดินหน้าเครียดๆ เข้ามาในตึกตำหนักใหญ่ ทองมีโผล่หน้าออกมาเห็นก็ดีใจ
“ท่านซายกลับคืนมาแล้ว ข้าน้อยสิไปเอิ้นพ่อเจ้าให้เด้อเจ้าคะ”
ทองมีจะผละไป แต่ศรีธารายกมือห้าม
“ไม่ต้อง ฉันยังไม่อยากเจอใคร”
ศรีธารามองไปทางห้องพ่อเจ้าอย่างหงุดหงิด แล้วจะเดินผ่านไป แต่ชะงักเมื่อเห็นตำแหน่งที่เคยวางรูปของแม่เจ้าปทุมรัตน์ว่างเปล่า
“รูปของท่านแม่หายไปไหน”
ทองมีชะงักหน้าเสีย ไม่กล้าพูด ศรีธาราโมโหกว่าเดิม ตวาด
“ฉันถามว่ารูปของท่านแม่หายไปไหน”
“เอ่อ...กรอบฮูปท่านแม่เจ้าตกลงมาแตกมื่อคืนนี่เจ้าค่ะ”
ศรีธาราโกรธ พอจะรู้รางๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
สอางกำลังยืนคุมให้เสากับสีแหล่เก็บข้าวของสะอาดใส่ห่อ ศรีธาราเปิดประตูผลัวะเข้ามา สามคนหันมามอง สอางฉีกยิ้มต้อนรับ
“ท่านซาย กลับคืนมาแล้วบ้อเจ้าคะ ญาพ่อข้าน้อยเป็นจั่งใด๋แหน่”
“ญาเอื้อยยังมีกะจิตกะใจถามถึงพ่อแพทย์อีกหรือ นึกว่าวันๆ คิดถึงแต่เรื่องของตัวเองคนเดียว”
สอางหน้าม้านที่โดนด่า แต่ก็ฝืนยิ้มสู้
“ก็ตอนนี้ เรื่องของข้าน้อยบ่อมีหยังให้ห่วงแล้วนี่เจ้าคะ” สอางหันไปสั่งเสากับสีแหล่ “พวกมึงเก็บข้าวของญาเอื้อยให้แล้วเร็วๆ เผื่อมื่ออื่น ท่านซายไปเฮือนพุทไธเทพ สิได้ฝากไปคืน”
เสาสีแหล่รับคำพร้อมกับ สีหน้าเบิกบาน ศรีธาราทนไม่ไหว เข้าไปฉุดแขน
“แต่สิ่งที่ผมอยากเอากลับไปคืนที่สุด ก็คือผู้หญิงอย่างญาเอื้อย”
“ท่านซาย ปล่อยข้าน้อย”
“ญาเอื้อยเป็นตัวทำลายความสุขสงบของทุกคน ไม่สมควรได้เข้ามาเหยียบมายืนในวังนี้ตั้งแต่แรก”
ศรีธาราลากสอางออกมานอกห้อง เสากะสีแหล่ตกใจ วิ่งตามมาห้าม ถูกไล่ด้วย
“เธอสองคนก็เหมือนกัน ไปเก็บข้าวของตัวเองออกไปพร้อมกับนายคืนนี้เลย ไป”
เสากับสีแหล่หน้าตื่น แต่กลัวศรีธารา เลยพากันวิ่งออกไป ศรีธาราลากสอางออกมาจากห้อง
ศรีธาราลากสอางออกมานอกห้อง สอางดิ้นรนขัดขืนแต่สู้แรงไม่ไหว ร้องโวยวาย
“ปล่อยข้าน้อย ท่านซาย ข้าน้อยเจ็บ”
ศรีธาราไม่สนใจ ลากสอางถูลู่ถูกังไป แต่เสากับสีแหล่วิ่งไปตามพ่อเจ้ามาดักหน้า
“ศรีธารา ลูกจะทำอะไร”
“ญาเอื้อยสอางจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ครับท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ได้ต้องการผู้หญิงแบบนี้ ท่านฝากฝังญาเอื้อยสะอาดไว้กับท่านพ่อ คนเดียวเท่านั้น”
พ่อเจ้าหน้าเสียละอายใจวูบ
“แต่ญาเอื้อยเป็นคนเลือกที่สิออกไปเอง ข้าน้อยบ่อได้ขับไสไล่ส่งจักหน่อย” สอางยิ้มเยาะ “ถ้าสิกลับคืนมา ข้าน้อยก็บ่อขัด ดีซะอีก มาซ่อยกันดูแลพ่อเจ้า”
ศรีธาราตวาดลั่น “ใจคอจะให้พี่สาวกลับมาร่วมใช้สามีเดียวกับอย่างนั้นเหรอ ท่านพ่อหลงใหลได้ปลื้มผู้หญิงหน้าไม่มียางอายแบบนี้ได้ยังไงกันครับ”
พ่อเจ้าพูดอะไรไม่ออก สอางตะโกนโต้อย่างท้าทาย
“บอกเพิ่นไปแนเจ้าคะ ว่าอย่างน้อย แม่ญิงหน้าบ่อมียางอายอย่างข้าน้อย กะเฮ็ดให้พ่อเจ้ามีความสุขปานได้ขึ้นสวรรค์ อย่างที่เมียสองคนก่อนของพ่อเจ้าเฮ็ดบ่อได้”
“นังผู้หญิงเลว”
ศรีธาราโกรธ ลืมตัว ทำท่าจะเข้าไปขย้ำคอสอาง พ่อเจ้ารีบห้าม
“ศรีธารา อย่านะ”
พ่อเจ้าก้าวพรวดมาขวางไว้ เพราะกลัวลูกชายจะทำร้ายผู้หญิง
“พอเถอะลูก พ่อขอร้อง ยังไงสอางเขาก็เป็นเมียพ่อแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่”
ศรีธาราคับแค้น “แล้วญาเอื้อยสะอาดล่ะครับ”
พ่อเจ้าหน้าเสีย กล้ำกลืนความละอายใจ
“พ่อก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งสะอาด วังนี้ยังต้อนรับเขาเสมอ เพียงแต่สะอาดให้อภัยพ่อและยอมกลับมา”
ศรีธาราผงะ ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
“ผมเคยคิดว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา ผมรู้จักท่านพ่อเป็นอย่างดี แต่แค่ไม่กี่วันผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ทำให้ผมรู้ว่าเราไม่ได้รู้จักกันจริงๆ เลย”
ศรีธารายอมปล่อยมือจากสอางแล้วถอยหลังจากไป พ่อเจ้าหน้าเสียจะตาม
“ศรีธารา”
“โอ๊ย พ่อเจ้า ข้าน้อยเจ็บเจ้าค่ะ”
สอางแกล้งเอามือกุมขาที่โดนแก้วบาดแล้วทรุดลง พ่อเจ้าละล้าละลัง สุดท้ายหันมาดูสอางตามเคย
สะอาดเห็นภาพอดีตสมัยเวียงนาคคำ
เวลานั้นหูกคำผงะลุกขึ้น เมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่หน้ากรงขัง
“ซิ่น...ซิ่นลายหงส์”
ศรีสะอาดยืนอยู่หน้าคุก ยื่นผ้าซิ่นอวดหูกคำด้วยความสะใจ
“มึงเห็นรึยัง ว่าคนอย่างกู ถ้าอยากได้หยังแล้ว กะบ่อมีไผขัดได้”
“อัญญาเอื้อยเอามาได้จั่งได๋”
ศรีสะอาดหัวเราะเยาะ “แล้วมึงฝากไผเก็บเอาไว้ล่ะ”
หูกคำผงะ นึกถึงแม่ไอ่ขึ้นมาทันที
“แม่ไอ่...”
“ต้องขอบใจที่เพิ่นยอมบอกหม่องเก็บผ้าซิ่น แลกกับอิสระของโตเอง”
หูกคำช็อกไม่อยากเชื่อ
“เป็นไปบ่อได้ แม่ไอ่บ่อมีวันทรยศข้าน้อย”
“ถ้าจังซั่นมึงก็ลองไปถามแม่ไอ่เอาเอง เอ๊... แต่มึงสิถามได้จั่งใด๋ ในเมื่อต้องติดอยู่ในคุกหลวงนี่ ส่วนแม่ไอ่ ตอนนี่ก็คงหนีเตลิดไปฮอดไสแล้วก็บ่อฮู้”
ศรีสะอาดหัวเราะเยาะออกมาอย่างสะใจ หูกคำตัวสั่นด้วยความแค้นใจ ผิดหวังแม่ไอ่
“อย่าเคียดเพิ่นเลยอีหูกคำ อย่างน้อยเพิ่นก็บ่อเฮ็ดให้ผ้าซิ่นผืนงามของมึงต้องสาปสูญไปตลอดกาล กูสิเอาซิ่นผืนนี่ไปนุ่งอ้างไทบ้านไทเมืองในพิธีอภิเษกสมพงศ์กับสาธุบาทเจ้ารามังกูรแทนมึง”
ศรีสะอาดลอยหน้าลอยตาหัวเราะเยาะเย้ย หูกคำเจ็บใจ ยื่นมือออกมากระชากผ้า
“เอาผ้าซิ่นของกูคืนมา อีศรีสะอาด เอาของกูคืนมา”
ศรีสะอาดตั้งตัวไม่ทัน ถูกกระชากเข้าไปติดกับลูกกรงร้องวี๊ดว้าย หูกคำออกแรงกระชาก อีกมือก็บีบยื่นออกไปจิกหน้าจิกตาศรีสะอาดให้เจ็บ จะได้ยอมปล่อย
ศรีสะอาดร้องกรี๊ดๆ “อีหูกคำ ปล่อยกู กูเจ็บ”
ทหารรีบเข้าไปช่วยศรีสะอาดออกมาจนได้ ศรีสะอาดหายใจหอบ ชี้หน้าอย่างโกรธแค้น
“กูสิไปส่ออัญญาพ่อว่ามึงฆ่าตีกู อัญญาพ่อสิได้ส่งมึงลงนรกอเวจีเร็วขึ้น อีหูกคำ อีสันดานฆาตกร”
ศรีสะอาดรีบออกจากคุกหลวงไป หูกคำยืนสะอื้นไห้อยู่ในคุกอย่างคั่งแค้นและหมดหวัง
อัญญาหลวงเดินไปมาหงุดหงิด มองไปที่ศรีสะอาดที่นั่งสะอึกสะอื้นข้างๆ มหาเทวี
“จั่งใด๋หูกคำก็เป็นน้องของเจ้า สิเร่งให้เขาตายเร็วไปเฮ็ดหยัง”
ศรีสะอาดบีบน้ำตา “แต่มันฆ่าตีข้าน้อยเด้เพคะ อัญญาพ่อ”
“มันเป็นย้อนเจ้าหมั่นไปวนเวียนหาเรื่องหาราวเขาฮอดในคุกหลวง”
ศรีสะอาดหน้างอ เสียใจที่พ่อไม่เข้าข้าง มหาเทวีปลอบลูกแล้วลุกขึ้นโวยผัว
“อัญญาหลวงเว้าแบบนี้ หมายความว่า สิเปลี่ยนใจ ไว้ซีวิตมันซั่นเบาะเพคะ”
อัญญาหลวงนิ่งงัน มีความคิดอย่างนั้นแต่ไม่กล้ายอมรับออกมา
“อีหูกคำมันเป็นกบฏ มีโทษสถานเดียวคือประหาร ข้าน้อยหวังว่า อัญญาหลวงสิบ่อเฮ็ดผิดกฎมณเฑียรบาล ไว้ซีวิตนักโทษฮ้ายแฮงอย่างมันดอกเด๊อเพคะ”
อัญญาหลวงอึ้ง ศรีสะอาดพูดต่อ
“ซีวิตข้าน้อยกับอัญญาแม่เกือบต้องถืกปลิดลง ย่อนแผนลอบสังหาร หากอัญญาพ่อไว้ซีวิตมัน ก็ส่ำว่าซีวิตเฮาสองแม่ลูก บ่อมีค่าส่ำซีวิตของกบฏอย่างมัน”
อัญญาหลวงทนไม่ไหว ระเบิดใส่ “ข้อยเป็นเจ้าชีวิต เจ้าแผ่นดิน ข้อยฮู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าต้องเฮ็ดแนวใด๋ พวกเจ้าเซามายุ่งยาก เอาใจไปใส่ธุระเรื่องเดินทางไปนครเวียงจันท์สาเถาะ”
อัญญาหลวงพูดจบก็เดินหนีไปอย่างฉุนเฉียว ศรีสะอาดมองตามอย่างขัดใจ
“ข้าน้อยว่า อัญญาพ่อคึดหลูโตน หาเรื่องถ่วงเวลาซ่อยอีหูกคำแน่ๆ เพคะ
“แม่กะคึดคือกัน”
“ข้าน้อยย่านว่าระหว่างที่เฮาเดินทางไปเวียงจันทน์นี่ล่ะ อัญญาพ่อสิหาโอกาสปล่อยอีหูกคำ แล้วถ้ามันบ่อตาย ความจริงที่เฮาใส่ร้ายมัน ก็สิยังคงอยู่ต่อไป เฮาสิเฮ็ดจั่งใด๋ดีเพคะ อัญญาแม่”
มหาเทวีครุ่นคิด สีหน้าเยือกเย็น
“ถ้าจั่งซั่น กะบ่อต้องไปเวียงจันทน์”
“แต่ถ้าพระเจ้าแผ่นดินล้านช้างทรงพระพิโรธและเข้าใจว่าข้าน้อยปฏิเสธไมตรี บ่อยอมเข้าอภิเษกสมพงศ์กับสาธุบาทเจ้าล่ะเพคะ”
มหาเทวีมองหน้าศรีสะอาดจับแก้มอย่างเอ็นดู
“แม่สิส่งพระราชสาสน์อัญเซิญสาธุบาทเจ้ารามังกูร ให้เสด็จมาเวียงคำนาคแทน ส่วนอีหูกคำ แม่สิหาวิธีเด็ดหัวมัน ก่อนที่ขบวนเสด็จสิมาฮอด”
ศรีสะอาดยิ้มได้สีหน้ามีความหวัง สวมกอดมหาเทวีอย่างดีใจ
ท้องทุ่งนาหลังเรือนไธเทพเขียวขจีกว้างสุดสายตา บนเรือนแพทย์ เสียงนกอีแก้วดังเจื้อยแจ้วไปทั่วเรือน
“อีแก้วฮักแม่ อีแก้วฮักแม่”
สะออนกำลังป้อนกล้วยใส่กรงให้อีแก้ว สีหน้าสุขใจ
“แล้วบ่อฮักอ้ายบ้างเลยเหรอ อ้ายมาช่วยป้อนข้าวให้ตั้งหลายวันแล้วนะ”
ศรีธาราพูดอย่างอารมณ์ดีขณะลงนั่งช่วยป้อนกล้วยให้ แต่อีแก้วมองเมินไม่กิน
“บอกฮักท่านซายแหน่ อีแก้ว เพิ่นก็ฮักเจ้าคือกันเด้ เว้าได้บ่อ อีแก้วฮักท่านซาย อีแก้วฮักท่านซาย”
นกแก้วไม่สนใจกระโดดไปกระโดดมา ส่งเสียงร้อง
“อีแก้วฮักพ่อ อีแก้วฮักแม่”
ศรีธาราหัวเราะ “แล้วกัน อีแก้วรักแต่สะออนกับอ้ายโซ่เท่านั้นเอง สงสัยต้องไปหานกแก้วหนุ่มๆ มาจับคู่กับมัน เผื่อจะซื้อใจมันได้”
“ตอนนี้มันยังไม่คุ้นกับท่านชายมั้งเจ้าคะ รออีกซักหน่อย”
“ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเดือนแล้วนะครับ คนในเรือนพุทไธเทพก็คงเห็นผมเป็นคนในครอบครัวหมดแล้ว เหลือแต่อีแก้ว”
ศรีธาราพูดพลางสบตากับสะออน จงใจสื่อความหมายลึกซึ้งให้ สะออนหลบตา
“จริงสิ วันก่อนท่านข้าหลวงไซยสาเกตก็แวะมาถามถึงท่านชาย เพิ่นอยากให้ท่านชายกลับไปเยี่ยมพ่อเจ้าบ้าง”
ศรีธาราชะงัก หน้าตึง อารมณ์เบิกบานหายไปทันที
“ท่านชายหายเงียบมานานขนาดนี้ พ่อเจ้าคงจะเป็นห่วงนะเจ้าคะ”
“ท่านรู้ว่าผมยังอยู่ที่นี่ ก็คงไม่ห่วงหรอกครับ ยังไงผมก็มีความสุขกับที่นี่มากกว่ากลับไปอยู่ที่วังอินทนิล”
ศรีธาราพูดขรึมๆ แล้วเดินออกไป สะออนมองตามสีหน้าหนักใจ ไม่อยากให้พ่อลูกทะเลาะกัน
พ่อแพทย์ยังคงนอนพักฟื้นอยู่บนเรือนเพราะยังไม่แข็งแรงดี วันนี้สะอาดกับญาแม่ช่วยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ
“มื้อนี้ กับข้าวคงสิแซบถืกปาก พ่อแพทย์ถึงกินข้าวได้หลาย เป็นแบบนี้อีกจักหน่อย กะคงสิมีเฮี่ยวแฮงปั้นข้าวกินเอง บ่อต้องให้ลูกป้อนแล้ว”
“ข้อยกะอยากให้เฮี่ยวแฮงกลับมาไวๆ สิได้บ่อเป็นภาระลูก”
“ภาระหยังน้อญาพ่อ ตอนน้อยๆ ญาพ่อกับญาแม่ก็เป็นคนบดกล้วย ป้อนข้าว ป้อนน้ำข้าน้อย แล้วเป็นหยัง ใหญ่ขึ้นมา ข้าน้อยสิตอบบุญแทนคุณญาพ่อบ่อได้”
พ่อแพทย์ลูบหัวสะอาดอย่างเอ็นดู ซึ้งใจ
“แต่เจ้าบ่อแม่นคนโตเปล่าแล้ว มีผัวที่ต้องเบิ่ง ต้องดูแล”
สะอาดชะงักไปทันที เพราะยังไม่ได้บอกเรื่องสอางกับพ่อแพทย์
“เจ้ามาอยู่กับพ่อโดนๆ แบบนี่ พ่อเจ้าสิว่าเอาได้ ว่าบ่อสนใจไยดีเพิ่น”
สะอาดหลบสายตา ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ญาแม่รีบออกตัวแทน
“บ่อต้องห่วงลูกดอก สะอาดคงสิเว้ากับพ่อเจ้าจนเข้าใจกันแล้ว ถึงได้มาหาพ่อได้ พ่อเจ้าเพิ่นกะคงเป็นห่วงพ่อแพทย์คือกัน ถ้าบ่อจั่งซั่น คงบ่อยอมให้สะอาดมาหาดู๋ๆ ดอก”
พ่อแพทย์พยักหน้ารับ ค่อยสบายใจขึ้น แต่แล้วก็นึกถึงสอางขึ้นมา
“แล้วเจ้าเทียวไปเทียวมา เป็นหยังบ่อพาสอางมาหาพ่อนำแหน่ หรือสอางมันยังเคียดพ่ออยู่”
สะอาดอึกอักคำรบสอง ได้แต่มองหน้ากับญาแม่ แล้วจำใจโกหกออกไป
“เพิ่นก็อยากมาจ้ะ แต่เพิ่นยังบ่อกล้าสู้หน้าญาพ่อ”
“พ่อบ่อได้เคียดได้ขมหยังมันแล้ว บอกน้องให้คืนมาอยู่บ้านเฮาสาลูก อย่าไปรบกวนพ่อเจ้าเพิ่นเลย อยู่ไส ก็บ่อสุขใจ คือบ้านของเฮาเองดอก”
สะอาดสะท้อนใจอยากจะปล่อยโฮออกมา แต่ก็พยายามกลั้นไว้ แล้วรับเอาคำพ่อเบาๆ
สะอาดเดินเข้ามาในโรงทอ แล้วทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง น้ำตาคลอๆ หน่วยตา ญาแม่เดินตามเข้ามา
“ข้าน้อยบ่ออยากตั๋วญาพ่อต่อไปเลยจ้ะ เพิ่นยังคึดว่าน้องขาวสะอาด ถ้าหากมื้อหนึ่ง ได้ฮู้ความจริงว่าสอางเฮ็ดหยังลงไป บ่อฮู้รู้ว่าสิปวดใจปานใด๋”
“แม่เองกะบออยากปิดบัง แต่พ่อของเจ้ายังบ่อหายดี ถ้าฮู้เรื่องกะย่านว่าสิทรุดลงไปอีก”
“แต่เฮาสิปิดบังไปได้อีกโดนปานใด๋ ญาแม่ โตน้องเองก็เทียวป่าวประกาศไปทั่วคนฮู้เข้า เขาก็เอาไปเว้าพื้นนินทาปากต่อปาก”
“แม่ถึงอยากให้เจ้ากลับไปรักษาฐานันดรศักดิ์ของแม่เจ้าสะอาดไว้ ถ้าเจ้ายังอยู่วังอย่างน้อยพ่อเจ้ากะคงเกรงใจ บ่อยอมให้สอางมันออกหน้าออกตาได้”
“ข้าน้อยบ่อได้มีจิตที่คิดสิยาดแย่งกับไผ และบ่อมีวันเอาซะนะสอางได้ดอกย่อนน้องเกิดมา เพื่อซนะเหนือข้าน้อย”
สะอาดนึกถึงอดีตที่ตัวเองเห็นด้วยความเศร้าใจ ญาแม่แปลกใจ
“เป็นหยังลูกเว้าแนวนั้น”
สะอาดสบตากับญาแม่ “สอางเกิดมาเพื่อเป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้าน้อย”
ญาแม่อึ้งไป ก่อนจะแค่นหัวเราะอย่างไม่เชื่อนัก
“ถ้าจั่งซั่น มันกะคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของพวกเฮาทุกคนหั่นล่ะ บอว่าพ่อแม่ สะออน และคนอื่นๆในบ้าน กะอกไหม้ไส้ขมย้อนน้ำมือของมันทั้งนั้น”
วันเวลาผ่านไป
เช้าวันนี้ ที่สนามหญ้าหน้าตำหนักตึกใหญ่ มีการจัดฉากวางโซฟาหรูหราไว้สำหรับถ่ายภาพ สอางแต่งตัวสวยงามเต็มยศ นุ่งซิ่นลายหงส์นั่งถ่ายรูปเคียงคู่กับพ่อเจ้าในชุดพื้นเมืองอีสานบุรี โดยมีช่างภาพคอยกำกับท่าและถ่ายภาพให้ด้วยกล้องอันทันสมัย
สอางเปลี่ยนท่าทั้งนั่งยืนหลายอิริยาบถ ให้ช่างภาพถ่ายรูปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย โดยมีเสากับสีแหล่ เฝ้ามองจับจ้องอย่างตื่นเต้น ขณะที่พ่อแพทย์นั่งสีหน้าซังกะตาย
ในที่สุดพ่อเจ้ากระซิบบอกด้วยท่าทีอึดอัด “เสร็จรูปนี้ก็พอเถอะสอาง ช่างถ่ายภาพคงจะเหนื่อยแล้ว นั่งรถมาจากพระนครก็ยังไม่ได้พักเลย”
“ถามมันเบิ่ง ว่าสิเอาบ่อเงิน เฮาเอาเงินทองจ้าง บ่อได้เอาขี้ดินมาจ้างจักหน่อย”
“เธอจะถ่ายรูปไปทำไมตั้งมากมาย ก็ไหนว่าอยากได้รูปคู่ไว้ใส่กรอบรูปเดียว”
“ถ่ายไว้เลือกเจ้าค่ะ เลือกเอาฮูปที่งามที่สุด แขกไปไทมา ได้เห็นเข้า ข้าน้อยสิได้ บ่ออายคน ว่างามสู้แม่เจ้าคนเก่าๆ ของพ่อเจ้าบ่อได้”
“ไม่มีใครเขาสนใจเรื่องแบบนั้นหรอก”
“พ่อเจ้าบ่อฮู้หยัง ทุกมื่อนี่ ข้าน้อยไปไสก็มีแต่คนเว้าพื้นนินทา มันก็คงบ่อพ้นเอาข้าน้อยไเปรียบเทียบกับแม่เจ้าปทุมรัตน์กับญาเอื้อยสะอาด”
พ่อเจ้าถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เริ่มเห็นตัวตนของสอางชัดขึ้นเรื่อยๆ สอางมองค้อน
“ถ้าพ่อเจ้าเหนื่อย ก็เซิญไปพักก่อนเจ้าคะ ให้ช่างถ่ายฮูปข้าน้อยผู้เดียวก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปทำงานต่อล่ะนะ”
พ่อเจ้าลุกออกไป ช่างภาพเหวอมองตาม
“พ่อเจ้าต้องไปเฮ็ดเวียก แต่ข้อยยังถ่ายบ่อแล้ว ถ่ายต่อเลย”
สอางยืนโพสท่าถ่ายรูปต่ออย่างกระฉับกระเฉง
เวลาผ่านไป สอางเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดใหม่ แต่ยังนุ่งซิ่นลายหงส์ตัวเดิมออกมาให้ช่างภาพถ่ายรูป
ช่างภาพกำลังเตรียมเซ็ตกล้อง เปลี่ยนมุมถ่าย เสากับสีแหล่เข้ามาดูแลจัดผมเสื้อผ้า
สอางมองแดดเปรี้ยงๆ อย่างอ่อนเพลีย แต่พยายามฝืนไว้
“หน้าแม่เจ้าสอางเป็นสีซีดๆ ไปเด้เจ้าคะ เดี๋ยวข้าน้อยไปเอาแป้งมาแต่งให้” เสาบอก
“มึงไปเอาไวน์แดงมาดีกว่า กูอยากกิน”
สีแหล่ท้วง “แม่เจ้าสอาง สิกินแต่เว็นเลยบ้อเจ้าคะ”
“ก็กินให้เลือดสูบฉีด หน้ากูสิได้แดงเปล่งปลั่ง ถ่ายฮูปออกมางามๆ นั่นเด้”
“เจ้าค่ะๆ”
เสารีบวิ่งไปเอาไวน์มาให้สอาง
เวลาผ่านไปอีก สอางวางท่าจิบไวน์ พร้อมกับถ่ายรูป สีหน้าเริ่มกึ่มๆ เซไปเซมา ช่างภาพชะงักมอง
“แม่เจ้าสอาง ไหวไหมขอรับ”
สอางเริ่มเบลอเพราะความมึนเมา แต่พยายามฝืนตัว เอามือเกาะเก้าอี้ไว้
“ได้ๆ ข้อยยังไหวอยู่”
สอางจิบไวน์จนหมดแก้วแล้วพยายามยืนตัวตรง ช่างภาพมีสีหน้ากังวล แต่ก็จำต้องถ่ายภาพต่อ แต่พอกดชัตเตอร์ สอางก็หน้ามืดล้มลงไปคาเก้าอี้ เสากับสีแหล่ร้องวี้ดว้าย
“แม่เจ้า แม่เจ้าสอาง”
สอางรู้สึกตัวขึ้นอีกที พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้อง มีพ่อเจ้านั่งกุมมืออยู่ข้างๆ
“สอาง...เป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าน้อยเป็นหยังไปเจ้าคะ”
“เธอถ่ายรูปอยู่ที่สนาม แล้วก็หน้ามืดเป็นลมไป เสากับสีแหล่บอกว่าเธอดื่มไวน์ด้วย ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เพลาๆ ลงบ้าง อย่าดื่มมากนัก”
สอางเสียงอ่อย “ข้าน้อยก็แค่จิบหน่อยๆ สิได้ถ่ายฮูปออกมางามๆ”
พ่อเจ้าถอนใจ “เธอทำท่าจะติดแล้วนะสอาง ต่อไปนี้ฉันคงต้องสั่งห้าม”
สอางโอดครวญเพราะติดแล้ว “พ่อเจ้า อย่าห้ามข้าน้อยเลยเจ้าคะ ก็ไสว่าพ่อเจ้าบอกว่ามักที่ข้าน้อยกินไวน์เป็น เข้าสังคมเก่ง”
“นี่มันมากเกินไป เธอกำลังทำให้ฉันรู้สึกผิด ที่ชักนำให้เธอลองเครื่องดื่มมึนเมาพวกนี้”
สอางหน้างอไม่พอใจ เสากับสีแหล่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับยกถาดอาหารเข้ามาด้วย
“เธอสองคนมาก็ดีแล้ว ต่อไปนี้ อย่าเอาไวน์มาให้แม่เจ้าสอางดื่มโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันก่อน เข้าใจไหม” พ่อเจ้าสั่งสีหน้าเข้ม
เสากะสีแหล่น้อมรับ “เจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าพยักหน้าแล้วเดินออกไป สอางมองตามตาคว่ำ บ่นบ้าหงุดหงิดไม่หาย
“บ่อฮู้ผีหยังเข้าสิง สอนให้กูกินจนติด แล้วอยู่ๆ ก็สิมาห้ามกู”
“ข้าน้อยว่าก็ดีแล้วเด้เจ้าคะ เป็นแม่ย่าแม่ญิงกินเหล้าเมายา มันบ่องาม แฮงตอนนี้เสวยยศเป็นแม่เจ้าแล้ว” สีแหล่ว่า
สอางไม่เห็นด้วย “คนด้อยปัญญาอย่างมึง สิไปฮู้หยังอีสีแหล่ แม่ญิงสมัยใหม่เขากินเหล้ากินไวน์กันทั้งนั่นยามเข้าสังคม กูเป็นเมียเจ้าเมือง ก็ต้องเฮ็ดตัวให้เข้ากับยุคสมัย สิมาอยู่เป็นแม่เจ้าล้าหลังดักดานอย่างญาเอื้อยบ่อได้ดอก”
สีแหล่หัวหดไม่กล้าออกความเห็นอีก เสาเห็นสอางอารมณ์ไม่ดีก็รีบเอาใจยกสำรับข้าวมาให้
“เอาล่ะเจ้าค่ะ แม่เจ้าก็ค่อยล้อค่อยอ่อยเพิ่น เดี๋ยวพ่อเจ้าก็ใจอ่อน ยอมให้กินเอง แต่ตอนนี้แม่เจ้าเสวยข้าวน้ำซ่ามปลาจักหน่อยแนเจ้าค่ะ”
เสายกสำรับข้าวขึ้นตั้งโต๊ะในห้องนอน
พ่อเจ้าเดินออกมาที่โถงรับแขก เห็นทองมีเดินนำเข้ามา มีโซ่ทองเดินตามหลัง
“โซ่ทองมาธุระหรือทองมี”
“ท่านแพทย์โซ่ทองมาตรวจร่างกายพ่อเจ้าเจ้าค่ะ”
โซ่ทองยกมือไหว้พ่อเจ้า
“เชิญข้างในก่อน โซ่ทอง ดีเหมือนกัน วันนี้สอางก็หน้ามืดเป็นลมไป เดี๋ยวตรวจฉันเสร็จแล้วก็ช่วยตรวจดูเขาเสียหน่อยนะ”
โซ่ทองทำหน้าแปลกใจ อ้าปากจะถามรายละเอียด แต่ก็ได้ยินเสียงวี้ดว้ายของเสากับสีแหล่ พร้อมกับเสียงจานชามตกดังเปรื่องปร่าง ทุกคนพากันตกใจ
เสากับสีแหล่ล้มกลิ้งอยู่กับพื้น เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยอาหารที่สอางอาละวาดเทราดใส่ จานชามแตกเกลื่อนห้อง
“อีปอบ อีพาก อีผีบ่อยากไส้ พวกมึงแกล้งกูติ มึงเอาหยังมาให้กูกิน”
โซ่ทอง พ่อเจ้า กับทองมีพรวดพราดเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“สอาง นี่มันอะไรกัน”
“อีสองโตนี่มันเอาของบูดของเน่ามาให้ข้าน้อยกิน เหม็นไปเหมิดเจ้าค่ะ”
“บ่อแม่นเด้เจ้าคะ ข้าน้อยก็จัดสำรับอย่างที่แม่เจ้าเพิ่นมักเสวยมาให้ตามปรกติ บ่อได้มีของผิดกระบูรแปลกปนเลย” เสาบอก
“ของกินปรกติกู มันบ่ได้เหม็นจังซี่ อีพวกขี้ค่านสันหลังยาว มึงเอาเศษของบูดของเน่ามาให้กูกินแม่นบ่อ”
สอางโวยวายเข้าไปทุบตีเสากับสีแหล่ ทั้งสองร้องวี้ดว้ายคลานหลบ สอางเริ่มได้กลิ่นเหม็นติดจมูกขื้นมาอีก
“โอ๊ย เหม็น ลากคอพวกมันออกไป ข้าน้อยทนบ่อไหว ข้าน้อยสิฮาก”
สอางเอามือปิดจมูกถอยกรูดหนี โซ่ทองมองอย่างแปลกใจ
สอางล้มตัวลงนอนเหนื่อยล้าบนเตียงนอน มองดูเสากับสีแหล่
“กูเหม็นหน้าพวกมึง หลายกว่าเหม็นของบูดเน่าอีก ออกไป กูบอกให้ออกไป”
พ่อเจ้าพยักหน้าบอกสองบ่าว “พวกเธอออกไปก่อน”
เสาสีแหล่ออกไป พ่อเจ้ามองดูสภาพซีดเซียวของสอางแล้วพูดกับโซ่ทอง
“โซ่ทอง ยังไม่ต้องตรวจฉัน ตรวจอาการสอางก่อนเถอะว่าเกิดวิปริตอะไร”
“โดยข้าน้อย”
โซ่ทองสีหน้าลำบากใจ เดินเข้าไปหาสอาง มองหน้า สอางมองอย่างรังเกียจเดียดฉัน
“อย่าบังอาจตีเสมอมานั่งแท่นบรรทมของแม่เจ้า นั่งคุกเข่าลงกับพื้นแทบตีนกูนี่”
โซ่ทองคุกเข่านั่งลงข้างๆ เตียง
“ขอข้อยเบิ่งมือเจ้าแน สอาง”
สอางวางอำนาจใส่ “กูเป็นเมียเจ้าเมืองอีสานบุรี ยศถาบรรดาศักดิ์กูเปลี่ยนไปแล้ว เว้ากับกูใหม่”
“ขอข้าน้อยเบิ่งมือแน แม่เจ้าสอาง”
โซ่ทองข่มใจ จ้องตาสอาง เหมือนเล่นสงครามประสาทกัน สอางยักท่าหวงตัวจนพ่อเจ้า เอ่ยขึ้น
“สอาง…”
“ถ้าบ่อเห็นแก่พ่อเจ้า มึงอย่าคึดว่าสิได้จับได้บายกู บักขี้ข้า”
โซ่ทองเสียงแข็งใส่อย่างไม่ยอม “ข้าน้อยเป็นแพทย์ของเจ้าเมืองอีสานบุรี ยศถาบรรดาศักดิ์ข้าน้อยก็เปลี่ยนไปแล้วคือกัน ขอให้แม่เจ้าเว้ากับข้าน้อยใหม่”
สอางเจ็บใจที่โดนยอกย้อน
“ขอมือให้ข้าน้อยตรวจชีพจร แม่เจ้า”
สอางเห็นพ่อเจ้าจ้องมองเชิงปรามอยู่จึงกระฟัดกระเฟียด ยื่นมือให้โซ่ทองจับอย่างไม่เต็มใจ
โซ่ทองจับชีพจรตรวจดูอย่างถ้วนถี่ มองดูลักษณะผิวพรรณซีดเซียวอิดโรยของสอางแล้วก็รู้อ่านอาการออก
“เป็นอย่างไรบ้างโซ่ทอง สอางแพ้อะไรหรือเปล่า”
“ธาตุขันธุ์อย่างนี้ มันจะเป็นอาการแพ้อย่างอื่นไปไม่ได้ดอกพ่อเจ้า”
สอางมีอาการพะอืดพะอม หยิบกระโถนข้างตัวมาอ้วกต่อหน้าสองคน เป็นอาการของคนแพ้ท้อง
พ่อเจ้าพึมพำออกมา
“สอางท้อง”
อ่านต่อตอนที่ 18